ตอนที่ 447 พลังกองทัพสัตว์อสูร
ตอนที่ 447 พลังกองทัพสัตว์อสูร
เซี่ยเฟยเคลื่อนที่ไปยังฝูงสัตว์อสูรที่ถูกระบุเอาไว้บนแผนที่ด้วยความเร็วราวกับสายฟ้า และเมื่อเขาได้เคลื่อนที่ผ่านมุมโค้งของแม่น้ำ เขาก็ได้พบกับฝูงแรดเป็นจำนวนมากกำลังนอนอาบแดดในบ่อโคลนอย่างเกียจคร้าน
“นั่นมันแรดหนังเกราะ! ผิวหนังของพวกมันแข็งยิ่งกว่าเหล็ก แล้วงาของพวกมันยังสามารถพังยานหุ้มเกราะได้อย่างง่ายดาย ปกติพวกมันเป็นสัตว์อสูรที่หาได้ยากมาก แล้วทำไมมันถึงมีแรดหนังเกราะรวมกลุ่มกันอยู่ที่นี่เป็นจำนวนหลายหมื่นตัวแบบนี้?” อันธอุทานขึ้นมาด้วยความตกใจ
เซี่ยเฟยเดินเข้าไปใกล้ฝูงแรดอย่างใจเย็น ส่วนขนอุยก็ส่งเสียงผ่านลำคออย่างเย็นชา เพราะท้ายที่สุดมันก็เป็นถึงหนึ่งในสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งที่สุดในจักรวาล แรดพวกนี้จึงไม่อยู่ในสายตาของมันเลย
ในตอนที่แรดในแม่น้ำสังเกตเห็นเซี่ยเฟย พวกมันก็ลุกขึ้นตั้งท่าจะเตรียมตัวโจมตี แต่เมื่อพวกมันสังเกตดี ๆ และเห็นขนอุย สัตว์อสูรที่มีน้ำหนักมากกว่า 5 ตันก็ตัวสั่นขึ้นมาด้วยความหวาดกลัว
“ช่วยทำให้พวกมันเชื่อฟังคำสั่งของฉันที” เซี่ยเฟยหันไปพูดกับขนอุย
ขนอุยแลบลิ้นออกมาด้วยความไม่พอใจ เพราะการที่สัตว์ศักดิ์สิทธิ์อย่างมันต้องลดตัวลงไปจัดการกับแรดหนังเกราะที่ต่ำต้อยพวกนี้ก็ถือเป็นเรื่องที่น่าอับอายสำหรับมันมาก แต่ในเมื่อเซี่ยเฟยเป็นคนออกคำสั่งขนอุยจึงไม่กล้าที่จะปฏิเสธ
ทันใดนั้นขนอุยก็ส่งเสียงร้องคำรามออกมาอย่างเกียจคร้านและถึงแม้ว่าเสียงร้องของมันจะไม่ดังมาก แต่พลังอำนาจและแรงกดดันอันมหาศาลก็ทำให้แรดหนังเกราะมากกว่าครึ่งฝูงทรุดตัวลงไปนอนหมอบลงกับพื้น ส่วนแรดที่ยังคงยืนอยู่ได้ก็กำลังตัวสั่นอย่างควบคุมไม่อยู่
ขนอุยโกรธมากที่ยังคงมีแรดกล้ายืนอยู่ต่อหน้าของมัน เจ้าตัวน้อยจึงปล่อยเสียงคำรามออกไปมากขึ้นกว่าเดิม
กิ้ว!
เสียงคำรามในครั้งนี้เต็มไปด้วยแรงกดดันมหาศาล มันจึงทำให้แรดทุกตัวยกเว้นแรดที่มีขนาดลำตัวใหญ่ที่สุดภายในฝูงต่างก็ยอมหมอบลงบนพื้นและไม่กล้าที่จะเงยหน้าขึ้นมามองเซี่ยเฟยกับขนอุยอีก
“แรดสีดำตัวนี้คือจ่าฝูงงั้นเหรอ? หรือว่ามันมีพลังเทียบเท่ากับขนอุยมันถึงไม่รู้สึกสะทกสะท้านแบบนี้”
อย่างไรก็ตามหลังจากที่เซี่ยเฟยเดินวนรอบแรดตัวสีดำไปสักพัก เขาก็ส่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างควบคุมไม่ได้ เพราะว่าแรดตัวนี้รู้สึกกลัวจนตาย มันเลยไม่ยอมหมอบลงไปเหมือนกับแรดตัวอื่น ๆ
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ขนอุยขู่คำรามจนสัตว์อสูรตัวอื่นเสียชีวิต แต่เนื่องจากขนอุยได้ทำพันธสัญญากับเซี่ยเฟยแล้ว ชายหนุ่มจึงค่อนข้างที่จะรู้สึกพึงพอใจกับผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นมานี้
เซี่ยเฟยหลับตาลงพร้อมกับเพ่งสมาธิใช้วิชามนตราอสูร ซึ่งหลังจากที่เขาลืมตาขึ้นมาอีกครั้งแววตาของเขาก็เป็นประกายเผยให้เห็นแสงสีแดงที่กำลังสั่นไหว
การเคลื่อนไหวของชายหนุ่มทำให้แม้แต่ขนอุยก็ยังรู้สึกหวาดกลัว เพราะย้อนกลับไปเมื่อไม่กี่เดือนก่อนมันก็ถูกเซี่ยเฟยบังคับให้ทำพันธสัญญา และเมื่อมันได้คิดถึงความทรมานในตอนนั้นแล้ว มันก็แอบรู้สึกหวาดกลัวเซี่ยเฟยอยู่ภายในใจ
นี่คือพลังของวิชามนตราอสูร! มันคือพลังที่ทำให้แม้แต่สัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์ก็ยังต้องรู้สึกหวาดกลัวจากพลังอันลึกลับของมัน
ยิ่งไปกว่านั้นวิชามนตราอสูรที่เซี่ยเฟยฝึกฝนในปัจจุบันยังเป็นเพียงแค่วิชามนตราอสูรขั้นที่ 6 เท่านั้น ซึ่งมันยังมีเนื้อหาอีก 3 บทที่สูญหายไป มันจึงทำให้วิชานี้ยังไม่สามารถสำแดงพลังของมันออกมาได้อย่างเต็มที่
หากว่าแม้แต่ขนอุยก็ไม่สามารถที่จะต้านทานพลังนี้ได้ พวกแรดหนังเกราะยิ่งรู้สึกหวาดกลัวมากยิ่งกว่า และเมื่อพวกมันได้รับแรงกดดันจากหนึ่งอสูรศักดิ์สิทธิ์หนึ่งมนุษย์ผู้ลึกลับ มันก็ทำให้ฝูงแรดหนังเกราะอยากจะมุดแผ่นดินหนีไปจากตรงนี้ให้รู้แล้วรู้รอด
“บังคับให้พวกมันไปรวมฝูงกันใกล้ ๆ ประตูแห่งความว่างเปล่า” เซี่ยเฟยตะโกนสั่งเสียงดังพร้อม ๆ กับขนอุยที่ส่งเสียงร้องคำราม ทำให้ฝูงแรดนับหมื่นตัวรีบเผ่นหนีจนทำให้ทั่วทั้งหุบเขาเต็มไปด้วยเสียงพื้นดินที่สั่นสะเทือน
ไม่ว่าฝูงแรดจะวิ่งไปทิศทางไหนต้นไม้ที่ขวางทางพวกมันก็ถูกชนจนแตกหักออกทั้งหมด และไม่ว่าด้านหน้าของพวกมันจะมีสิ่งกีดขวางอะไร สิ่งกีดขวางเหล่านั้นต่างก็ล้วนแล้วแต่ถูกทำลายจนแทบจะไม่เหลือชิ้นดี
เซี่ยเฟยค่อย ๆ ต้อนฝูงแรดไปยังทิศทางที่เขากำหนด ก่อนที่จะบังคับให้พวกมันหยุดอยู่ห่างจากประตูแห่งความว่างเปล่าประมาณ 30 กิโลเมตร
“หยุด!!”
เซี่ยเฟยร้องคำรามพร้อมกับแรดทุกตัวที่ทรุดตัวลงไปกับพื้นดิน แต่แรดเป็นจำนวนมากไม่สามารถที่จะเบรกได้ในคำสั่งเดียวแรดหลายร้อยตัวจึงพุ่งชนกันเอง แต่ถึงกระนั้นพวกมันก็ยอมถูกสหายภายในฝูงพุ่งชนจนตายดีกว่าขัดขืนคำสั่งของชายหนุ่ม ซึ่งมันแสดงให้เห็นถึงพลังของมนตราอสูรได้เป็นอย่างดี
“แผนการนายชั่วร้ายดีนี่! แบบนี้เมื่อกองทัพของอูดี้ผ่านประตูเข้ามา พวกเขาก็ต้องปะทะกับฝูงแรดหนังเกราะหลังจากที่มีเวลาเตรียมตัวเพียงแค่ไม่นาน”
เซี่ยเฟยเงยหน้ามองท้องฟ้าโดยไม่คิดที่จะตอบคำถามของอันธ
“มันยังมีเวลาอีกสักพักก่อนพระอาทิตย์ตก ฉันว่าฉันจะลองออกไปหาสัตว์อสูรมารอต้อนรับพวกเขาอีกสักฝูง” เซี่ยเฟยกล่าว
“เอาเลย! เอาให้ไอ้พวกนั้นถูกสัตว์อสูรเหยียบให้จมดินให้หมดเลย ว่าแต่ในกองทัพมีคนของสมาพันธ์นักปราชญ์อยู่ด้วยไม่ใช่หรือ? แล้วนายจะแยกแยะคนพวกนั้นออกจากคนของอูดี้ด้วยวิธีไหน?” อันธกล่าว
“ทำไมฉันต้องแยกเซิร์กพวกนั้นออกจากกันด้วย นี่เป็นโอกาสที่ดีที่เราจะได้ลดกองกำลังของอูดี้ลง ดังนั้นพวกสมาพันธ์นักปราชญ์ก็คงจะต้องยอมสังเวยชีวิตไปบ้างเพื่อเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่กว่า” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้มอันชั่วร้าย
ต่อมาเซี่ยเฟยก็เริ่มทำแบบเดิมอีกครั้งโดยการต้อนฝูงจิ้งจอกหางสั้นมาจากทิศตะวันตกเฉียงเหนือ
จิ้งจอกหางสั้นเป็นสัตว์อสูรที่มีไหวพริบสติปัญญาไม่ต่างไปจากสุนัขจิ้งจอกที่อยู่บนโลก ส่วนความเร็วของพวกมันก็ไม่ต่างไปจากเสือดาว กรงเล็บของพวกมันมีความดุร้ายไม่ต่างจากหมีและฟันของพวกมันก็มีความอันตรายไม่น้อยไปกว่าฟันของหมาป่า
ยิ่งไปกว่านั้นพวกมันยังเชี่ยวชาญในการออกล่าเป็นกลุ่ม และสัตว์อสูรฝูงนี้ก็มีจิ้งจอกหางสั้นอยู่มากกว่า 50,000 ตัว พวกมันจึงทำให้พื้นที่ในบริเวณนั้นถูกย้อมไปด้วยสีแดงซึ่งเป็นสีขนของพวกมัน
“เยี่ยมมาก! ฉันไม่อยากจะนึกภาพจริง ๆ ว่าถ้าหากกองทัพของอูดี้ต้องเผชิญหน้ากับฝูงแรดหนังเกราะกับฝูงจิ้งจอกหางสั้นพร้อมกัน กองทัพนั้นจะได้รับความเสียหายมากขนาดไหน?” อันธกล่าวพร้อมกับหัวเราะออกมาเสียงดัง
“ยังไม่พอ! จนกว่าพวกมันจะมาถึง ฉันจะเตรียมของขวัญให้พวกมันชนิดที่พวกมันไม่มีทางคาดถึงอย่างแน่นอน” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างเย็นชา
“อสูรพวกนี้มากพอจะฆ่านักสู้ระดับสูงได้เป็นหมื่นคนแล้วนะ แค่นี้นายยังไม่พอใจอีกงั้นเหรอ?” อันธอุทานขึ้นมาด้วยความตกตะลึง
“เป้าหมายของฉันคือพวกมันจะต้องตายอย่างน้อย 30,000 คน” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับชูนิ้วขึ้นมา 3 นิ้ว
—
ประตูแห่งความว่างเปล่าค่อย ๆ ถูกเปิดออกอย่างช้า ๆ พร้อมกับอูดี้ที่นำกองทัพเดินผ่านประตูเข้ามาอย่างภาคภูมิใจ
ในช่วงเวลานี้ชานี่รู้สึกกังวลเล็กน้อย เพราะเซี่ยเฟยได้หายตัวไปเป็นเวลานานแล้ว และถ้าหากว่าพวกเขาขาดนักฆ่าคนนี้ไป แผนการที่พวกเขาได้วางเอาไว้อย่างยาวนานก็คงจะไม่มีเพชฌฆาตมาลงมือ
เมื่อกองทัพทั้ง 100,000 คนได้เดินผ่านบานประตูเข้ามา ประตูแห่งความว่างเปล่าก็ปิดตัวลงอีกครั้งและเสียงดังสนั่นในระหว่างประตูปิดก็ทำให้หัวใจของอูดี้รู้สึกสั่นสะท้าน
เมื่อมองไปในระยะไกลภาพที่เขาเห็นก็ค่อนข้างที่จะแปลกประหลาด เพราะมันมีสัตว์อสูร 2 ฝูงกำลังรวมกลุ่มกันอยู่ไม่ไกลจากประตูมากนัก แต่สัตว์อสูรพวกนี้กลับกำลังนอนนิ่ง ๆ อยู่บนพื้นคล้ายกับว่าพวกมันไม่ได้มีนิสัยดุร้ายอย่างที่ควรจะเป็น
อูดี้ลุกขึ้นยืนบนยานพาหนะพร้อมกับส่งเสียงกระแอมในลำคอเพื่อเตรียมจะกล่าวสุนทรพจน์อันน่าตื่นเต้น เพื่อปลุกใจให้ทหารพวกนี้ยอมถวายชีวิตเพื่อปกป้องเขา
ราชาแห่งเผ่าพันธุ์เซิร์กได้เตรียมคำพูดนี้มาเป็นอย่างดี เพื่อที่เขาจะได้กล่าวสุนทรพจน์ที่เข้าใจง่ายที่สุดและได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด เพราะท้ายที่สุดนักสู้ชาวเซิร์กก็ไม่ได้มีสติปัญญามากนัก ดังนั้นเขาจึงจำเป็นจะต้องใช้คำพูดง่าย ๆ เพื่อให้ทหารทุกคนเข้าใจคำพูดที่เขาต้องการจะสื่อ
“แอ๊ะแอ้ม! เหล่าทหารชั้นยอด…”
ขณะที่อูดี้กำลังพูดประโยคแรกสถานการณ์ก็เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมอย่างกะทันหัน เพราะสัตว์อสูรทั้งสองฝูงนั้นก็เริ่มเคลื่อนไหวโดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้า และจุดมุ่งหมายของมันก็ไม่ใช่ใครที่ไหนนอกเสียจากกองทัพของเซิร์ก
เสียงฝีเท้ากระทบพื้นดังสนั่นและเสียงคำรามอันน่าสยดสยอง ทำให้ใบหน้าของอูดี้ซีดเซียวลงกว่าเดิมและเขาก็รีบชี้นิ้วสั้น ๆ ออกไปด้านหน้าอย่างสั่นเทา
“รีบสร้างแนวป้องกันเดี๋ยวนี้! อย่าปล่อยให้พวกมันทะลุเข้ามาหาฉันได้อย่างเด็ดขาด!!”
สถานการณ์ในปัจจุบันวุ่นวายมากและนักรบส่วนใหญ่ที่ถูกเรียกมารวมตัวกันก็ไม่ใช่ทหารที่ถูกฝึกฝนระเบียบวินัยมาเป็นอย่างดี พวกเขาจึงไม่รู้ว่าแนวป้องกันที่ดีมันคืออะไร
ก่อนที่อูดี้จะได้สั่งการอะไรเพิ่มเติม ฝูงแรดหนังเกราะกับจิ้งจอกหางสั้นก็เคลื่อนที่มาจนถึงกองทัพของเขาแล้ว
ปัง!
แรดหนังเกราะใช้นอขนาดใหญ่ไล่ขวิดศัตรูที่ขวางหน้าของพวกมันออกไป และเมื่อนอได้แทงเข้าไปในร่างของนักรบมันก็ก่อให้เกิดบาดแผลขนาดใหญ่ที่น่าสยดสยอง
ขณะเดียวกันแม้ว่าจิ้งจอกหางสั้นจะไม่ได้จู่โจมอย่างบ้าคลั่งเหมือนแรดหนังเกราะ แต่พวกมันก็แยกออกเป็นกลุ่มเล็ก ๆ แล้วผลัดกันจู่โจมเข้าใส่นักรบเซิร์กอย่างโหดเหี้ยม
ทันใดนั้นมันก็มีเสียงร้องคำรามมาจากฟากฟ้า ซึ่งเสียงปริศนาที่ดังขึ้นมานั้นทั้งให้ความรู้สึกโหยหวนและชวนขนหัวลุก
“แย่แล้ว! อินทรีมงกุฎทองกำลังมา!”
หลังจากสิ้นเสียงทหารคนหนึ่งไปได้ไม่นาน มันก็มีกลุ่มเงาสีดำปรากฏขึ้นมาจากท้องฟ้าอันไกลโพ้น
อินทรีมงกุฎทองเป็นสัตว์อสูรเหมือนนกขนาดใหญ่ และเมื่อมันได้กางปีกทั้งสองข้างของมันออก ความยาวของด้านหนึ่งไปยังอีกด้านหนึ่งก็มีความกว้างมากถึง 7 เมตร
ฝูงอินทรีมงกุฎทองบินโฉบลงมาจากฟากฟ้าเป็นจำนวนนับ 20,000 ตัว และจับนักรบเซิร์กบินขึ้นไปบนฟากฟ้าพร้อมกับพวกมันด้วย
กรงเล็บที่แหลมคมของพวกมันสามารถที่จะยึดจับนักรบเอาไว้ได้อย่างเหนียวแน่น และถ้าหากว่านักรบพวกนี้ถูกจับด้วยอินทรีพร้อมกันจำนวน 2 ตัว ร่างของพวกเขาก็จะถูกฉีกกระชากออกจากกันจนทำให้เศษเลือดเศษเนื้อกระจัดกระจายไปทั่วทั้งสนามรบ
ขณะที่ฝูงจิ้งจอกหางสั้น, แรดหนังเกราะและอินทรีมงกุฎทองกำลังจู่โจมอย่างโหดร้าย ฝูงหนูขนยาวหลายล้านตัวก็เคลื่อนที่เข้าสู่สนามรบโดยไม่ส่งเสียง
ร่างสีดำเป็นจำนวนนับไม่ถ้วนกระโดดออกมาจากพื้นและใช้ฟันอันแหลมคมของพวกมันกัดแทะศัตรูอย่างรุนแรง ฟันของหนูพวกนี้มีความแหลมคมมาก และมันก็ใช้เวลาเพียงแค่ไม่กี่วินาทีเท่านั้นในการกัดทะลุชุดเกราะด้านหนึ่งไปยังชุดเกราะอีกด้านหนึ่ง
นี่คือการจู่โจมของสัตว์อสูรที่บ้าพลังมาก แล้วมันก็ทำให้กองทัพนักรบชั้นยอดที่อูดี้พยายามรวบรวมมาเสียหายอย่างหนักตั้งแต่ชั่วโมงแรกหลังจากที่พวกเขาก้าวเท้าข้ามผ่านบานประตู
ตั้งแต่พระอาทิตย์ตกดินจนถึงพระอาทิตย์ได้ส่องแสงสว่างขึ้นมาอีกครั้ง พื้นที่ทั่วทั้งสนามรบก็ถูกปกคลุมไปด้วยเลือดเนื้อที่กระจัดกระจาย แม้แต่แขนขาของเหล่าทหารที่ถูกทำร้ายก็มีจำนวนอยู่มากกว่าวัชพืชที่ขึ้นอยู่บนพื้นดิน
“เยี่ยมไปเลย! ไม่น่าเชื่อว่าแผนการครั้งนี้จะสังหารนักสู้ของอูดี้ไปได้มากกว่า 50,000 คน แล้วนี่ยังเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น มันยังมีเวลาอีกหลายวันที่พวกเราจะทำการสังหารราชาคนนี้ลงไปซะ” อันธตะโกนขึ้นมาอย่างตื่นเต้น
เซี่ยเฟยพยักหน้าพร้อมกับมองไปทางหน้าจอแสดงผลคะแนน ซึ่งโดยปกติทหารจะได้รับคะแนนหลังจากที่พวกเขาสังหารสัตว์อสูร แต่มันก็ดูเหมือนว่าเมื่อทหารถูกสัตว์อสูรทำการสังหาร คะแนนพวกนั้นก็จะตกมาอยู่ในมือของเซี่ยเฟย
การลงมือครั้งนี้เพียงครั้งเดียวทำให้เซี่ยเฟยได้รับคะแนนกลับมามากกว่า 80,000 คะแนน และนี่ก็เป็นผลลัพธ์ของการลงมือครั้งแรกภายในไซเรนฮิลล์
“86,000 คะแนน! ฉันหวังว่าคะแนนพวกนี้จะพอให้นายเอาไปแลกของรางวัลดี ๆ กลับมาได้บ้าง” อันธกล่าวอย่างยินดี
เซี่ยเฟยไม่พูดอะไรก่อนที่เขาจะเดินออกไปจากสนามรบแห่งนี้
“นายกำลังจะไปไหน?” อันธถาม
“ไปเตรียมของขวัญต้อนรับพวกมันในชั้นที่ 2 ไง ฉันจะทำให้พวกมันรู้สึกเสียใจที่คิดจะมาเป็นศัตรูกับฉัน” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเย็นชา
***************