ตอนที่ 32 ระดับราชันย์แห่งจิตวิญญาณขั้นที่ 9
"อะไรวะเนี่ย! ระดับราชันย์แห่งจิตวิญญาณขั้นที่ 9 เลยงั้นเหรอ นี่พระเจ้ากำลังเข้าข้างฉันอยู่สินะ! และนอกจากเธอจะเป็นผู้พิทักษ์ของฉันแล้วค่าความภักดีของเธอก็เต็ม 100 อีกด้วย ระบบนี่มันสุดยอดจริงๆ"
“นายท่าน มีอะไรงั้นหรือทำไมหน้าของท่านถึงได้เปลี่ยนไปเหมือนหมูยิ้มแบบนั้น?”
ไป๋ซู่เจินซึ่งนั่งอยู่ข้างๆซู่เฮาเที่ยนยิ้มออกมาเล็กน้อยเมื่อเธอเห็นปากของซู่เฮาเที่ยนกำลังมีน้ำลายไหลออกมาขณะที่เขากำลังยิ้มแปลกๆอยู่ เมื่อรู้จักนิสัยของเขา ไป่ซู่เจินรู้ว่าในใจของเขาไม่มีอะไรดี
“ปะ เปล่านะ เปล่าข้าไม่ได้คิดนอกใจเจ้า เอ้ย ข้าไม่ได้คิดถึงผู้หญิงคนไหนเลยนอกจากเจ้าต่างหาก!”
“โอ๊ยย! เอว..เอวข้า จู่ๆทำไมข้าถึงได้ปวดเอวกันนะ!”
ซู่เฮาเที่ยนค่อยๆเอามือของเขานวดไปที่เอวของเขาด้วยสีหน้าที่แกล้งทำเป็นเจ็บปวด ถ้าหากไป๋ซู่เจินรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ล่ะก็เขาจะต้องโดนเธองอนอย่างแน่นอน
ข่าวของซู่เฮาเที่ยน, ซู่ขลุ่ย และอีกสี่คนที่จะเข้าร่วมในสุดยอดการประลองซวนหลงนั้นแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว ผู้คนในเขตหยูโจวที่ได้ยินข่าวนี้ต่างก็เดินทางมาหาพวกเขา บางคนก็มาเพื่ออวยพร บางคนก็มาเพื่อดูใบหน้าของผู้ที่ถูกส่งไป และบางคนก็มาเพื่อดูแคลน แต่ส่วนใหญ่คนที่มานั้นมาเพื่ออยากจจะเห็นหน้าผู้ที่ถูกส่งไปมากกว่า
เมื่อถึงเวลาใกล้ค่ำท้องฟ้าก็มืดครึ้มซึ่งไม่เหมาะที่จะเดินทางต่อไปบนถนนที่ถูกโอบล้อมไปด้วยภูเขาเหล่านี้ ซู่เฉิงเฟิงจึงตัดสินใจหยุดการเดินทางและตั้งแคมป์เพื่อพักผ่อน
และเนื่องจากการอยู่ในรถเป็นเวลานานนั้นมันน่าเบื่อมาก รวมถึงนางฟ้าจื่อเสียเองก็ยังไม่ปรากฏตัวออกมา ซู่เฮาเที่ยนตัดสินใจฝึกฝนการใช้หอกของเขาต่อ
เขาเดินไปหาที่โล่งกว้างบริเวณนั้นและนำหอกสิ้นสูญออกมาก่อนที่จะเริ่มการฝึกฝนอย่างแข็งขัน
แต่ด้วยการเคลื่อนไหวและกระบวนท่าของซู่เฮาเที่ยนในการใช้หอกนั้น ทำให้ ซู่ขลุ่ย ซู่หนิงซื่อและคนอื่นๆรู้สึกทึ่งไปเล็กน้อยเมื่อได้เห็น
“ไม่อยากจะเชื่อเลย ถ้าจำไม่ผิดหอกนั่นมันหนักสุดๆไปเลยไม่ใช่หรือ!”
ซู่ขลุ่ยอ้าปากค้างและพูดไม่ออกเมื่อได้ยินเสียงเสียดสีของอากาศในทิศทางที่หอกของซู่เฮาเที่ยนทิ่มแทงไป
ซู่เซาดงเองก็มองไปที่ภาพตรงหน้าด้วยความเย็นชาของเขา
ซู่เฉิงเฟิงนั้นรู้สึกประหลาดใจเช่นกันแต่รู้สึกดีอยู่ในใจมากกว่า
"เฮอะ แม้ว่าจะขยันฝึกฝนมากแต่มาฝึกเอาตอนนี้มันจะได้ประโยชน์อะไร!"
จู่ๆเสียงที่เต็มไปด้วยความดูถูกและดูหมิ่นนั้นได้ดังขึ้นอยู่ในหูของทุกคน
"ผู้พิทักษ์ทุกคน เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการต่อสู้!"
ผู้นำของหน่วยเสือดาวนั้นคือผู้อาวุโสชื่อซู่เฉิงหลงผู้ใช้พลังจิตวิญญาณปฐพีขั้นที่ 9
แม้ว่าซู่เฉิงหลงจะประหลาดใจกับการปรากฏตัวของพวกขาอย่างกะทันหัน แต่เขาก็ยังคงนิ่งสงบและออกคำสั่งให้เตรียมการป้องกันในทันที
"พวกเจ้าเป็นใครกัน? พวกข้าคือหนึ่งในคนของตระกูลซู่ที่กำลังไปเข้าร่วมสุดยอดการประลองซวนหลง"
ซู่เฉิงเฟิงจ้องมองไปที่ชายชุดดำสี่คนที่ปรากฏตัวขึ้นหน้าจุดที่พวกเขาพักอยู่ด้วยสีหน้าเที่คร่งขรึมและพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ ผู้ที่พลังต่ำที่สุดนั้นอยู่ในระดับผู้เปลี่ยนแปลงพลังจิตวิญญาณขั้นที่สามและสี่ นอกจากนี้ยังมีอีกสองคนที่อยู่ในระดับผู้ใช้พลังจิตวิญญาณสวรรค์ ซึ่งมันทำให้เขารู้สึกแปลกใจอย่างมาก ในขณะเดียวกันเขาก็มองไปที่ไป๋ซู่เจินซึ่งกำลังพูดคุยกับซู่เฮาเที่ยนอย่างไร้ความกังวล
"ดูเหมือนว่าพลังของพวกข้าจะเหนือกว่าพวกเจ้าสินะ"
….
“นายท่าน ข้าสัมผัสได้ว่ามีคนที่อยู่ในระดับผู้ใช้พลังจิตวิญญาณสวรรค์อยู่ใกล้ๆท่าน”
ที่ด้านนอกรถม้านั้น ไป๋ซู่เจินพูดกับซู่เฮาเที่ยนซึ่งยังคงฝึกฝนการใช้หอกของเขาอย่างตั้งใจ
"คนๆนั้นแข็งแกร่งกว่าเจ้างั้นหรือ?"
ซู่เฮาเที่ยนหยุดการฝึกใช้หอกของเขาและยืนขึ้นก่อนจะจ้องมองไปที่ชายชุดดำที่อยู่ไกลๆแล้วถามเธออย่างใจเย็น
"แค่ระดับผู้ใช้พลังจิตวิญญาณสวรรค์ขั้นที่ 4 เท่านั้น ข้าสามารถฆ่าเขาได้ภายในไม่กี่วินาทีด้วยซ้ำ"
หลังจากที่อยู่กับซู่เฮาเที่ยนเป็นเวลานาน เธอก็ได้เรียนรู้คำพูดแปลกๆของเขามาประมาณหนึ่ง
“แค่ขั้นที่ 4 งั้นรึ? ถ้าอย่างนั้นก็ไปจัดการให้มันจบๆเลยเถอะ”
เมื่อพวกเขาได้ยินคำพูดของซู่เฮาเที่ยน ทุกคนที่ได้ยินต่างก็ตกตะลึงอย่างมาก
"เจ้ากล้าที่จะพูดกับพี่เฮาเที่ยนแบบนี้ได้อย่างไรกัน?"
ทันใดนั้นเสียงของผู้หญิงก็ดังขึ้นซึ่งทำให้ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นรวมทั้งชายชุดดำต่างตกตะลึง
"เฮ้ย! นี่มัน..."
ตู้มมม!
ท่ามกลางประกายไฟและเศษหินนั้น ก่อนที่ทุกคนจะทันได้ตอบสนอง พวกเขาเห็นลำแสงสีม่วงสว่างวาบขึ้นพร้อมกับวัตถุที่ตกลงมาจากท้องฟ้า
ทุกคนต่างจ้องมองไปด้วยความสงสัยรวมถึงผู้อาวุโสและชายชุดดำด้วยเช่นกัน
“อะไรกัน? ผู้ใช้พลังจิตวิญญาณสวรรค์ตายแล้วงั้นรึ เป็นไปได้ยังไงกัน?” ซู่เฉิงเฟิงและซู่เฉิงหลงที่เป็นผู้ใช้พลังจิตวิญญาณปฐพีหันไปมองหน้ากันเท่านั้นและรู้สึกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นมันแปลกมาก
“ท่านพี่เฮาเที่ยน ข้าคือจือเสีย!”
ทันทีที่หญิงสาวในชุดสีม่วงลอยลงมาจากอากาศ เธอก็พุ่งเข้าสู่อ้อมแขนของซู่เฮาเที่ยนด้วยความตื่นเต้นทันที
ไป๋ซู่เจินรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยในตอนแรก แต่ในพริบตาเขาก็มองไปที่ซู่เฮาเที่ยนด้วยรอยยิ้ม