นักรบพันธุ์ผสม บทที่ 110 - โลหะสุญญากาศ
ในห้องขนาดใหญ่ที่ถูกจัดแต่งไว้อย่างเรียบหรู มันมีเสียงดังเหมือนคนตีกลองเบา ๆ ดังมาจากด้านบนอยู่สักพักหนึ่ง ก่อนที่มันจะหยุดลงอย่างฉับพลัน
และหลังจากนั้นไม่นานนัก เสียงตึงตังก็ดังขึ้นอีกครั้ง ร่างของคน ๆ หนึ่งกระโดดลงมาจากรูขนาดใหญ่บนเพดานมายืนอยู่ที่พื้นห้อง แม้ว่าเพดานของห้องนี้จะสูงจากพื้นมากกว่า 10 เมตร แต่ชายคนนั้นยังสามารถลงมาได้อย่างนุ่มนวลมาก แน่นอน ชายคนนี้คือเดวิดนั่นเอง! เขายังมีชีวิตอยู่ได้ ด้วยรอยแตกที่เกิดขึ้นในเสี้ยววินาทีสุดท้ายก่อนจะหมดสติลงไปอย่างสมบูรณ์นั่นเอง
การหมดสติลงไปของเขา เกิดจากการขาดออกซิเจน และการขาดออกซิเจนในสไปรเยอร์หมายถึงการขาดพลังงานในการขับเคลื่อนร่างกายทั้งหมดลงไปในคราวเดียวกันเลย
ตามปกติแล้วสไปรเยอร์ทุกคนจะสามารถกลั้นหายใจได้นานกว่ามนุษย์ธรรมดา และการหายใจในแต่ละครั้งของพวกเขา จะนำออกซิเจนเข้ามาสู่ในร่างกาย และใช้ประโยชน์ได้คุ้มค่ากว่ามนุษย์ทั่วไป แต่ไม่ใช่ในกรณีที่กำลังออกแรงดิ้นรนเอาตัวรอดของเดวิด เขาใช้ออกซิเจนที่สำรองเอาไว้ในร่างกายหมดเกลี้ยงในชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น และนั่นทำให้เขาหมดสติลงไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน
แต่ช่องว่างที่เกิดขึ้นบนผนังนั่น นำออกซิเจนจากภายในออกมาช่วยชีวิตเดวิดเอาไว้ แม้ว่าจะหมดสติไปแล้ว แต่เขาก็ยังหายใจอยู่ และจากลมหายใจที่เริ่มขาดห้วง ก็กลายเป็นการหายใจแรงและสม่ำเสมอขึ้นเรื่อย ๆ ร่างกายของเขายังสามารถหมุนเวียนเลือด เพื่อสร้างพลังงานกลับคืนมาให้ตัวเองได้
หลังจากเวลาผ่านไปสักพัก เดวิดก็ได้สติกลับคืนมา แม้ว่าเขาจะปวดหัวเป็นอย่างมาก แต่ก็ยังจำได้ว่าตัวเองต้องทำอะไร เขาเปิดช่องเล็ก ๆ นั่นให้ใหญ่ขึ้น และลงมายืนอยู่ในห้องข้างล่างนี้ได้ในที่สุด
ในตอนนี้ เดวิดปวดหัวของตัวเองเป็นอย่างมาก มันเหมือนกับมีสายฟ้าฟาดลงไปที่สมองของเขาโดยตรง และไม่ใช่แค่ครั้งเดียวด้วย แต่เป็นพายุฟ้าผ่าเลยเชียวล่ะ
ถ้ามีใครถามว่าเขาเกลียดอะไรมากที่สุด คำตอบของเดวิดจะเป็นการใช้สมองคิดอย่างจริงจัง เพราะมันจะทำให้หัวของเขานั้นปวดเป็นอย่างมาก และมันก็เป็นการปวดที่ไม่ได้แตกต่างจากครั้งนี้เลย ปวดจนอยากจะตัดหัวของตัวเองทิ้งไป!
เขาข่มอาการเจ็บปวดนั่นเอาไว้ก่อน แล้วค่อย ๆ กวาดสายตามองไปรอบ ๆ ห้องอย่างละเอียด เดวิดรู้สึกประหลาดใจกับสิ่งที่เห็นไม่น้อย เขาน่าจะกำลังยืนอยู่ในห้องทำงานขนาดใหญ่ ที่มีการแบ่งห้องรับแขกเอาไว้เป็นสัดเป็นส่วนอย่างชัดเจน นี่เป็นห้องที่ตกแต่งเอาไว้อย่างหรูหราทีเดียว แม้ว่าจะมีร่องรอยความทรุดโทรมตามกาลเวลาปรากฏอยู่ที่บริเวณต่าง ๆ ของห้องบ้างก็ตาม พื้นถูกปูด้วยกระเบื้องอย่างดี ผนังทั้งหมดน่าจะเป็นจอภาพโฮโลแกรม ที่ตอนนี้กำลังแสดงภาพวิวทิวทัศน์ของป่าเขาลำเนาไพรอันชุ่มชื้นสวยงามอยู่ บนเพดานสูงถูกประดับเอาไว้ด้วยโคมไฟ และแถบผ้าไหมอย่างสวยงาม รอบ ๆ ห้องมีรูปปั้นเปล่าเปลือยของผู้ชายและผู้หญิงวางตกแต่งอยู่จำนวนหนึ่ง พวกมันต่างทำขึ้นมาจากเงินและทองคำ หรืออย่างน้อย สีที่แสดงออกมาให้เห็นก็เป็นเช่นนั้น ของทุกอย่างที่ประดับประดาอยู่ในห้อง ล้วนเป็นสิ่งที่ดูจะมีราคาสูงทั้งหมด
แต่สภาพของมันคล้ายจะเป็นศูนย์หรือห้องวิจัยอะไรสักอย่าง มากกว่าที่จะเป็นที่พักอาศัยธรรมดา มีผนังกระจกสีขุ่นกั้นแบ่งเป็นพื้นที่เล็ก ๆ อยู่ตลอดทางเดินแคบยาวที่ทอดออกไปจากห้องพักผ่อนที่เขายืนอยู่นี้ มันเหมือนเป็นห้องทดลองงานต่าง ๆ ที่ถูกแบ่งให้แต่ละคน หรือแต่ละแผนกใช้งาน และเมื่อเดวิดตัดสินใจก้าวออกไปตามทางเดิน เขาก็ต้องหยุดชะงักอีกครั้ง มันมีของที่น่าสนใจตั้งอยู่ในห้องกระจกห้องหนึ่ง ลักษณะของมันทำให้เดวิดรู้สึกทึ่งไม่น้อยเลยทีเดียว
มันเป็นหลอดแก้วขนาดใหญ่ 2-3 หลอด ไม่สิต้องเรียกว่าถังแก้วขนาดใหญ่ 2-3 ถังมากกว่า ด้านในบรรจุอยู่ด้วยของเหลวสีม่วงและสีเขียว เดวิดไม่ได้ประหลาดใจกันสีสันของมัน แต่เป็นลักษณะการรวมตัวกันของของเหลวทั้ง 2 สีนั้นมากกว่า พวกมันเห็นได้ชัดว่าเป็นสะสารคนละชนิดกัน และไม่สามารถผสานรวมกันเป็นชนิดเดียวกันได้ แต่แทนที่จะถูกแรงดึงดูดของโลกทำให้มันแยกชั้นกันอยู่อย่างชัดเจน เหมือนกับที่น้ำกับน้ำมันแยกเป็นชั้น เมื่อถูกบรรจุอยู่ในภาชนะเดียวกัน ของเหลวทั้ง 2 สีนั่นกับอยู่ปะปนกันไปทั่วทั้งถังแก้ว ราวกับว่าพวกมันมีความหนาแน่น และคุณสมบัติอื่น ๆ เหมือนกัน ทั้งที่เป็นสารละลายคนละชนิดกันอย่างสิ้นเชิง
ในห้องถัดไปมีโหลแก้ววางอยู่ในนั้นเช่นกัน และมีอยู่ด้วยกันถึง 7 โหล มันน่าจะเป็นห้องทดลองอะไรสักอย่างเป็นแน่ เมื่อเดวิดเดินผ่านประตูเข้าไปด้านในเพื่อสังเกตของที่อยู่ในโหลแก้วให้ชัดเจนขึ้น เขาก็ต้องกระพริบตาปริบ ๆ ขนลุกไปหมดด้วยความตื่นตะลึง ในนั้นมีร่างของสิ่งมีชีวิตที่คล้ายกับมนุษย์ถูกดองอยู่ด้านใน สภาพของมันเหลือเพียงหนังที่ติดกระดูกเท่านั้น
หลังจากที่เขาสงบสติอารมณ์ตัวเองได้ เดวิดก็รีบหันหลังก้าวออกจากห้องไปในทันที โลกใบนี้ ยังมีสิ่งที่น่าขนลุก และเขายังไม่คุ้นเคยอยู่อีกมากจริง ๆ
คราวนี้เดวิดเลือกเดินตรงไปยังห้องที่น่าจะเป็นห้องทำงานมากกว่าห้องทดลอง มันมีขนาดใหญ่ และตกแต่งอย่างเรียบง่าย ที่มุมห้องด้านหนึ่งตั้งวางเอาไว้ด้วยโต๊ะทำงานที่ทำมาจากไม้จริงสีดำ มันดูเก่าแก่และทรงคุณค่าไม่น้อย การใช้ไม้จริงมาทำเป็นเฟอร์นิเจอร์ ไม่ใช่เรื่องที่สามารถเห็นได้ทั่วไปบนโลกใบนี้เลย
จนถึงตอนนี้ จะสภาพของสถานที่ทั้งหมดที่เขาสังเกตุได้ ความคิดแวบเข้ามาในหัวของเดวิดแล้ว ‘ดูเหมือนว่าที่นี่จะยังไม่เคยมีใครหาเจอมาก่อน แม้แต่ทางสถาบัน ก็ไม่รู้ว่าใต้ดินมีห้องทดลองนี้อยู่เลย’ นั่นทำให้ริมฝีปากของเขาเริ่มเผยอรอยยิ้มออกมา ก่อนที่จะระงับอารมณ์ตัวเองเอาไว้ไม่ได้ ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างกึกก้อง อาการปวดหัวอย่างหนักของเขาเมื่อสักครู่นี้ ได้ถูกลืมเลือนไปหมดแล้ว เดวิดกำลังปลื้มปริ่มอยู่กับความโชคดีเป็นอย่างมากของตัวเองอยู่
ที่นี่ต้องเป็นห้องทดลองลับขององค์กรหรือหน่วยงานอะไรสักอย่าง เหมือนที่เขาคาดเอาไว้ตอนที่เข้ามาเจอกับอาคารหลังใหญ่ในถ้ำด้านบนอย่างแน่นอน และนี่ต้องเป็นสิ่งที่องค์กรแห่งนั้นถือว่าเป็นความลับระดับสุดยอดที่สุดด้วย เพราะวัสดุที่ใช้ทำผนังของห้องทดลองแห่งนี้ สามารถป้องกันไม่ให้ตัวมันปรากฏขึ้น หรือถูกค้นพบจากอุปกรณ์ในการตรวจสอบใด ๆ ทั้งสิ้นเลย
วัสดุอันแข็งแกร่งที่เดวิดทำลายเข้ามาได้อย่างยากลำบากนั้น เป็นสิ่งที่มีค่าและหาได้ยากมากในโลกภายนอก แม้แต่ทางสถาบันที่มีอำนาจและทรัพยากรมากมายมหาศาล ยังต้องจัดระดับของวัสดุชนิดนี้ไว้สูงมาก มันมีชื่อว่า ‘โลหะสุญญากาศ’ ไม่มีทางเลยที่ทางสถาบันจะสามารถหาฉนวนโลหะจำนวนมากถึงขนาดปกคลุมห้องทดลองที่ใหญ่ขนาดนี้ได้ง่าย ๆ ดังนั้น! ที่นี้ต้องเป็นความลับ และมีความสำคัญสุดยอดอย่างแน่นอน
ในสถาบันสามารถหาซื้อฉนวนโลหะนี้ไปใช้งานได้ด้วยเช่นกัน แต่มันมีราคาที่สูงอย่างมหาศาล และต้องการระดับอำนาจในการเข้าถึงที่สูงมาก รวมทั้งอาจจะต้องใช้เส้นสายส่วนตัวในการติดต่ออีกด้วย นี่เป็นสิ่งที่บ่งบอกคุณค่าของมันได้เป็นอย่างดี แม้ว่ามันจะไม่ได้แข็งแกร่งทนทานมากนัก เห็นได้จากการที่แม้ว่าเดวิดจะต้องใช้ความพยายามทั้งหมดออกมาก็ตาม แต่แค่เพียงสไปรเยอร์ก็สามารถที่จะทำลายมันได้แล้ว จุดเด่นของมันอยู่ที่สถานะฉนวนของมันนั่นเอง มันเป็นโลหะที่มีความแข็งแกร่งอยู่ในระดับหนึ่ง และสามารถดูดซับสัญญาณที่เข้ามากระทบกับมันได้เกือบทุกอย่าง เหมือนกับการขว้างหินออกไปในสุญญากาศ มันไม่มีแม้แต่คลื่นเกิดขึ้นมาแม้แต่นิดเดียว ดังนั้น มันไม่สะท้อนสัญญาณการค้นหาอะไรกลับออกไปให้ตรวจสอบได้เลย มันเหมือนกับไม่มีตัวตนในโลกของคลื่นสัญญาณ