ตอนที่ 65 พลังพรสวรรค์ที่พัฒนาขึ้น(อ่านฟรี)
ตอนที่ 65 พลังพรสวรรค์ที่พัฒนาขึ้น
เมืองปลายฝนกำลังตกอยู่ในสภาวะหวาดกลัวและกดดันจากมอนสเตอร์ที่ไม่รู้ว่าจะบุกโจมตีตอนไหน พวกมอนสเตอร์นอกเมืองที่โจมตีเส้นทางการเข้าออกเมืองอาละวาดไปทั่ว ไม่ว่าใครพยายามออกนอกพ้นอาณาเขตเมืองไป 500 กิโลเมตร พวกมันจะโผล่ออกมาไล่โจมตีทันที
แม้แต่บนฟ้าพวกมันก็ไม่ปล่อยไป การเดินทางด้วยเครื่องบินสมัยก่อนมักจะเจออันตรายจากนก ถ้ามีนกมาบินชนนั้นเป็นหายนะทางการบินที่ร้ายแรง แต่ว่าในยุคนี้ไม่ใช่แค่นกที่เป็นอันตราย แต่เป็นมอนสเตอร์ที่มีปีก พวกมันอิสระกว่ามอนสเตอร์ที่บินไม่ได้
ทำให้มีอาณาเขตล่าที่กว้างขวางมาก แม้ว่าเหนือมนุษย์จะแข็งแกร่ง แต่ถ้ายังบินไม่ได้ก็ไม่มีทางสู้กับมอนสเตอร์ที่บินได้บนอากาศได้เลย
ปกติแล้วจะมีเครื่องบินที่ติดอาวุธหนักใช้สำหรับคนของทางการเท่านั้นที่สามารถบินได้อย่างอิสระไปยังเส้นทางการบินที่ไม่ปลอดภัยเส้นทางอื่น ๆ ได้
ส่วนเครื่องบินทั่วไปจะบินไปบนเส้นทางที่ปลอดภัยและต่ำก็แพงแสนแพงมาก แต่พอเกิดเรื่องฝูงมอนสเตอร์โจมตีเมืองในรัฐคานัน พวกมันก็พากันบุกโจมตีตามเส้นทางการบินที่ปลอดภัยจนตอนนี้เส้นทางการบินเหล่านั้นไม่ปลอดภัยอีกต่อไป
เที่ยวบินไม่ว่าจะเป็นของพลเรือนหรือทางการต่างถูกยกเลิก รถไฟเข้าออกจากเส้นทางหลังก็ถูกยกเลิก แม้แต่การขับรถไปบนถนนก็ยังถูกสั่งเตือน
มีข่าวว่าทางสำนักงานเมืองและทางสำนักงานเหนือมนุษย์เริ่มภารกิจตอบโต้กันมาสักพักแล้ว โดยพวกเขาเริ่มจากการหาทางกำจัดมอนสเตอร์บนพื้นดินที่นำโดยมอนสเตอร์ระดับ B ส่วนมอนสเตอร์ที่บินได้เป็นระดับ C แม้แต่ผู้อำนวยการอีคอนที่เป็นเหนือมนุษย์ระดับ B ก็ยากจะตามล่าและกำจัดมันได้
ดังนั้นต้องจัดการที่ภาคพื้นก่อน รอจนสถานการณ์เมืองต่าง ๆ ในรัฐคานันกำจัดมอนสเตอร์ระดับ B ตัวอื่น ๆ ไปได้ก็สามารถของกำลังสนับสนุนจากเหนือมนุษย์ที่มีความสามารถในการบินมาไล่ล่ามันในตอนหลังได้
จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอาจจะดูเหมือนว่าดี แต่กลับไม่ได้เป็นอย่างนั้นซะทีเดียว เพราะในเมืองมีการปรากฏขึ้นมาของประตูมิติที่เชื่อมต่อกับชิ้นส่วนโลกต่างมิติมากขึ้นกว่าเดิมเกือบเท่าตัวและยังมีบางประตูที่เปิดใหม่ ๆ แต่กำจัดไม่ทันก็มีมอนสเตอร์หลุดออกมาเรื่อย ๆ
บางตัวเลือกจะหนีออกไปนอกเมืองรวมกับฝูงมอนสเตอร์ทางด้านนอก แต่ก็มีไม่น้อยที่หิวโหยจนบุกเข้าโจมตีเมืองอยู่บ่อยครั้ง โศกนาฏกรรมจากมอนสเตอร์ที่เฉลี่ยปรากฏวันละ 1 ครั้งกลับกลายเป็น 3-5 ครั้งต่อวันและแต่ละครั้งคนก็ตายเป็นจำนวนมาก เนื่องจากในเมืองมีเหนือมนุษย์ไม่มากพอที่จะกระจายไปทั่วทุกที่ เพราะสำนักงานเหนือมนุษย์ส่งเหนือมนุษย์ที่มีบางส่วนออกไปในภารกิจไล่ล่าฝูงมอนสเตอร์ที่มีมอนสเตอร์ระดับ B เป็นผู้นำ
สำนักงานเมืองต้องแบกรับแรงกดดันจากประชาชนในเมืองที่เริ่มไม่พอใจกับการสูญเสียถึงขนาดมีกลุ่มคนบางส่วนออกไปประท้วงกันบ้างแล้ว เรียกร้องให้สำนักงานเมืองจัดการส่งเหนือมนุษย์ไปประจำพื้นที่ต่าง ๆ ให้มากขึ้น
สุดท้ายสำนักงานเมืองก็กดดันต่อไปที่สำนักงานเหนือมนุษย์ ทั้งสองหน่วยงานได้ร่วมมือกัน โดยสำนักงานเมืองส่งกองทัพเหนือมนุษย์ฝ่ายตัวเองออกไปและสำนักงานเหนือมนุษย์ก็ออกภารกิจเฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงให้กับฮันเตอร์จากทางกิลด์ ทีมรวมทั้งฮันเตอร์อิสระให้รับภารกิจเฝ้าระวังกันมากขึ้น ซึ่งค่าตอบแทนก็สูงตามไปด้วย
ภารกิจของสำนักงานเหนือมนุษย์ไม่ใช่ภารกิจบังคับ
แต่สำหรับกองทัพเหนือมนุษย์สำนักงานเมือง เป็นกองทัพของเมืองโดยตรง ซึ่งในกองทัพก็มีเหนือมนุษย์ที่ยินดีเข้าร่วมกับกองทัพ มีเงินเดือนและตำแหน่งยศระดับสูงภายในกองทัพ
พวกเขาเป็นเหมือนกับดาบที่อยู่ในมือของฝ่ายบริการของเมือง ที่แยกตัวออกมาจากสำนักงานเหนือมนุษย์อย่างชัดเจน ส่วนตำรวจหน่วยพิเศษผู้พิทักษ์ประตูเป็นหน่วยงานที่ทำงานรวมทั้งสำนักงานเมืองและสำนักงานเหนือมนุษย์
ตอนนี้ทุกหน่วยถูกเรียกใช้งานอย่างเต็มที่เพื่อดูแลความปลอดภัยในเมือง
ขณะที่เมืองกำลังวุ่นวายก็มีรถออฟโรดคันสีแดงวิ่งออกมาจากเมืองตรงไปยังดินแดนภายนอก ซึ่งสวนทางกับถนนเส้นทางขาเข้าที่เต็มไปด้วยรถจำนวนมากพากันขับเข้าไปในเมือง
ลุคนั่งอยู่ที่นั่งคนขับ โดยมีนิโคลนั่งด้านข้างมาด้วย พวกเขาเป็นเพียงสองคนที่อยู่บนรถเท่านั้น
“นายคิดว่าคนที่หมายหัวน้องนายจะจ้างเหนือมนุษย์ให้ลงมือไหม” นิโคลที่อยู่ด้านข้างถามขึ้นมา เพื่อไม่ให้บรรยากาศในรถเงียบจนเกินไป
“ไม่ในตอนนี้ เขาน่าจะทำอะไรไม่ได้ในช่วงนี้ แต่ว่าก็ต้องระวังไว้”
“มันมีจริง ๆ เหรอพรสวรรค์ที่เห็นอนาคต อนาคตที่เขากลัวร้ายแรงมากขนาดนั้นเลยหรือยังไง”
“ใช่ เธออยากจัดการน้องฉันไหม” ลุคหันมาถามด้วยใบหน้าจริงจัง
“ฉันไม่ใช่คนที่จะกลัวอนาคตที่ยังไม่เกิดและใช้มันตัดสินคนอื่น เพียงเพราะนั้นคือสิ่งที่คนผู้นั้นอาจจะทำ อีกอย่างฉันลงเรือลำเดียวกับนายแล้วและนายยังติดสัญญาฉันอยู่” นิโคลตอบตามตรง
“ขอบใจ”
“อืม วันนี้บอสตันกลับไปเพิ่มพลังต่อ ส่วนไอกะยังเฝ้าอยู่ที่โรงพยาบาลช่วยดูน้องของนาย หวังว่าเธอจะไม่ประมาท” นิโคลพูดอย่างไม่ค่อยไว้ใจไอกะ
หลังจากเมื่อวานที่ลุคเป็นเหนือมนุษย์ระดับ E แล้วเขาก็ตัดสินใจว่าจะเริ่มภารกิจจับมอนสเตอร์ในทันที โดยไม่รอให้ไอกะและบอสตันเลื่อนระดับ เพราะเวลาเขามีไม่มากอีกอย่างลุคอยากให้ไอกะและบอสตันช่วยเฝ้าระวังผู้มองอนาคต
แม้เขาจะมั่นใจว่าผู้มองอนาคตจะไม่ปรากฏตัวสักพักเพราะการขายข้อมูลให้กับร้านขายปากกา แถมที่หน้าห้องเจนมีตำรวจเฝ้าไว้อยู่ด้วย แต่ลุคก็ยังไม่มั่นใจและเผื่อแผนไว้อีกหนึ่งคือขอให้บอสตันและไอกะสลับกันไปเฝ้า
ขณะที่คนหนึ่งเฝ้าอีกคนก็สามารถกลับไปเพิ่มคลื่นพลังต่อได้
“ไอกะถึงจะไม่แข็งแกร่ง แต่เธอละเอียดรอบคอบ แถมพลังพรสวรรค์ของเธอก็ไม่ธรรมดา”
“พรสวรรค์ประเภทสร้างสรรค์มีดทำครัวนะเหรอ”
“ใช่ แม้มันจะเป็นแค่มีดทำครัว แต่เธอสังเกตไหมว่าตอนที่เธอใช้พลังเธอมองเห็นจุดอ่อนว่าควรจะใช้มีดโจมตีศัตรูตรงไหนบ้าง มันเป็นหนึ่งในความสามารถแฝงของพรสวรรค์ ฉันเชื่อว่าถ้าเธอยังแข็งแกร่งขึ้นไปเรื่อย ๆ พลังของไอกะอาจจะหั่นมอนสเตอร์เป็นชิ้น ๆ โดยที่มอนสเตอร์ไม่สามารถต่อต้านได้เลยก็ได้”
“มีดทำครัว เปลี่ยนทุกสิ่งเป็นเพียงวัตถุดิบที่รอหั่นบนเขียงสินะ” นิโคลพูดเปรียบเทียบ ก่อนจะกล่าวต่อ “คงต้องรอไปถึงระดับ E พลังพรสวรรค์เธอจึงจะแข็งแกร่งขึ้นอีกขั้น”
“แล้วเธอละพลังพรสวรรค์พัฒนายังไงหลังจากกลายเป็นระดับ E”
นิโคลกล่าวอย่างเคร่งขรึม “ฉันจำเป็นต้องบอกนายด้วยหรือไง แต่ฉันจะยอมบอกถ้านายยอมบอกเรื่องพลังของนาย”
“ฉันมีพลังประเภทสร้างสรรค์” ลุคแบมือก่อนจะปรากฏเหรียญบนฝ่ามือ
“ได้แค่เหรียญ?” นิโคลมองอย่างสงสัย เพราะลุคแข็งแกร่งมากไม่น่าจะเป็นพรสวรรค์ประเภทสร้างสรรค์ที่สร้างแค่เหรียญธรรมดา ที่จริงนิโคล บอสตันและไอกะก็เคยพูดคุยและเดาพลังของลุคกันมาบ้าง
“ที่จริงมันไม่ได้มีแค่นั้นหรอกนะ” ลุคยิ้ม ในตอนนั้นเหรียญในมือของลุคก็จมลงในเนื้อของเขา ก่อนจะกลายเป็นปากที่สองของเขา
“เป็นยังไง”
นิโคลตกใจมากจนสติกระเจิง มองดูปากที่สองของลุคพูดด้วยความตกใจ
“นาย ๆ ทำได้ยังไง” เธอชี้ไปที่มือของลุคราวกับมันคือปีศาจ
ลุคชอบสีหน้าของนิโคลในตอนนี้มาก ปกติเธอจะทำหน้านิ่ง ไม่ก็เย็นชาและจริงจังตลอด แต่หน้าตอนนี้นับเป็นอีกด้านของเธอเลย
“มันคือพลังของสิ่งที่ฉันสร้างขึ้นมา”
เขาพลิกมืออีกครั้งปากก็กลับมาเป็นเหรียญเหมือนเดิม ก่อนจะส่งให้กับนิโคล
“อะไร” นิโคลไม่เข้าใจ
“รับไปสิ”
“เดี๋ยวก่อนหรือว่ามันมอบให้คนอื่นได้” นิโคลเผยสีหน้าตกใจเป็นครั้งที่สอง ก่อนเธอจะรับเหรียญนั้นมา
“ลองส่งพลังงานเข้าไปในเหรียญ”
นิโคลพยักหน้าและทำตาม เหรียญในมือก็ผสานกับฝ่ามือของเธอและกลายเป็นปากที่สอง
“สุดยอด” นิโคลราวกับเจอของเล่นอันใหม่และเธอก็ไม่ได้ส่งคืนให้กับลุค เพราะคิดว่าเขาคงสร้างมันได้อีกอันเองตามความพิเศษของพลังพรสวรรค์ประเภทสร้างสรรค์
ลุคก็ไม่ได้เก็บคืนมา เพราะยังไงก็มีหลายอันอยู่แล้ว
“ที่จริงแล้วนั้นไม่ได้สิ่งเดียวที่พลังฉันสร้างได้ หอกที่ให้บอสตันไปก็ด้วย” ลุคบอกเรื่องพลังของเขาเพิ่ม เพราะยังไงถ้าจะต้องสู้ด้วยกันนิโคลจะรู้อยู่ดี แน่นอนว่าเขาก็บอกในสิ่งที่เธอจะเป็นต้องรู้เท่านั้น
นิโคลเงยหน้ามาสบตากับลุคในทันที
“พลังของนายมันประหลาดและน่ากลัวเกินไป ถ้ามีใครรู้นายอาจจะเป็นอันตรายได้” นิโคลกล่าว
“มันก็มีข้อจำกัดอย่างอื่นอยู่ แต่ใช่พลังฉันทรงพลังมาก ดังนั้นเธอช่วยเก็บไว้เป็นความลับให้ด้วย” ลุคหันไปบอก ก่อนจะขับรถต่อ
นิโคลพยักหน้าเข้าใจและรู้ว่าลุคแค่ต้องการให้เธอรู้พลังของเขาเพื่อจะได้ร่วมมือต่อสู้กันได้ดียิ่งขึ้น
“ความสามารถฉันพัฒนาขึ้น โดยความแข็งแกร่งในการควบคุมขยายขอบเขตมากขึ้น” นิโคลกล่าว ก่อนจะยื่นมือไปที่หัวของลุค
“เธอจะทำอะไรนะ”
“อยู่นิ่ง ๆ ก่อน”
นิโคลดึงผมของเขาออกมาและวางลงบนมือของเธอ ในตอนนั้นเส้นผมของลุคก็เคลื่อนไหวราวกับมันมีชีวิต ลุคตกใจไม่น้อย ก่อนจะเอามือจับผมบนหัวไว้ เพราะกลัวมันจะหันมาฆ่าเขาเอง
นิโคลยิ้มออกมาเมื่อเห็นท่าทางตลกของลุค
“มันจะต้องเป็นเส้นผมที่ไม่เชื่อมต่อกับสิ่งมีชีวิตอื่น” นิโคลตอบ
“การควบคุมขยายขอบเขตมากขึ้นคงไม่ใช่ว่าอะไรที่เป็นเส้นเธอจะควบคุมมันได้หมดนะ” ลุคถามอย่างสงสัย
“ประมาณนั้น” นิโคลตอบส่ง ๆ
...
หลังจากขับมาหลายชั่วโมง ในที่สุดพวกเขาก็เข้ามาจนถึงเขตที่แทบไม่มีคนอยู่อาศัยแล้ว จะเป็นจุดสุดท้ายของสถานีรถไฟแล้วเช่นกัน
เส้นทางต่อไปมีเพียงถนนเส้นเก่าแก่ที่สร้างมานานแล้วตัดไปยิงดินแดนนอกเมืองของจริง
ลุคเปิดแหวนเครือข่ายไกอาเพื่อนำทางไปยังจุดที่มอนสเตอร์ตัวนั้นยังคงอยู่ เขาค่อนข้างกังวลว่ามันจะอยู่ที่เดิมแบบที่ตาแก่ขาพิการบอกหรือเปล่า เพราะจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมอนสเตอร์จำนวนมากต่างไปรวมตัวกันกับมอนสเตอร์ระดับ B แล้ว
“จุดหมายคือป่ากลายพันธุ์เอราบีเต้เธอรู้อะไรเกี่ยวกับที่นี่บ้าง” ลุคถาม เพื่อขอข้อมูลจากเธอเพิ่มเติม
“อันตราย แต่เราเป็นระดับ E ถ้าระวังก็น่าจะเข้าและออกได้อย่างปลอดภัย ที่จริงมันเป็นจุดที่เหนือมนุษย์มักจะเข้าไปค้นหาพืชสมุนไพรวิเศษ เพราะมันเป็นป่ากลายพันธุ์จึงมีโอกาสเจอพืชสมุนไพรวิเศษมากกว่าสถานที่อื่น แต่ว่าป่านั้นก็มีอาณาเขตต่อยาวไกลมาก เท่าที่รู้น่าจะไปถึงพื้นที่ของเมืองอื่นด้วย แบบนั้นอาจจะเป็นอันตรายได้จากการที่มอนสเตอร์อาละวาดอยู่” นิโคลแสดงความกังวลเล็กน้อย
“จุดที่เราไปอยู่ตรงนี้ห่างจากรอยต่อของอีกเมืองเกือบ 200 กิโลเมตร ดังนั้นมันน่าจะไม่มีปัญหา”
“ก็หวังว่าอย่างนั้น ถ้าเป็นตรงนั้นฉันเคยไปครั้งหนึ่ง มันมีหมู่บ้านเก่าที่ถูกทิ้งร้างไว้แล้ว และตอนนี้เปลี่ยนเป็นจุดแวะพักของเหนือมนุษย์ที่เข้าออกป่าตรงนั้น ลองไปที่นั่นเริ่มเดินทางเข้าป่ากลายพันธุ์เอราบีเต้จากที่นั่นก็ได้” นิโคลชี้ไปยังจุดหนึ่งบนภาพอินเตอร์เฟสเพื่อมากจุดไว้ให้กับลุค
ลุคพยักหน้าตกลงและขับตามระบบนำทางไป
กว่าจะไปถึงก็เกือบจะมืดแล้ว ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องเพราะพวกเขาจะต้องแวะมาพักที่นี่ก่อน ขณะที่รถกำลังขับเข้าไปในหมู่บ้านในตอนนั้นเองก็มีบางสิ่งวิ่งมาหาพวกเขาทั้งสองที่ขับรถกันอยู่
“นั้นมัน...อะไร”
ลุคและนิโคลพยายามหรี่ตามองเนื่องจากสิ่งที่วิ่งมามองเห็นได้ยากจากความมืดและแสงของดวงอาทิตย์ที่กำลังตกได้ส่องแยงตาของพวกเขาพอดี
“เดี๋ยวมันเป็นคน” ลุครีบเหยียบแบกก่อนที่จะชนกับคนที่วิ่งมาเกือบจะชนคนที่วิ่งมา แต่ก่อนจะไปถึงตัวชายคนนั้นก็ทรุดตัวกลิ้งไปกับพื้นซะแล้ว