บทที่ 78 ความร่วมมือ
“ข้าสงสัยว่า ทำไมนายน้อยสามถึงตามหาเรา?” ผางชงพูดตรงๆ
สมาคมเงามืดเป็นกองกำลังใต้ดิน และพวกเขาไม่ชอบที่จะตีพุ่มไม้รอบๆ(อ้อมค้อม)
“ในเมื่อทุกคนเป็นศัตรูกับหลินเป้ย แล้วทำไมไม่เราร่วมมือเพื่อจัดการกับหลินเป้ยล่ะ?”จงหมิงกล่าว
“ข้าสงสัยว่า หลินเป้ยทำอะไรให้เจ้าขุ่นเคือง”ผางชงถาม
“เขาสังหารสมาชิกของกลุ่มนักรบรับจ้างสีโลหิต ของเราหลายสิบคน ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในระดับนักรบแท้จริง ชายผู้นี้ชั่วร้ายมาก เราหาเขาไม่พบมาหลายวันแล้ว ข้าได้ยินมาว่า ก่อนหน้านี้เขากลับไปที่เมืองชิงหลิน แล้วหลังจากนั้น ก็ย้อนมาที่ภูเขาเทียนหยางอีกครั้ง และตอนนี้ เขาก็อยู่ในภูเขาเทียนหยาง แต่ภูเขาเทียนหยางนั้นใหญ่มาก ลำพังแค่พวกข้า ไมาสามารถหาเขาพบได้” จงหมิงกล่าว
กลุ่มนักรบรับจ้างสีโลหิตเสียหายไปมาก หลินเป้ยได้สังหารพวกเขาไปมากมาย
ตอนนี้ผางชงและโจวห่าวตกตะลึง หากสิ่งที่จงหมิงพูดเป็นความจริง แสดงว่าก่อนหน้านี้ พวกเขาประเมินหลินเป้ยต่ำเกินไป
หลินเป้ย มีความสามารถมากกว่าที่คิด
“แน่นอนว่า ที่หลินเป้ยสามารถสังหารคนได้มากมาย อาจเป็นเพราะสมบัติวิเศษที่เรียกว่ายันต์หุ่นเชิด ก่อนหน้านั้นเขาใช้ยันต์หุ่นเชิด เพื่อเรียกหุ่นเชิดระดับ 4 ออกมา ทำให้ทีมนักรบรับจ้าง 20 คน เหลือรอดมาเพียงคนเดียว ข้าคิดว่า เราไม่ควรประมาทหลินเป้ยคนนี้”จงหมิงกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้ม
หลินเป้ยสร้างความสูญเสียอย่างหนักให้กับกลุ่มนักรบรับจ้างสีโลหิต ทำให้จงหมิงเกลียดหลินเป้ยจนอยากฉีกเขาออกเป็นชิ้นๆ
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ทำให้ผางชงและโจวห่าว เหงื่อแตกพลั่ก!
ถ้าพวกเขาพบหลินเป้ยก่อนหน้านี้ หลินเป้ยอาจใช้หุ่นเชิดระดับ 4 ที่อยู่ในมือ
พวกเขาอาจตาย โดยไม่รู้ว่าเพราะอะไร
โดยไม่คาดคิด หลินเป้ยมีพลังมาก จนเกิดความสูญเสียครั้งใหญ่ของกลุ่มนักรบรับจ้างสีโลหิต
“ปรากฎว่าหลินเป้ยซ่อนมันไว้ลึกมาก แต่เท่าที่เรารู้ หลินเป้ยยังมีสัตว์เลี้ยงจิตวิญญาณราชาหมาป่าสีครามระดับ 3 อยู่” ผางชงแบ่งปันสิ่งที่ตนรู้
"หือ? ไม่คาดคิด ว่ามีอัจฉริยะเช่นนี้ในเมืองชิงหลิน!?" จงหมิงถอนหายใจ
หลินเป้ยคนนี้ ไม่เพียงมียันต์หุ่นเชิดระดับ 4 เท่านั้น แต่ยังมีสัตว์เลี้ยงจิตวิญญาณระดับ 3 อีกด้วย
ด้วยความช่วยเหลือจากสัตว์เลี้ยงจิตวิญญาณ ความแข็งแกร่งของหลินเป้ยไม่น้อยไปกว่าปรมาจารย์นักรบเลย
แถมความแข็งแกร่งของสัตว์เลี้ยงจิตวิญญาณนี้ ยังแข็งแกร่งกว่าปรมาจารย์นักรบทั่วไปอีกด้วย
หลินเป้ยคิือผู้ฝึกสัตว์จิตวิญญาณ และจงหมิงก็เพิ่งรู้ในตอนนี้
ปรากฎว่า พวกเขาประเมินความแข็งแกร่งของหลินเป้ยต่ำเกินไป
ไม่น่าแปลกใจ ที่พวกเขาต้องทนทุกข์ทรมานมาก!
"หลินเป้ยผู้นี้รับมือยากมาก เรามาร่วมมือกัน อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะจัดการกับหลินเป้ย ข้ามีสิ่งหนึ่งที่อยากจะคุยกับพวกเจ้าทุกคน"จงหมิงกล่าว
จากนั้นจงหมิงก็พูดแผนของเขาออกมา
เสือขาวเนตรโลหิตในหุบเขา จากการสังเกต มันจะคลอดลูกภายใน 3 วัน ถ้าอยากได้ลูกมันมา ต้องสังหารแม่เสือทิ้ง
พวกเขาไม่ทราบพละกำลังที่แท้จริงของ เสือขาวเนตรโลหิต จึงต้องการให้ผางชงและโจวห่าวเข้าร่วมด้วย
จงหมิงจะได้ประโยชน์ห้าส่วน ส่วนโจวห่าวและผางชงจะได้ห้าส่วนที่เหลือ
หากมีลูกเสือสองตัว จงหมิงจะรับไปหนึ่งตัว ส่วนโจวห่าวและผางชงจะต้องแบ่งกันเอง
สำหรับแผนการแบ่งระหว่าง ตระกูลโจวและสมาคมเงามืดนั้น โจวห่าวและผางชงจะหารือกันเอง
หากมีลูกเสือสามตัว จงหมิงจะเอาอีกตัวหนึ่งด้วย รวมเป็นสองตัว
นอกจากนี้ ร่างกายของเสือขาวเนตรโลหิตยังถือเป็นสินสงครามอีกด้วย
คำแนะนำของจงหมิงคือ ให้ทุกคนรวมพลังกันสังหารเสือขาวเนตรโลหิต และหลังจากแบ่งของที่ริบมาได้ พวกเขาจะตามล่าหลินเป่ย
หากไม่สามารถสังหารหลินเป้ยได้ จงหมิงกล่าวว่าเขาจะส่งกลุ่มนักรบรับจ้างสีโลหิต ไปยังตระกูลหลิน เพื่อข่มขู่ และทำให้ตระกูลหลินยอมจำนน เพื่อส่งหลินเป้ยมาให้
กล่าวโดยย่อ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นหลินเป้ยจะต้องตาย!
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ผางชงและโจวห่าวถูกล่อลวง เมื่อได้ยินว่ามีลูกสัตว์อสูรระดับ 4
ดังนั้นพวกเขาจึงเห็นด้วยกับคำแนะนำของจงหมิง ที่ให้สังหารเสือขาวเนตรโลหิตก่อน
สำหรับหลินเป้ย ที่ตกเป็นเป้าหมายของนักรบรับจ้าง
ความตายเป็นเรื่องของเวลา อย่างน้อยที่สุด หลินเป้ยก็สามารถมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่กี่วัน
หากหลินเป้ยเสียชีวิตด้วยน้ำมือของกลุ่มนักรบรับจ้างสีโลหิต ความเป็นบาดหมางระหว่างพวกเขากับหลินเป้ยก็จะหายไป
ทั้งสามฝ่ายจึงตกลงร่วมมือกัน!
นี่คือลูกสัตว์ระดับ 4 และมันคงเป็นเรื่องโกหก หากจะบอกว่าพวกเขาไม่ได้ถูกล่อลวง
แน่นอนว่าตอนนี้ตระกูลโจวและสมาคมเงามืดอยู่ข้างเดียวกันแล้ว
กองกำลังทั้งสองนี้ ก็ร่วมมือกันเพื่อไม่ให้กลุ่มนักรบรับจ้างสีโลหิต หลอกลวงได้
แม้ว่าฝ่ายของกลุ่มนักรบรับจ้างสีโลหิต จะแข็งแกร่งกว่าพวกเขา
แต่ถ้าพวกเขาต่อสู้ ฝ่ายของกลุ่มนักรบรับจ้างสีโลหิต จะต้องสูญเสียอย่างหนักอย่างแน่นอน
พวกเขาพนันได้เลยว่าคนของกลุ่มนักรบรับจ้างสีโลหิต จะไม่กล้าเสี่ยงกับพวกเขา
ในขณะที่หลินเป้ยและหนิงเสวี่ย กำลังมองไปที่ทางเข้าของหุบเขาซึ่งอยู่ไม่ไกล
พวกเขาบังเอิญเห็นโจวห่าวและผางชงเข้าไปในหุบเขา พร้อมกับคนกลุ่มใหญ่
“ทำไมพวกเขาถึงอยู่ด้วยกัน?”หลินเป้ยสงสัย โดยไม่คาดคิด คนจากสมาคมเงามืดก็มาด้วย
หลินเป้ย รู้สึกลางๆ ว่า ผางชงกำลังตามหาเขา
เนื่องจากหลินเป้ยเคยทำให้ผางชงเสียหน้ามาก่อน แต่ด้วยการดำรงอยู่ของตระกูลหลิว และตระกูลหลิน ทำให้ผางชงไม่สามารถจัดการกับหลินเป้ยได้
ดังนั้นตอนนี้ เขาจึงมาไล่ล่าหลินเป้ยภูเขาเทียนหยางแน่นอน
มิฉะนั้น เขาจะอยู่กับตระกูลโจวไปทำไม?
เมื่อเห็นสถานการณ์นี้ หลินเป้ยรู้สึกลังเล
อย่างไรก็ตาม เป็นเพราะเสือขาวเนตรโลหิต ทำให้เขาต้องตัดสินใจ
“ดูนั่น คนกลุ่มนั้นเป็นศัตรูอีกกลุ่มหนึ่งที่มาสังหารข้า เจ้ากลัวไหม?”หลินเป้ยพูดติดตลกกับหนิงเสวี่ย
“ฮึ่ม ข้าไม่กลัว ถ้าข้าอยู่กับเจ้า พวกเขาจะสังหารเจ้า ไม่ใช่ข้า อย่างเลวร้ายที่สุด ข้าก็จะหนีไปก่อน!” หนิงเสวี่ยทำหน้าบึ้ง
“เจ้าไม่มีมโนธรรมในใจเลย ข้าเคยช่วยเจ้ามาก่อนนะ!”หลินเป้ยพูดด้วยความโกรธ
“หากพวกมันมาสังหารเจ้า แต่เจ้าไม่สามารถจัดการกับพวกมันได้ ข้าเป็นเพียงนักรบแท้จริงขั้น 3 ข้าจะทำอะไรได้ สู้หนีไปดีกว่า อย่างน้อย ข้าจะหาคนมาล้างแค้นให้เจ้า” "หนิงเสวี่ยกล่าวอย่างไม่พอใจ
ตอนนี้นางรู้สึกเสียใจ ที่นางไม่ฟังคำแนะนำของตระกูลและฝึกฝนอย่างหนัก
ขอบเขตบ่มเพาะของนาง ช่างอ่อนแออย่างน่าสมเพช
พรสวรรค์ของหนิงเสวี่ยนั้นดีมาก ภูมิหลังตระกูลของนางก็ดีมากเช่นกัน และนางก็ไม่เคยขาดแคลนทรัพยากรสำหรับการฝึกฝน
หากที่ผ่านมา นางขยันบ่มเพาะ นางอาจจะเป็นปรมาจารย์นักรบที่แข็งแกร่งในตอนนี้ไปแล้ว
อย่าลืม หนิงเสวี่ยอายุเพียงสิบห้าปีเท่านั้น!
ในเมืองหลวง ยังมีอัจฉริยะที่ก้าวไปสู่ระดับปรมาจารย์นักรบเมื่ออายุสิบห้าปี และจำนวนอัจฉริยะดังกล่าวมีมากกว่าสิบคน
ขนาดหนิงเสวี่ยฝึกฝนอย่างสบายๆ และตอนนี้นางก็เป็นนักรบแท้จริงขั้น 3 แล้ว ความแข็งแกร่งนี้ ยังอยู่ในระดับอัจฉริยะชั้นนำในเมื่องชิงหลิน
อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับผู้บ่มเพาะบางคนที่ฝึกฝนมาเป็นเวลานาน ความแข็งแกร่งนี้ยังไม่เพียงพอ
“เจ้ายังมีความรู้สึกผิดชอบชั่วดีอยู่บ้าง แต่หากเจ้าพบพวกเขาและข้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขาจริงๆ เจ้าก็หนีไปให้เร็วที่สุดและไม่ต้องเป็นห่วงข้า” หลินเป่ยหัวเราะ
เขาแค่ล้อเล่นกับหนิงเสวี่ย ถ้านางเจอศัตรูที่เขารับมือไม่ได้ หนิงเสวี่ยจะอยู่เพื่อรอความตายหรือไง?
ทั้งสองออกจากที่นี่โดยไม่กล้าอยู่ใกล้หุบเขานานเกินไป เพราะเกรงว่าจะถูกค้นพบ
โชคดีที่ราชาหมาป่าสีครามบอกทางหลินเป้ย ทำให้เขาสามารถหลบสายตาของกลุ่มนักรบรับจ้างได้อย่างสมบูรณ์แบบ
หลินเป้ยถอนตัวไปยังสถานที่ ที่ห่างจากหุบเขาประมาณ 40 ลี้
อย่างไรก็ตาม เขารู้แล้วว่าหุบเขาเสือขาวเนตรโลหิตนี้อยู่ตรงไหน
ดังนั้น เพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะกับกลุ่มนักรบรับจ้าง หลินเป้ยและหนิงเสวี่ยจึงต้องรักษาระยะห่างจากพวกเขา
ถ้าพวกเขาทั้งขี่ราชาหมาป่าสีคราม มันสามารถพาพวกเขากลับมาที่หุบเขาได้ ในเวลาประมาณครึ่งชั่วยาม
ทันใดนั้น หลินเป้ยได้รับข้อความจากราชาหมาป่าสีคราม ซึ่งพบร่องรอยของสัตว์อสูรระดับ 4