ตอนที่ 64 ระดับ E(อ่านฟรี)
ตอนที่ 64 ระดับ E
ร้านขายปากกาที่ตลาดมืด
ลุคเปิดประตูเดินเข้ามาในร้าน ทุกอย่างในร้านยังคงเหมือนเดิม แต่ชายชราก็ยังอ่านหนังสือเงียบ ๆ ขณะที่ในครัวมีกลิ่นหอมของขนมอบลอยมาเป็นครั้งคราว
“สวัสดีครับ” ลุคกล่าวทักทายตามมารยาท แต่ก็ไร้ซึ่งการตอบกลับใด ๆ ชายชรายังคงก้มหน้าอ่านหนังสือ โดยที่ไม่รู้ว่าลุคเข้ามาในร้าน
“สวัสดีครับ” ลุคย้ายตัวเองไปนั่งและตะโกนเสียงดัง
“หา...เอ๊ะเธอมาตั้งแต่เมื่อไหร่” ชายชราเงยหน้าและขยับแว่นตาจ้องมาที่ลุค
“ผมมาสักพักแล้ว”
“มาพักที่นี่เหรอ เราไม่มีห้องพัก” ชายชราทำหน้างง ๆ ก่อนจะหันไปตะโกนถาม “ยายเรามีธุรกิจห้องพักแล้วเหรอ”
เสียงคุณยายตะโกนออกมาจากในครัว “ห้องพัก? ไม่มี!”
“ฉันยังไม่หิว เอาไว้ค่อยกิน” ชายชราตอบกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบ และหันมาคุยกับลุคต่อ
ลุคกุมขมับอย่างเอือมระอากับการสนทนาของชายแก่และยายชรา สุดท้ายจึงหันไปมองลิ้นชักและถือโอกาสเสียมารยาทเปิดมัน ก่อนจะหยิบเอาเครื่องช่วยฟังออกมา
“คุณช่วยใส่เครื่องช่วยฟังก่อน”
“อ่าวฉันลืมใส่มันเหรอ” ชายชราเจ้าของร้านหยิบเครื่องช่วยฟังขึ้นมาใส่ที่หูทั้งสองข้าง ก่อนจะถามว่า “เมื่อกี้ว่าอะไรนะ”
ที่พูดเมื่อกี้ก็ไม่ได้ยินสินะ...มุมปากลุคกระตุก
“ที่นี่รับซื้อข้อมูลไหม” ลุคถาม
ตอนนี้ชายชราใส่เครื่องช่วยฟังแล้ว จึงได้ยินสิ่งที่ลุคพูดอย่างชัดเจน
“ข้อมูล แน่นอน แต่ต้องมีค่าถึงจะจ่าย” ชายชราตอบ ก่อนจะยื่นมือที่ดูจะอ่อนแอไปปิดหนังสือและวางแอบไว้ข้าง ๆ ท่าทีของชายชรากลับมาจริงจัง
“ประเมินราคายังไงถึงจะรู้ว่ามีค่าหรือไม่มีค่า”
“ถ้าเป็นข้อมูลคนธรรมดาก็ไม่ค่อยมีค่ายกเว้นมีตำแหน่งสำคัญ แต่ถ้าเกี่ยวกับเหนือมนุษย์ขึ้นไปก็มีราคาแน่นอน”
ลุคพยักหน้าเข้าใจ ยิ่งเกี่ยวกับคนสำคัญก็ยิ่งมีราคา เขาจึงหันไปหยิบกระดาษและปากกา ก่อนจะเขียนบางสิ่งลงไปใน ก่อนจะเลื่อนไปที่ด้านหน้าของชายชรา
ชายชรารับกระดาษและหยิบแว่นตาอีกอันมาเปลี่ยนและอ่านอย่างจริงจัง
“โอ้ ดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่มีค่าในของมีค่าอีกที ยายดูนี่สิ” ชายชราหันไปพูดกับยายที่เดินออกมาจากครัวพอดี
ยายเดินมาพร้อมกับจานลายดอกไม้ที่มีขนมอบหลายชิ้นวางเรียงรายอยู่บนจน ยายวางจานข้างโต๊ะสื่อให้ลุคได้ลองกินดูเหมือนกับครั้งก่อน “เธอลองกินนี่ก่อนสิ”
ลุคพยักหน้า แต่ก็ไม่ได้แตะต้องขนมใด ๆ
คุณยายไม่ใส่ใจ เพียงยื่นมือไปหยิบกระดาษของชายชรามาดู
“อืม...มีค่าสัก 200 ล้านเครดิตได้”
ลุคได้ยินก็หูผึ่งเงยหน้าจ้องเขม็งไปที่ตายายทั้งสองและถามทันที
“เมื่อกี้บอกว่าเท่าไหร่นะครับ”
“200 ล้านเครดิตราคานี้เธอพอใจที่จะขายหรือเปล่า” คุณยายตอบสบายราวกับการคุยเรื่องเงิน 200 ล้านเครดิตมันเป็นเรื่องเล็กน้อย
ข้อมูลเกี่ยวกับผู้มองเห็นอนาคตราคาสูงถึง 200 ล้านเครดิตเลยเหรอ มันเยอะเกินไปแล้ว ลุคแอบบ่นในใจ เพราะที่ผ่านมาเงินที่เขาเคยหามาได้รวมกันยังไม่ถึง 100 ล้านเครดิตด้วยซ้ำ
แต่จากราคาที่สองตายายบอกแสดงให้เห็นว่าข้อมูลของผู้มองอนาคตมีความสำคัญมากและคงมีใครบางคนต้องการมันอย่างแน่นอน ไม่อย่างนั้นราคาคงไม่มากมายขนาดนี้
“ขายไหม” ชายชรากล่าวถามลุค
“แน่นอน” ลุคไม่มีอะไรต้องปฏิเสธ แต่ว่าเขาจะต้องกลั่นกรองเนื้อหาที่จะขายไปให้ดี มันจะต้องไม่เป็นข้อมูลที่สาวมาถึงตัวของเขาและเจนอย่างชัดเจนเกินไป แต่มุ่งเน้นไปที่ผู้มองอนาคต
การซื้อขายไม่ยุ่งยาก ลุคเขียนทุกอย่างที่ต้องการขายไปให้ จากนั้นก็ประเมินราคาอีกครั้งว่าคุ้มค่ากับราคาที่เสนอไปก่อนหน้านั้นหรือเปล่า ซึ่งลุคใส่รายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ลงไปด้วย
หลังส่งข้อมูลให้ลุคก็ถาม “เพียงพอไหม”
ชายชราผงกหัวมือจับแว่นตา ก่อนจะเหลือบมองลุคและตอบ “พอ”
“ในนั้นผมมีเรื่องสงสัยอย่างหนึ่ง ไม่รู้ว่าจะถามได้ไหม”
“ถามได้” ชายชรากล่าว
แต่จะตอบไหมนั้นอีกเรื่องสินะ...ลุคเสริมประโยคหลังให้อย่างเข้าใจดี เขาจึงถามเกี่ยวกับเรื่องของเลือด “เลือดสัตว์เกี่ยวกับผู้มองอนาคตยังไง”
“รอเดี๋ยว” ชายชราลุคขึ้นเดินไปค้นหนังสือเก่า ๆ เล่มหนึ่งออกมา พอเป่าฝุ่นสักเล็กน้อยก็เปิดหน้าหนังสือหาอยู่เล็กน้อยก็เดินกลับมาที่โต๊ะ เปลี่ยนแว่นตาและอ่าน
“อืม แบบนี้นี่เอง เข้าใจละ” ชายชราพึมพำเบา ๆ ก่อนจะผลักหนังสือมาด้านหน้าลุค
“อันนี้ให้ฟรี” ลุคถาม
ชายชราไม่ตอบก็คือการยอมรับ เขาจึงอ่านตัวหนังสือที่ไม่เล็กไม่ใหญ่สีดำที่ราวกับถูกพิมพ์ออกมาจากเครื่องพิมพ์ดีดในยุคเก่า หน้ากระดาษมันเก่ามากจนเป็นสีเหลือง
“ก่อนจะมีการค้นพบพลังเหนือมนุษย์ มนุษย์เคยใช้วิธีการดื่มเลือดมอนสเตอร์เพื่อรับพลังงานต่างมิติที่มีในเลือดมอนสเตอร์เข้าไปภายในร่างกาย เป็นหนึ่งในการทดลองในช่วงแรก ๆ”
มันเป็นเพียงประโยคสั้น ๆ แต่ลุคกับปะติดปะต่อเรื่องราวได้จากข้อมูลที่มีในทันที
ถึงร่างกายจะไม่ใช่เหนือมนุษย์ แต่ถ้ากินเข้าไปยังไงก็ได้รับพลังงานต่างมิติ มันคล้ายกับวิธีการปรับสภาพร่างกายเพื่อรอการกลายเป็นเหนือมนุษย์ ทำให้มีโอกาสปลุกพลังเหนือมนุษย์ได้มากขึ้น ลุคเองก็ใช้วิธีนี้กับเจนเหมือนที่ลูกหลานตระกูลร่ำรวยทำกันเป็นเรื่องปกติ
เพียงแต่ว่าขั้นตอนนี้ของผู้มองอนาคตไม่ใช่การปรับสภาพร่างกาย แต่เป็นการให้พลังพรสวรรค์ดึงเอาพลังงานในเลือดที่กินไปตรง ๆ ซึ่งจะสร้างความเจ็บปวดต่อร่างกายในตอนที่พลังงานไหลผ่านแบบฝืนบังคับ
‘เขาโหดกับตัวเองจริง ๆ’
ลุคกล่าวในใจด้วยแววตาเคร่งขรึม แต่หลังจากคิดถึงสถานการณ์ของผู้มองอนาคตก็เข้าใจได้ เขาไม่มีทางเลือกสองสถานที่ซึ่งหายากระตุ้นปลุกพลังเหนือมนุษย์มี 2 ที่คือตลาดมืดกับสำนักงานเหนือมนุษย์ ซึ่งการที่โดนตามล่าไม่มีทางที่ชายคนนั้นจะไปทั้งสองที่แน่นอน
ทางเดียวที่จะฝืนใช้พลังพรสวรรค์คือการดื่มเลือดและดึงพลังในเลือดด้วยความป่าเถื่อนตรง ๆ
‘ดูท่าสถานการณ์ของผู้มองอนาคตจะอนาถกว่าที่ฉันคิด’
“ต้องการอะไรอีกไหม” ชายชราดึงหนังสือกลับไป ก่อนจะเอ่ยถาม
“ไม่แล้ว ขอบคุณ” ลุคส่ายหัวเบา ๆ ก่อนจะขอตัวกลับ
ตอนนี้สิ่งที่เขาทำได้คือปล่อยให้คนอื่นไปจัดการแทน
‘ต่อให้แกจะมีความสามารถมองอนาคต แต่ถ้าต้องมองผ่านบุคคลจำนวนมากยังไงก็ไม่สามารถมองได้ครบทั้งหมด ถึงตอนนั้นแกจะต้องใช้ความสามารถที่มีหันไปสนใจเรื่องตัวเองเพื่อเอาตัวรอด และโอกาสในการมายุ่งกับเจนจะน้อยลง’
ลุคหยีตามุมปากยกยิ้ม เมื่อคิดว่าผู้มองอนาคตจะต้องลำบากมากแค่ไหนเกี่ยวกับข้อมูลที่เขาขายไป
หลังจากออกจากตลาดมืดก็ไปที่หอหีบสมบัติ เขามีเงิน 200 ล้านกว่าเครดิตเข้ามาเติมกระเป๋าอย่างไม่คาดคิดจากการขายข้อมูลผู้มองอนาคต ทำให้การขาดเงินที่ลุคกำลังคิดว่าจะขายรากบัววารีก็ไม่จำเป็นต้องขายแล้ว
ลุคสามารถซื้อหินพลังงานต่างมิติได้มากเท่าที่ต้องการแล้ว
หินพลังงานเป็นวัตถุควบคุม การขายนั้นง่าย การซื้อก็ไม่ยุ่งยากสำหรับเหนือมนุษย์ แต่ถ้าเป็นปริมาณที่มากเกินไปคงยากสักเล็กน้อย โชคดีที่ลุคมีเครดิตที่ดีกับหอหีบสมบัติจากการที่ขายน้ำตาวารีในก่อนหน้านั้น จึงสามารถซื้อหินพลังงานในปริมาณมาก ๆ ได้
หินพลังงาน 1,000 ก้อนถูกซื้อขายในครั้งนี้ ราคาสูงถึงก้อนละ 15,000 เครดิต แพงกว่าตอนที่มาขายให้หอหีบสมบัติถึง 4,000 เครดิต ซึ่งนี่เป็นส่วนต่างการทำกำไรของหอหีบสมบัติในการเปลี่ยนเครดิตเป็นหินพลังงาน
เงินส่วนต่างนี้รวมภาษีที่ต้องจ่ายจากการซื้อขายไว้แล้วด้วย ทำให้ลุคสะดวกไม่ต้องมาแยกจ่าย
...
ที่บ้านภายในห้องนอนของลุค
ในห้องถูกวางหินพลังงานเรียงรายไว้มากกว่า 500 ก้อน นี่คือจำนวนที่เขาประเมินไว้คร่าว ๆ และในมุมหนึ่งของห้องยังมีอีก 500 ก่อน
หลังจากได้หินพลังงานพร้อมแล้วลุคก็หลับตาและสัมผัสถึงคลื่นพลังในร่างกาย ตอนนี้คลื่นพลังในร่างกายเขาเหลือเพียง 5 หน่วยเท่านั้น แต่ทุก ๆ หน่วยกับหนาแน่นเหมือนกับคลื่นพลังของเหนือมนุษย์ระดับ E
ร่างกายของลุคปิดผนึกไม่ให้คลื่นพลังในร่างกายออกไปได้ แต่ทันทีที่ลุคกระตุ้นแหล่งกำเนิดคลื่นพลังให้ทำงานเต็มกำลังก็ราวกับมีแรงดึงดูดมหาศาลกับพลังงานที่บางเบาในอากาศ
หินพลังงานที่วางไว้ด้านนอกราวกับได้รับการกระตุ้นคล้ายน้ำตาลที่โดนน้ำก็ปลดปล่อยพลังงานต่างมิติตลบอบอวลไปทั่วทั้งห้องนอน มันอัดแน่นจนเหมือนกับไอหมอกที่เย็นชุ่มฉ่ำ ร่างกายทุกรูขุมขนของลุคเปิดรับดูดซับพลังงานเหล่านั้นเข้ามาในร่างอย่างเต็มที่
เซลล์ในร่างกำลังตื่นเต้นที่ได้เติมเต็มพลังงานพากันดูดซับเข้าไปอย่างหิวโหย ก่อนจะส่งต่อคลื่นพลังไปยังสมองที่มีแหล่งกำเนิดคลื่นพลังเป็นจุดศูนย์กลาง
คลื่นพลังทั้ง 5 หน่วยเป็นเหมือนกับฟองน้ำที่ดูดซับเอาพลังงานต่างมิติเข้าไป ขั้นตอนนี้เหนือมนุษย์ทั่วไปมีเพียง1 คลื่นพลัง แต่ลุคกลับมี 5 หน่วย
ทั้ง 5 หนาแน่นและทรงพลังมากดูดเอาพลังงานต่างมิติเข้าไปเรื่อย ๆ จนพลังงานที่ราวกับหมอกในห้องก็แห้งเหือดอย่างรวดเร็ว
ลุคที่หลับตาเริ่มมีใบหน้าเริ่มจริงจัง คิ้วขมวดกระตุกกันไปมาเพราะยิ่งพลังงานเข้ามามากก็ยิ่งสร้างภาระต่อสมองของเขามากขึ้นเรื่อย ๆ
ลุคมีอัตราการเติบโตตามธรรมชาติที่อ่อนแอ ดังนั้นคลื่นพลังแรกเริ่มในแต่ระดับของเขาจะต่ำเตี้ยเรี่ยดินกว่าเหนือมนุษย์คนอื่น ๆ มาก
ขั้นตอนนี้จึงเป็นสิ่งที่สำคัญมากที่ลุคไม่อยากจะให้เกิดผิดพลาด เพราะยิ่งเขาดูดซับพลังงานได้มากเท่าไหร่ คลื่นพลังแรกเริ่มของเขาจะยิ่งสูง มันจะช่วยชดเชยคลื่นพลังแรกเริ่มที่น้อยของเขาได้
ถ้าเปรียบเทียบจุดคลื่นพลังทั้ง 5 หน่วยเป็นเมล็ดถั่วเหลืองในตอนนี้มันก็ขยายใหญ่เท่าไข่ไก่แล้ว ซึ่งภายในนั้นเป็นพลังงานต่างมิติ
หินพลังงานทั้ง 500 ถูกดูดพลังไปจนหมดก่อนจะแตกสลาย แต่ลุคยังคงคิดว่าแหล่งกำเนิดคลื่นพลังของเขายังคงแบกรับและควบคุมคลื่นพลังทั้ง 5 จุดได้อีก
“มาเป็นพลังงานให้ฉันซะ!”
ตูม!
หินพลังงานทั้ง 500 ก้อนที่เหลือแตกละเอียดพร้อมกับก่อนที่จุดคลื่นพลังงานทั้ง 5 จะหมุนวนราวกับหลุมดำดูดซับพวกมันเข้าไปพร้อม ๆ
ทันทีที่พลังงานไปถึงขีดจำกัดลุคก็ไม่อาจจะทนควบคุมได้อีกแล้ว พลังงานทั้ง 5 เริ่มรวมกันเป็นกลุ่มก้อนพลังงานขนาดใหญ่ ก่อนจะแตกตัวเกิดเป็นคลื่นพลังงานแรกเริ่มในระดับ E ให้กับลุค
บึม!
แรงสั่นสะเทือนจากการเพิ่มระดับของลุคระเบิดอย่างรุนแรงสั่นสะเทือนบ้านทั้งหลังราวกับมีเสียงฟ้าผ่าลงมาพร้อมกับความผันผวนพลังงานอย่างรุนแรงที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นในเหนือมนุษย์ระดับ E แม้แต่นิดเดียว
เหตุการณ์นี้สร้างความปั่นป่วนให้กับนิโคล ไอกะและบอสตันจนพวกเขาตื่นตกใจกลัว
ก่อนที่ทุกอย่างจะหายไป
“ฉันมาถึงระดับ E แล้ว” ลุคที่อยู่ในห้องแววตามั่นคงความแข็งแกร่งร่างกายเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว โดยเฉพาะอวัยวะภายใน และคลื่นพลังงานที่ปลดปล่อยออกมาไม่เหมือนกับเหนือมนุษย์ระดับ E แรกเริ่มแม้แต่น้อย