บทที่ 40 ตามหาลู่เฉียนฉิง
บทที่ 40 ตามหาลู่เฉียนฉิง
.
หมู่บ้านเฮยสุ่ย เดิมชื่อ ‘หมู่บ้านโจว’ ว่ากันว่าเป็นหมู่บ้านที่สืบทอดมาเกือบพันปีแล้ว แต่เนื่องจากการทิ้งขยะอุตสาหกรรมที่ต้นน้ำ ‘แม่น้ำมู่ชิง’ รอบหมู่บ้านเฮยสุ่ยจึงสกปรก และ ‘แม่น้ำมู่ชิง’ ที่ไหลผ่านหมู่บ้านมานานปีก็กลายเป็นสีดำ
คำว่า ‘เฮยสุ่ย’ (น้ำดำ) จึงได้เริ่มมีขึ้น เมื่อเวลาผ่านไป อดีตหมู่บ้านโจวก็ถูกเรียกว่า ‘หมู่บ้านเฮยสุ่ย’ ท้ายที่สุดชาวบ้านในหมู่บ้านเฮยสุ่ยก็คุ้นเคยกับชื่อนี้จนเปลี่ยนชื่อหมู่บ้านเป็น ‘หมู่บ้านเฮยสุ่ย’
ด้วยความเป็นห่วงลู่เฉียนฉิง หวิงหวาจึงพาทุกคนรีบบึ่งไปยังหมู่บ้านเฮยสุ่ย
“เป็นยังไง ตำแหน่งที่พบโทรศัพท์ของเฉียนฉิงอยู่ตรงไหน?” พอมาถึงหมู่บ้านเฮยสุ่ย นี่เป็นประโยคแรกที่พวกเขาถามเฉินฮุ่ย
เฉินฮุ่ยหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูสถานที่ๆเย่เหอส่งมาให้ และเปรียบเทียบกับสถานที่จริง
“ไม่ได้อยู่ในหมู่บ้าน แต่อยู่ตรงนั้น” แม้ว่าตำแหน่งของโทรศัพท์มือถือจะเป็นหมู่บ้านเฮยสุ่ย แต่พอมาถึงที่หมู่บ้านจริงๆ เฉินฮุ่ยก็พบว่า โทรศัพท์มือถือของลู่เฉียนฉิงนั้นอยู่ห่างออกไปไม่ไกลจากหมู่บ้านเฮยสุ่ย
หลังจากตรวจสอบสถานที่ทางโทรศัพท์ เฉินฮุ่ยก็หันไปมองในทิศทางของตำแหน่งโทรศัพท์มือถือที่ตามหา พอเห็นสถานที่เท่านั้น ความตกใจก็เขียนไปทั่วใบหน้าของเขา
“เฉินฮุ่ย เกิดอะไรขึ้น?” พอทุกคนเห็นอาการของเฉินฮุ่ย ต่างก็งง พวกเขามองไปในทิศทางที่เฉินฮุ่ยมอง แต่ก็ไม่พบว่ามีอะไรผิดปกติ
“เฉินฮุ่ย! นายไม่เป็นไรนะ!” เหล่าสวีรู้สึกอย่างคลุมเครือว่ามีบางอย่างผิดปกติ และก้าวเข้าไปตบไหล่เฉินฮุ่ยเบาๆ
เฉินฮุ่ยขมวดคิ้ว จ้องมองไปยังทิศทางของตำแหน่งโทรศัพท์มือถือ ด้วยสีหน้าที่มืดมนมาก “ตรงนั้นเป็นที่ๆ ปินจื่อกับจางหลานเห็น ‘รถเมล์สาย 18’ ครั้งล่าสุด”
“อะไรนะ!” พอได้ยินคำพูดของเฉินฮุ่ย ทุกคนก็ต้องตกตะลึงอีกครั้ง ทุกคนรู้ดีว่าพวกเย่ปินเคยเห็นรถเมล์สาย 18 และในตอนนั้น ทั้งสามคนที่ได้เห็น ‘รถเมล์ผี’ ในตำนานเป็นครั้งแรก ต่างก็ถูกความสาปแช่งที่น่าสะพรึงกลัว ในทำนองเดียวกัน
“ตอนนี้ยังไม่มืด ไปสำรวจกันเถอะ” แม้ว่าจะกลัว แต่ก็กังวลเรื่องความปลอดภัยของลู่เฉียนฉิง เหล่าสวีจึงตัดสินใจ
“เฮ้อ!” จ้าวเจิ้นถอนหายใจยาว พยายามสงบสติอารมณ์อย่างดีที่สุด จากนั้นก็พยักหน้า เห็นด้วยกับคำพูดของเหล่าสวี
หนิงหวาไม่พูด จ้องมองไปข้างหน้า และตัดสินใจ
เมื่อเห็นทัศนคติของทุกคน เฉินฮุ่ยก็พยายามสงบสติอารมณ์ แต่เมื่อใดก็ตามที่เขานึกถึง ‘รถเมล์ผี’ เฉินฮุ่ยจะรู้สึกเย็นยะเยือกที่ด้านหลังของเขาทุกครั้ง
“คราวนี้ฉันจะไปเอง พวกนายก็รู้ถึงคำสาปของ ‘รถเมล์สาย 18’ ดี ฉันเคยเห็นรถเมล์ผีมาแล้ว ภายใต้เงื่อนไขของคำสาป คำสาปจะไม่มีผลกับฉันอีก แต่พวกนายไม่เหมือนกัน ถ้าพวกนายเห็น ‘รถเมล์ผี’ พวกนายจะถูกสาปเหมือนฉัน” แน่นอนว่าเฉินฮุ่ยกลัวที่จะไปคนเดียว แต่เพื่อป้องกันไม่ให้ทุกคนโดนคำสาปไปด้วย เฉินฮุ่ยจึงตัดสินใจเข้าไปตรวจสอบเพียงลำพัง
“ไปคนเดียวมันอันตรายเกินไป!” เหล่าสวีไม่ได้คิดมาก เขาปฏิเสธความคิดของเฉินฮุ่ยตรงๆ ถึงจุดนี้ ทุกคนต่างยอมเสียสละชีวิตของพวกเขาแล้ว
“ฉันเห็นด้วยกับเหล่าสวี การไปคนเดียวมันอันตรายเกินไป และทุกคนก็ตัดสินใจแล้ว เราจะปล่อยให้นายไปเสี่ยงคนเดียวแบบนี้ไม่ได้” จ้าวเจินยิ้มให้เฉินฮุ่ย ในใจของเขาก็มีความคิดสอดคล้องกับเหล่าสวี
“ในเมื่อทุกคนยืนอยู่ตรงนี้แล้ว ทุกอย่างก็เป็นอันชัดเจน เฉินฮุ่ย นายไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับพวกเราหรอก!”
แม้ว่าความมุ่งมั่นของทุกคนจะแน่วแน่มาก แต่เฉินฮุ่ยก็ไม่เห็นด้วย “ทุกคน หากเราทุกคนตกอยู่ในอันตราย แล้วใครจะเป็นคนไขคดีนี้” เฉินฮุ่ยก็พูดขึ้น ทำให้ทุกคนพูดไม่ออกไปชั่วครู่
“ไม่ต้องพูดถึงว่าการแก้ไขคดีต้องใช้การร่วมมือกัน แต่ถ้าปล่อยให้เสี่ยงเองทั้งหมดคนเดียว แล้วเราจะมีประโยชน์อะไร? จะให้ซ่อนตัวอยู่แต่ในที่ปลอดภัย แล้วจะคลี่คลายคดีได้ยังไง?” ในที่สุดหนิงหวาก็พูดขึ้น ปฏิเสธคำพูดของเฉินฮุ่ย
“เอาล่ะ ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาโต้เถียงกัน เฉียนฉิงกำลังตกอยู่ในอันตราย ไม่มีเวลาให้ลังเลแล้ว ไปกันเถอะ!” เหล่าสวีกล่าว แล้วก้าวไปยังทิศทางของตำแหน่งโทรศัพท์ โดยไม่สนใจการกีดขวางของเฉินฮุ่ย
จ้าวเจิ้นกับหนิงหวาติดตามไปอย่างใกล้ชิด เฉินฮุ่ยที่พยายามหยุดพวกเขาไว้ ท้ายที่สุดก็ถอนหายใจและส่ายศีรษะอย่างช่วยไม่ได้
หลังจากการตรวจสอบครั้งล่าสุด เฉินฮุ่ยจึงคุ้นเคยกับเส้นทาง เขาจึงนำทางพรรคพวกเข้าไปในป่าทึบ และไปยังป้ายรถเมล์อีกครั้งโดยไม่ได้ดูเวลา
“ที่นี่แปลกจริงๆ ช่องว่างในป่าก็เล็กมากจนยานพาหนะเข้ามาไม่ได้ แต่รอยล้อรถบนพื้นนี้ดูใหม่มาก ดูเหมือนจะไม่เกินสองวัน” เหล่าสวีย่อตัวลง ตรวจสอบรอยยางล้อรถบนพื้นและวิเคราะห์ถนนอย่างระมัดระวัง
“ก่อนหน้านี้ปินจื่อเคยให้หน่วยพิสูจน์หลักฐานตรวจสอบดูแล้ว ในที่สุดก็ได้รับการพิสูจน์แล้วว่า รอยยางล้อรถถูกทิ้งไว้โดยรถเมล์จริงๆ แล้วปินจื่อก็ให้เย่เหอสืบต่อ และพบว่ามันเป็นรอยยางล้อรถรุ่นเก่าของรถเมล์เมื่อสิบกว่าปีก่อน แล้วรถเมล์เก่าที่ใช้เส้นทางนี้มาจนถึงเมื่อห้าปีก่อน ก็มีเพียง ‘รถเมล์สาย 18’ เท่านั้น”
“แสดงว่านี่เป็นรอยล้อของรถเมล์ ‘สาย 18’ จริงๆ” หนิงหวามองรอยล้อรถบนพื้น แล้วมองไปยังป้ายรถเมล์เก่าๆที่อยู่ข้างๆ “บนป้ายบอกเส้นทาง ก็ระบุเช่นกันว่า รถเมล์ที่วิ่งบนเส้นทางนี้มีเพียง ‘สาย 18’”
“ตอนนี้ฉันมีคำถาม รถเมล์ ‘สาย 18’ คันนี้ มาจากไหน?” เหล่าสวีลุกขึ้น แต่สายตายังจับจ้องอยู่ที่รอยยางล้อรถบนพื้น
ระหว่างการสืบสวนในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา เฉินฮุ่ยกับคนอื่นๆ พบว่า รถเมล์ ‘สาย 18’ ทุกคัน ถูกนำไปทำลายบดอัดเป็นเศษเหล็กไปหมดแล้ว ในเมือง X ไม่เพียงไม่มีรถเมล์ ‘สาย 18’ เท่านั้น และเป็นไปไม่ได้ที่จะหารถเมล์เก่ารุ่นเดียวกัน
“ถ้าจะไม่มองไปทางเรื่องเหนือธรรมชาติ เช่นนั้นเป็นไปได้ไหมว่าจะมีรถเมล์เก่าที่เป็นปลาซักตัวที่หลุดลอดหว่างแห?” จ้าวเจินจับคางครุ่นคิด
“ไม่ต้องพูดถึงเรื่องจะมีรถเมล์เก่าที่เป็นปลาลอดหว่างแหหรือไม่ แค่ถามว่า รถเมล์เข้ามาที่นี่ได้ยังไง? ประการที่สอง ใครเป็นคนขับรถเมล์? พวกนายรู้ไหม คนขับรถเมล์ ‘สาย 18’ ทุกคนที่ผ่านมา ล้วนเสียชีวิตไปหมดแล้ว!” เหล่าสวีรู้สึกว่าคดีนี้ไม่สามารถตัดสินด้วยสามัญสำนึกอีกต่อไป
จ้าวเจิ้น ไม่ได้สงสัยกับคำถามของเหล่าสวี เขาเพียงพยักหน้า “อันที่จริง มีหลายสิ่งที่ไม่สอดคล้องกับสามัญสำนึกมากเกินไป”
ขณะที่ทุกคนกำลังพูดถึงรถเมล์สาย 18 พวกเขาก็ยังคงมองหาโทรศัพท์มือถือของลู่เฉียนฉิงจากแผนที่บนโทรศัพท์มือถือของเฉินฮุ่ย
“ตำแหน่งเฉพาะเจาะจงอยู่ในบริเวณนี้ แต่นอกเหนือจากป้ายรถเมล์กับรอยยางแล้ว ยังไม่พบสิ่งใดอีก” หลังจากตรวจสอบอย่างรอบคอบหลายครั้ง ทุกคนไม่พบอะไรเลย แต่ขณะนี้ท้องฟ้าเริ่มมืดลง และเริ่มมีสีเข้มขึ้นแล้ว
เฉินฮุ่ยแหงนมองท้องฟ้า ในขณะนี้ ดวงอาทิตย์เริ่มเคลื่อนตัวตกลงอย่างช้าๆ และกำลังจะจากไป
“จะค่ำแล้ว! หากเป็นเวลากลางคืน ที่นี่จะอันตรายเกินไป ออกจากที่นี่ก่อน แล้วไปเฝ้าสังเกตไกลๆ” เฉินฮุ่ยมองท้องฟ้าที่ค่อยๆมืดลง และแนะนำให้ทุกคนออกไป
“ตกลง” ทุกคนเห็นด้วยกับข้อเสนอของเฉินฮุ่ย เมื่อมืดลงแล้วก็จะไม่มีใครคาดเดาได้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นที่นี่ เพื่อความปลอดภัย ทุกคนจึงอพยพออกไปก่อน แล้วไปเฝ้าสังเกตการณ์จากระยะไกล
.
*******
บทสั้นไม่ถึงมาตรฐาน แถมฟรีจ้า บทสั้นครั้งหน้าไม่แถมนะจ๊ะ ... บทสั้น 2 บท = ขาย