บทที่ 82 หนิงเสวี่ยประหลาดใจ
แม้แต่ในระดับแรกของ มหาปรมาจารย์นักรบ(หวู่ซ่ง) เขาก็ยังกลัวที่จะเผชิญกับการปิดล้อมของราชาหมาป่าสีครามระดับ 3 เกือบสิบตัว
จะนับประสาอะไรกับสองคนนี้!
สำหรับสมาชิกคนอื่นๆ ซึ่งอยู่ในขอบเขตนักรบแท้จริง
ภายใต้การล้อมของหมาป่าสีคราม พวกเขาไม่สามารถอยู่ได้แม้แต่ครึ่งก้านธูป ทั้งหมดถูกหมาป่าสีครามสังหารหมู่อย่างเมามัน
<ติ้ง รับค่าประสบการณ์ 28แต้ม>
<ติ้ง รับค่าประสบการณ์ 159 แต้ม>
นี่คือ8jkประสบการณ์ ที่ได้รับจากการสังหารเจิ้งเซียว
<ติ้ง รับค่าประสบการณ์ 32 แต้ม>
…
ศัตรูที่อยู่ข้างหน้าเขา ถูกสังหารตายทีละคน และหลินเป้ยได้รับค่าประสบการณ์มากมาย
จู่ๆออร่าปราณของหลินเป้ยก็พุ่งสูงขึ้น จากขอบเขตนักรบฝึกหัดขั้น 10 ไปยังระดับแรกของนักรบแท้จริงทันที
ก่อนหน้านี้ ราชาหมาป่าสีครามก็ออกล่าสัตว์อสูรมาก่อน ทำให้ค่าประสบการณ์ของหลินเป้ย เพิ่มขึ้นเป็นครั้งคราว
เดิมที เขาเหลือค่าประสบการณ์เพียงไม่กี่ร้อยแต้ม ที่จะทะลวงสู่ขอบเขตนักรบแท้จริง
ในตอนนี้ เขาได้สังหารนักรบแท้จริงไปแล้ว 20 คน รวมกับปรมาจารย์นักรบที่แข็งแกร่งอีก 2 คน ทำให้ค่าประสบการณ์ของหลินเป้ยเพียงพอแล้ว
หลินเป้ยก้าวเข้าสู่นักรบแท้จริงขั้นแรก ทำให้เขารู้สึกเต็มไปด้วยความแข็งแกร่งทั่วร่างกาย และจิตสัมผัสเขาไวต่อสภาพแวดล้อมโดยรอบมากขึ้น
นี่คือขอบเขตนักรบแท้จริง?
หนิงเสวี่ยที่อยู่ด้านข้าง ตกใจเกินกว่าจะพูดอะไรได้
นางไม่เคยคิดมาก่อนว่า จะมีราชาหมาป่าสีคราม 11 ตัว
นางคิดเสมอว่า หลินเป้ยมีราชาหมาป่าสีครามเพียง 6 ตัวเท่านั้น ที่พวกมันปรากฏตัวเป็นครั้งแรก
ปรากฎว่า หลินเป้ยแอบมีอีก 5 ตัว?
พระเจ้าช่วย หลินเป้ยผู้นี้ ซ่อนตัวลึกเกินไปแล้ว
นางคิดว่ารู้จักหลินเป้ยดีแล้ว แต่เขาก็ซ่อนมันจากนางเช่นกัน
นี่ซินะ คือความแข็งแกร่งที่แท้จริงของหลินเป้ย
แค่เขาสามารถมีสัตว์อสูรระดับ 3 ได้ 11 ตัว ก็ถือว่าท้าทายสวรรค์แล้วนะ
แต่นี่ หลินเป้ยยังมีหมาป่าสีครามอีก 40 ตัว อยู่ในมือ ซึ่งทั้งหมดอยู่ในระดับ 2
ที่สำคัญ แต่ละตัวมีขอบเขตสูงกว่าหนิงเสวี่ย!
เมื่อหนิงเสวี่ยเผชิญหน้ากับหมาป่าสีครามระดับ 2 เหล่านี้
หนิงเสวี่ยพบว่า นางไม่สามารถเอาชนะพวกมันได้เลย!
หนิงเสวี่ย รู้สึกมึนงงแล้ว ในตอนแรก นางคิดว่าทักษะของหลินเป้ยนั้นดีกว่าของนางมากแล้ว
ถ้าหนิงเสวี่ยต่อสู้ นางคงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาอย่างแน่นอน
แค่ความแข็งแกร่งในการต่อสู้ของหลินเป้ยก็ต่อต้านสวรรค์มากแล้ว แต่ยังมีสัตว์เลี้ยงจิตวิญญาณจำนวนมากอีก
ด้วยสิ่งเหล่านี้ ทำให้หนิงเสวี่ยถึงกับพูดไม่ออกเลยทีเดียว
แม้ว่าพื้นฐานการบ่มเพาะของหลินเป้ยในปัจจุบันจะไม่สูงนัก แต่ด้วยสัตว์เลี้ยงจิตวิญญาณที่ทรงพลังมากมายภายใต้คำสั่งของเขา
เขาจึงนับว่าเป็นผู้แข็งแกร่งมากคนหนึ่งแน่นอน
หนิงเสวี่ยเอง ก็มาจากตระกูลใหญ่ในเมื่องหลวง
หลินเป้ยถือได้ว่า เทียบกับอัจฉริยะลำดับต้นๆได้เลย
แม้แต่ปรมาจารย์นักรบที่แข็งแกร่ง ในเมื่องหลวง พวกเขาก็ไม่สามารถรับมือ กับการล้อมของราชาหมาป่าสีครามหลายสิบตัวได้!
หนิงเสวี่ยคิดว่า ต่อให้เป็นมหาปรมาจารย์นักรบ(หวู่ซ่ง) ก็ยังต้องคิดดีๆถ้าเจอแบบนี้
ในโลกนี้ ผู้แข็งแกร่งเป็นที่นับถือมากที่สุด ตราบใดที่เจ้ามีความแข็งแกร่ง คนอื่นก็จะเคารพเจ้า
สิ่งที่หนิงเสวี่ยไม่รู้ก็คือ เหตุผลที่พื้นฐานการบ่มเพาะของหลินเป้ยในปัจจุบันต่ำมาก เป็นเพราะเขาฝึกฝนช้า
อย่าลืมว่า หลินเป้ยเพิ่งฝึกฝนเมื่อเดือนที่แล้วนี่เอง!
หลินเป้ยใช้เวลาเพียงหนึ่งเดือน ในการมาถึงขอบเขตนักรบแท้จริง
ความเร็วนี้ ถือว่าเป็นอัจฉริยะที่ในโลกนี้ หาไม่ได้อย่างแน่นอน!
แต่หนิงเสวี่ยไม่รู้ ถ้านางรู้เหตุผลที่แท้จริง คนที่เรียกว่าอัจฉริยะสัตว์ประหลาดในเมืองหลวงนั้น เทียบไม่ได้กับหลินเป้ยอย่างแน่นอน
กอนที่หนิงเสวี่ยจะหยุดความคิดทั้งหมดที่ผ่านมา หลินเป้ยก็ได้ก้าวเข้าสู่ขอบเขตนักรบแท้จริงได้แล้ว
หนิงเสวี่ยพูดไม่ออกอีกครั้ง!
หลินเป้ยคนลามกนิสัยเสีย สามารถก้าวไปสู่ระดับต่อไปได้ เพียงแค่ยืนเฉยๆ โดยไม่ต้องทำอะไรเลยงั้นเหรอ
คนชั่วร้ายผู้นี้ ไม่มีความสุขหรือความเศร้า ดูผ่อนคลายและไม่แยแส
เรียบง่ายเหมือนกินอาหารหรือดื่มน้ำ!
เมื่อผู้อื่นต้องการก้าวหน้า พวกเขาจะหาสถานที่เงียบสงบเพื่อเก็บตัว และระมัดระวัง
พวกเขาจะกลัวการล้มเหลวในการเลื่อนขอบเขต ซึ่งจะทำให้เกิดคอขวดต่อการบ่มเพาะในอนาคต
หากไม่ระวังตัว การเลื่อนขอบเขตจะงล้มเหลวได้ง่าย
“หลินเป้ยเจ้าเป็นใครกันแน่ เจ้าเป็นสมาชิกของตระกูลเล็กๆ ในเมืองชิงหลินจริงหรือ?”หนิงเสวี่ยถามหลินเป้ยซึ่งอยู่ด้านข้าง
หลินเป้ยมีความแข็งแกร่งที่ทรงพลัง เป็นไปได้อย่างไรที่ตระกูลเล็กๆ จะบ่มเพาะเขาได้?
หลินเป้ยมีสัตว์เลี้ยงจิตวิญญาณมากมาย และเขาสามารถตั้งหลักในเมืองหลวงได้
ด้วยภูมิหลังปัจจุบันของหลินเป้ย กองกำลังขนาดใหญ่จำนวนมาก จะแข่งขันกันเพื่อเชื้อเชิญหลินเป้ย
ท้ายที่สุดแล้ว อัจฉริยะระดับปรมาจารย์ผู้ฝึกสัตว์ร้ายที่ทรงพลังนั้น หายากเกินไป
พวกเขาหายากกว่า นักปรุงยา ช่างทำอาวุธ และนักเล่นแร่แปรธาตุด้วยซ้ำ
"ข้ามาจากตระกูลหลิน ในเมืองชิงหลินจริงๆ "หลินเป้ยพูดอย่างจริงจัง
ความแข็งแกร่งส่วนใหญ่ของเขา มาจากระบบ
ถ้าโกงขนาดนี้ แล้วหลินเป้ยไม่สามารถแข็งแกร่งขึ้นได้ เขาก็คงเป็นขยะจริงๆ!?
“ข้าไม่เชื่อ” หนิงเสวี่ยไม่เชื่อ
"แล้วแต่เจ้า"หลินเป้ยไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะสนทนากับหนิงเสวี่ยที่นี่
ศัตรูที่ปากทางเข้าหุบเขา โดนสังหารหมดแล้ว และสิ่งต่อไปที่ต้องทำคือ เข้าไปในหุบเขา
หลินเป้ยยังไม่รู้ว่า เกิดอะไรขึ้นในหุบเขา
หุบเขาทั้งยาว และภายในก็กว้างมาก
หลินเป้ยยังไม่รู้ว่า กลุ่มนักรบรับจ้างสีโลหิตอยู่ตรงไหน
หลินเป้ยเลยให้ราชาหมาป่าสีคราม เข้าไปสำรวจทางก่อน
สำหรับหมาป่าสีครามระดับ 2 ตัวอื่นๆ หลินเป้ยพาพวกมันเข้าไปในบ้านสัตว์อสูร
หนิงเสวี่ยรู้สึกสงสัยเป็นอย่างมาก เมื่อเห็นหลินเป้ยเก็บหมาป่าสีครามเข้าไป นางยืนกรานที่จะเห็นสมบัติวิเศษของหลินเป้ย
สมบัติวิเศษสำหรับสัตว์เลี้ยงจิตวิญญาณ เป็นสมบัติที่สามารถเก็บสัตว์อสูรไว้ข้างในได้
ผู้ฝึกสัตว์จิตวิญญาณหลายคน จะเก็บสัตว์อสูรไว้ข้างในและปล่อยสัตว์อสูรเมื่อจำเป็น
หลินเป้ยรู้สึกว่า หนิงเสวี่ยอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับทุกสิ่งมากเกินไปแล้ว
แน่นอนว่า หลินเป้ยปฏิเสธ!
นางอยากรู้ว่าบ้านสัตว์อสูรอยู่ที่ไหน เขาจะแสดงให้หนิงเสวี่ยเห็นได้อย่างไร!?
บ้านสัตว์อสูรเป็นพื้นที่มิติ และมันไม่สามารถจับต้องได้
ระบบนี้ทรงพลังมาก จนสามารถเอาสัตว์อสูรเข้ามาได้
แน่นอนว่าหลินเป้ยเองก็สามารถเข้าไปได้ เพียงแค่ใช้คะแนน 100,000 แต้ม
เขาสามารถเข้าไปได้มากสุด วันละสองครั้งเท่านั้น!
เมื่อเห็นการปฏิเสธของหลินเป้ย หนิงเสวี่ยก็ไม่เซ้าซี้อีกต่อไป
ทุกคนต่างมีความลับของตัวเอง
อันที่จริง ทัศนคติของหลินเป้ยที่มีต่อนางนั้นดีมากแล้ว
หากเป็นคนอื่น หากเริ่มมีความโลภ เขาจะจัดการสังหารทิ้งซะ!
จริงๆแล้วเป็นเพราะ หนิงเสวี่ยเห็นว่าหลินเป้ยเข้ากับคนได้ง่าย
ดังนั้นนางจึงกล้าที่จะสงสัยเกี่ยวกับทุกสิ่งของเขา
หลินเป้ยไม่ได้จากไปในทันที เขาค้นหาทรัพย์สมบัติจากศพเหล่านี้ก่อน
เขาพบเงินสดมากกว่า 80,000 ตำลึง นอกจากนี้ยังมีของมีค่าบางอย่างที่สามารถขายได้ในราคาถึง 80,000 ตำลึง
ตอนนี้คำนวณแล้ว หลินเป้ยได้สินสงครามมากถึง 160,000 ตำลึง
แน่นอน ถ้าเจ้าสังหารคน เจ้าได้เงินอย่างรวดเร็วมาก
สำหรับศพเหล่านี้ พวกเขาทั้งหมดเป็นศพที่อยู่เหนือระดับของนักรบแท้จริง สำหรับหมาป่าสีครามมันเป็นอาหารเสริมที่ยอดเยี่ยม
ดังนั้นหลินเป้ยจึงปล่อยหมาป่าสีครามอีกครั้งเพื่อกินศพเหล่านี้ และนำพวกเขากลับเข้าไปในบ้านสัตว์อสูร
จากนั้นนำเสี่ยวเฮย และหนิงเสวี่ยเข้าไปในหุบเขา
จงหมิงและคนอื่นๆ ในหุบเขา ยังไม่รู้ว่าผู้คนที่ปากทางเข้า
ถูกหลินเป้ยกวาดล้างหมดแล้ว!