[ตอนฟรี] ตอนที่ 59 : เซียวเฉินพบทรัพย์
จวินเซียวเหยาและคนอื่นๆ เริ่มสำรวจลึกเข้าไปในวังใต้ดิน
สำหรับคลังสมบัติลับจ้าวเทวะที่มีหมอกเทาแปลกประหลาดแพร่กระจายไปทุกที่
แม้แต่คนโง่ก็รู้ได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้นในคลังสมบัติลับจ้าวเทวะแห่งนี้ มันเต็มไปด้วยลางสังหรณ์ที่เลวร้าย
ภายในวังใต้ดิน มันมีบรรยากาศที่เก่าแก่และทรุดโทรม
มองดูในแวบแรกจะเห็นถึงสายลมอันโศกเศร้าพร้อมกับหมอกเหงาแผ่ปกคลุมและกำแพงที่ล่มสลาย
บนพื้นยังมีซากศพสีดำสนิทกระจัดกระจายไปทั่ว
สิ่งที่แปลกประหลาดมากที่สุดคือซากศพเหล่านั้นล้วนมีเกล็ดสีดำกระจายออกมาจากผิวหนังของพวกเขา มันเหมือนกับว่าพวกเขากลายพันธุ์
ในขณะที่ผู้บ่มเพาะหลายคนได้ก้าวเท้าเข้าสู่วังใต้ดิน
ซากศพปีศาจแปลกๆ เหล่านั้นก็ระเบิดออกในทันทีและจ้องมองไปที่พวกเขาด้วยตาแดงก่ำ
เล็บของพวกมันคมเหมือนใบมีด มันเจาะทะลวงและฉีกร่างของผู้บ่มเพาะเป็นชิ้นๆ อย่างง่ายดาย
ผู้บ่มเพาะในขอบเขตสะพานศักดิ์สิทธิ์ไม่สามารถหยุดยั้งซากปีศาจเหล่านั้นได้เลย
ไม่ช้า ผู้บ่มเพาะจำนวนมากก็ถูกสังหารหมู่
อย่างไรก็ตาม ทางด้านของจวินเซียวเหยา เขาตบซากปีศาจเหล่านี้จนกลายเป็นกองเนื้อในทุกครั้งที่ลงมือ
สำหรับคนอื่น เขาไม่ได้ใส่ใจมากนักและไม่สนใจที่จะใส่ใจด้วย
จวินเซียวเหยาไม่ใช่พี่เลี้ยงของคนเหล่านั้นสักหน่อย เรื่องการเป็นคนดีที่มีคุณธรรมยิ่งแล้วใหญ่
พลังที่ยิ่งใหญ่มาพร้อมกับความรับผิดชอบที่ใหญ่ยิ่ง ไอ้เรื่องแบบนี้ไม่เกี่ยวกับจวินเซียวเหยาเลยสักนิด
ด้านหลังของเขา เจียงเซิ่งยี จวินหลิงหลง จวินเสวี่ยฮวางและคนอื่นๆ ไม่ได้ลงมืออะไร
ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่อยากมีส่วนร่วม แต่จริงๆ แล้วพวกเขาไม่มีโอกาสต่างหาก
จวินเซียวเหยาเปิดทางเดินอย่างสบายๆ ไม่มีซากปีศาจตัวไหนหยุดเขาได้เลย
อีกด้านหนึ่ง หลงปี้ชรือ เซียวเฉินและคนกลุ่มอื่นก็ไม่ได้อยู่บนเส้นทางหลักอีกต่อไปและแยกย้ายไปคนละทิศละทาง
จวินว่านจี๋ก็ไม่ได้อยู่กับจวินเซียวเหยาเช่นกัน
จีเสวียนลอบมองไปที่จวินเซียวเหยาด้วยหางตา เมื่อเห็นว่าจวินเซียวเหยาไม่ได้สังเกตเขา ร่างของเขาจึงกะพริบและหายไปจากทางหลัก
หลังจากที่จีเสวียนไปแล้ว มุมปากของจวินเซียวเหยาก็โค้งขึ้นด้วยความเย้ยหยัน
เขาจะไม่เก็บเกี่ยวจีเสวียนในตอนนี้ก่อน เพราะเวลาที่สุกงอมยังมาไม่ถึง
ยิ่งเวลาผ่านไป จำนวนของผู้บ่มเพาะก็เริ่มลดน้อยลง
ผู้บ่มเพาะส่วนใหญ่จะถูกสังหารโดยซากปีศาจ
“เสวี่ยฮวาง จ้างเจี้ยน พวกเจ้าทั้งสองลอบตามจีเสวียนไป แต่อย่าแหวกหญ้าให้งูตื่นล่ะ” จวินเซียวเหยาเอ่ย
ได้ยินคำสั่งนี้ สายตาของจวินจ้างเจี้ยนและจวินเสวี่ยฮวางจึงสั่นไหว
ใต้เท้าต้องการพุ่งเป้าไปที่จีเสวียน?
นึกถึงเรื่องนี้แล้ว จวินจ้างเจี้ยนและจวินเสวี่ยฮวางก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเห็นใจจีเสวียน
ใครที่ถูกจวินเซียวเหยาเพ่งเล็งจบไม่สวยสักราย
เจียงเซิ่งยีเอ่ยปากกล่าวด้วยความเป็นห่วงเล็กน้อย “เซียวเหยา เจ้ากำลังจะโจมตีจีเสวียนหรือ? เขามีกระดูกราชานักบุญนะ ถ้าเกิดเขาจนตรอกขึ้นมาจริงๆ …”
เจียงเซิ่งยีรู้สึกเป็นกังวล
นางไม่กลัวว่าจวินเซียวเหยาจะแพ้ให้กับจีเสวียน
แต่ถ้าจีเสวียนโต้กลับด้วยความจนตรอกแล้ว นางกลัวว่ามันจะเกิดผลร้ายกับจวินเซียวเหยา
“พี่สาวเซิ่งยีกำลังเป็นห่วงข้าหรือ?” จวินเซียวเหยาพูดด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย
เจียงเซิ่งยีกัดริมฝีปากและกล่าว “ข้าเป็นน้าของเจ้านะ ถ้าข้าไม่เป็นห่วงเจ้าแล้วใครจะมาเป็นห่วงเจ้ากันล่ะ”
“หึ นั่นไม่มีความจำเป็นหรอก รุ่นเยาว์แห่งดินแดนอมตะที่ทำให้จวินเซียวเหยาผู้นี้เกรงกลัวได้ จะในอดีต ปัจจุบัน หรืออนาคต ไร้สิ้นไม่มีแม้แต่คนเดียว”
จวินเซียวเหยายิ้ม
นี่ไม่ใช่ความโอหัง แต่เป็นข้อเท็จจริง
พรสวรรค์ไร้เปรียบ แถมมีระบบอีก
ถ้าเขายังกลัวนู่นกลัวนี่อยู่อีก จวินเซียวเหยาคงดีดตัวเองให้ตายด้วยเต้าหู้ไปแล้ว
เจียงเซิ่งยีมองจวินเซียวเหยาด้วยสายตาว่างเปล่า แต่นางก็อดไม่ได้ที่จะยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย
ความมั่นใจของจวินเซียวเหยายอดเยี่ยมจริงๆ
“ไปกันเถอะ มันยังมีสมบัติบางอย่างในวังใต้ดินแห่งนี้ เราไม่อาจทิ้งมันให้สูญเปล่าได้” จวินเซียวเหยาสะบัดชายเสื้อ
ถัดไป จวินเซียวเหยาก็ได้ขี่ราชสีห์เก้าเศียรและเดินทางไปพร้อมกับเจียงเซิ่งยี
ส่วนจวินจ้างเจี้ยนและจวินเสวี่ยฮวางก็กำลังลอบติดตามจีเสวียน
อีกด้านหนึ่ง เซียวเฉินที่สวมผ้าคลุมกำลังเดินผ่านวังใต้ดินที่มีเส้นทางสลับซับซ้อน
“เซียวเฉิน ไปทางซ้ายอีกรอบ จากนั้นก็ตรงไป ข้าสัมผัสได้ถึงลมหายใจของกระดูกมังกรโบราณแล้ว มันอยู่อีกไม่ไกล!” ในความคิดของเซียวเฉิน น้ำเสียงที่ตื่นเต้นเล็กน้อยของปรมาจารย์ชิงหลงดังขึ้น
ขนาดปรมาจารย์ชิงหลงยังไม่อาจนิ่งสงบได้อีกต่อไป
ถ้าเขาได้รับกระดูกมังกรโบราณและนำไปผสานเข้ากับวัตถุดิบต่างๆ เขาจะสามารถสร้างร่างกายขึ้นมาได้อีกครั้ง
มันจะไม่ใช่แค่ฟื้นฟูกลับไปสู่จุดสูงสุด แต่มันอาจกระทั่งไปไกลกว่านี้อีกขึ้นหนึ่งและทะลวงขอบเขตกลายเป็นจ้าวเทวะได้เลย
แม้แต่ผู้บ่มเพาะกึ่งเทวะอย่างปรมาจารย์ชิงหลงยังไม่อาจทนต่อความตื่นเต้นได้
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเซียวเฉินที่กำลังตะลึงงันเลย
ความตื่นเต้นสว่างวาบในดวงตาของเขา จนมันอดไม่ได้ที่ต้องเร่งความเร็ว
ผ่านไปครู่หนึ่งหลังจากที่เซียวเฉินกำจัดซากปีศาจและผู้บ่มเพาะจำนวนหนึ่งแล้ว เขาก็ได้เข้าสู่สถานที่ที่คล้ายกับถ้ำ
พื้นที่ของถ้ำทั้งโพรงมีขนาดกว้างใหญ่มาก
เซียวเฉินกลั้นหายใจพร้อมกับมองไปรอบๆ
ทันใดนั้นภายในถ้ำอันกว้างใหญ่นี้ มันก็ปรากฏกระดูกมังกรขนาดมหึมาห้าโครง
ท่ามกลางห้าโครงกระดูกนั้น สี่โครงกระดูกมีลักษณะสีดำทองเข้มพร้อมกับอักขระลึกลับและซับซ้อนจำนวนมากถูกสลักไว้บนพื้นผิวของพวกมัน
ทั้งสี่โครงกระดูกสีดำทองนี้ แม้พวกมันจะเป็นแค่กระดูก แต่พวกมันก็เผยกลิ่นอายอันยิ่งใหญ่จนเซียวเฉินอดไม่ได้ที่จะต้องคุกเข่าลงและคำนับ
“นี่น่ะหรือกระดูกมังกรโบราณ?” เซียวเฉินตื่นเต้นมากจนนิ้วสั่นรัว
เพียงแค่ความรู้สึกอันใหญ่นี้ เขาก็รู้ได้ทันทีว่ากระดูกมังกรโบราณเหล่านี้แข็งแกร่งสุดขีดและสามารถช่วยให้เขาแปลงกายได้อย่างสมบูรณ์แน่นอน
อย่างไรก็ตาม จู่ๆ ปรมาจารย์ชิงหลงก็ส่งเสียงร้องประหลาดใจออกมาในความคิดของเขา
“นั่นมันกระดูกมังกรเทวะในตำนานรึ!”
“กระดูกมังกรเทวะ?” เซียวเฉินมีสีหน้าสับสนและหันมองไปที่กระดูกชิ้นสุดท้ายทันที
กระดูกชิ้นนั้นมันดูแตกต่างจากกระดูกมังกรสีดำทองอีกสี่ชิ้น มันแสดงให้เห็นถึงลักษณะแวววาวราวกับประติมากรรมที่แกะสลักมาจากหยกเทวะ มันดูเป็นธรรมชาติมาก
บนกระดูกมีลวดลายของอักขระอันหนาแน่นสลักไว้ มันพลิ้วไหวเหมือนดวงดาราบนท้องฟ้า ลึกลับและทรงพลัง
แม้ว่ากระดูกมังกรโบราณสีดำทองอีกสี่ชิ้นจะมีกลิ่นอายที่แข็งแกร่ง แต่เมื่อเทียบกับกระดูกมังกรดึกดำบรรพ์ชิ้นนี้แล้ว พวกมันเป็นเหมือนข้าราชบริพารที่ห้อมล้อมจักรพรรดิไปเลย
“กระดูกมังกรเทวะเป็นกระดูกของมังกรในขอบเขตจ้าวเทวะที่มีสายเลือดของบรรพชนมังกร กระดูกของพวกเขาที่หลงเหลืออยู่มันล้ำค่าและทรงพลังมากกว่ากระดูกมังกรโบราณอย่างมหาศาล!” ปรมาจารย์ชิงหลงรีบกล่าว
ได้ยินแบบนี้ เซียวเฉินจึงสูดลมหายใจลึกพร้อมกับความตะลึงในดวงตาจนปิดไม่มิด
สายเลือดของบรรพชนมังกรทรงพลังขนาดไหน?
รังจู่หลง (รังบรรพชนมังกร) ทั้งหมดล้วนถูกตั้งชื่อตามบรรพชนมังกร
จักรพรรดิโบราณจู่หลงตัวจริงเป็นการคงอยู่ที่แม้แต่จักรพรรดิมนุษย์หลายคนยังต้องพ่ายแพ้ให้เขา
แต่ก็แน่นอน เห็นได้ชัดว่ากระดูกมังกรเทวะตรงหน้าของเซียวเฉินย่อมไม่ใช่กระดูกบรรพชนมังกรสายเลือดบริสุทธิ์
สำหรับสายเลือดบริสุทธิ์ของบรรพชนมังกรที่ยังหลงเหลืออยู่ เกรงว่าแม้แต่ในรังจู่หลงก็ไม่อาจพบเจอแม้แต่คนเดียว
แต่ถึงจะมีสายเลือดของบรรพชนมังกรเจือปนแค่เล็กน้อย มันก็เพียงพอที่จะทำให้กระดูกมังกรเทวะชิ้นนี้เป็นสมบัติที่ประเมินค่าไม่ได้แล้ว
“ร่ำรวยแล้ว ข้าเซียวเฉินกำลังจะร่ำรวยแล้ว!”
เซียวเฉินหายใจติดขัด ร่างกายของเขาสั่นสะท้านด้วยความตื่นเต้นเล็กน้อย
ถ้าเขาฝึกฝนเคล็ดผันแปรมังกรฟ้าหรือถ้าเขาผสานเข้ากับกระดูกมังกรเทวะแล้วล่ะก็ เขาจะแข็งแกร่งขึ้นขนาดไหนกัน?
ในเวลานั้น ไม่ต้องเอ่ยถึงเลยว่าจะเป็นผู้สยบยุค อย่างน้อยก็ต้องสามารถบดขยี้เหล่ารุ่นเยาว์แห่งดินแดนอมตะหวงเทียนได้ ถูกไหม?
“เซียวเฉิน ที่นี่ไม่ควรที่จะหยุดอยู่นานนัก เจ้ารีบรวบรวมกระดูกมังกรโบราณห้าชิ้นนี้เสียก่อน” ปรมาจารย์ชิงหลงเน้นย้ำ
“ขอรับ” เซียวเฉินตอบกลับ
เขาต้องการแค่ชิงกระดูกมังกรโบราณทั้งห้านี้ไปให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ จากนั้นก็หาสถานที่เร้นกายเพื่อหลอมกลั่นพวกมัน และสุดท้ายก็ตบหน้าจวินเซียวเหยาพร้อมกับล้างแค้นให้สาสม
อย่างไรก็ตาม เพียงเมื่อเซียวเฉินกำลังจะเก็บเกี่ยวกระดูก
น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจของหญิงสาวได้ดังขึ้น
“นั่นมัน…กระดูกมังกรโบราณ แล้วก็…กระดูกมังกรเทวะ!?”
(หากมีคำแนะนำหรือข้อติเตียน สามารถคอมเมนท์เพื่อบอกกล่าวได้นะครับ ^ ^ ขอบพระคุณมากครับที่สละเวลาอ่านจนจบ)