ตอนที่แล้วบทที่ 80: ธนาคารผี!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 82: ถูกหลอก!

บทที่ 81: เก็บกวาดศพ


สนามรบในหุบเขาถูกเคลียร์ในเบื้องต้นแล้ว  ผลสรุปคือมีลูกปัดสมองเลเวล 1 อยู่ 1,830 เม็ด  ลูกปัดสมองเลเวล 2 อยู่ 300 เม็ด  ลูกปัดสมองเลเวล 3 อีก 21 เม็ด

แล้วก็ลูกปัดสมองเลเวล 4 อีก 1 เม็ดด้วย  ส่วนเม็ดจากมอนสเตอร์คอยาวโดนเดธไลท์ขนาดไมโครเป่าจนสลายไปพร้อมกับหัวของมันแล้ว

ในการต่อสู้ครั้งนี้มีมอนสเตอร์ถูกสังหารเกือบ 2,000 ตัว  และมีซากศพเกลื่อนหุบเขา

ต้องบอกว่าเป็นเรื่องมหัศจรรย์จริง ๆ ที่มอนสเตอร์จำนวนมากถูกกำจัดในคราวเดียว  แต่กลับไม่มีชาวเมืองคนใดเสียชีวิต!

ชาวเมืองต่างภาคภูมิใจกันมาก  แต่พวกเขาก็ไม่ได้เหลิงเพราะรู้ว่าหาเหตุหลักที่ทำให้ชนะคือเจ้าเมืองผู้ยิ่งใหญ่ของพวกตน  มันทำให้พวกเขารู้สึกขอบคุณจากก้นบึ้งของหัวใจ

กลับมาที่สนามรบกันต่อ  แม้ว่ามอนสเตอร์จะล่าถอยไปแล้วก็ตาม  แต่ก็ยังมีปัญหามากมายที่พวกมันทิ้งไว้

นั่นคือมันมีซากของมอนสเตอร์เยอะเกินไปทำให้ชาวเมืองเชิ่งหลงไม่มีทางเก็บกวาดได้หมดในเวลาอันสั้น  และหากปล่อยทิ้วไว้มันก็จะเน่าเสียและกลายเป็นแห่งเพาะพันธุ์โรคระบาด  นี่คือปัญหาใหญ่ที่ต้องรีบแก่ก่อนเลย

ที่สำคัญคือกลิ่นเลือดที่เหม็นมาก ๆ นี่มันอาจดึงดูดให้ตัวตนที่น่าสะพรึงกลัวอย่างพวกไซคลอปส์เข้ามาหาได้  ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นล่ะก็เมืองเชิ่งหลงอาจต้องเผชิญกับการทำลายล้างครั้งใหญ่

ชาวเมืองต่างเป็นกังวลเรื่องนี้  และพอรายงานให้ถังเจิ้นรู้ก็ทำเอาเขากังวลไปด้วย

ซากมอนสเตอร์ที่มีเยอะเกินไปและไม่อาจเก็บไว้ได้นานนี่ต้องกำจัดทิ้งโดยเร็วที่สุด  จะมีวิธีไหนบ้างจากทั้งสองโลกที่ทำให้สามารถกำจักซากมอนสเตอร์โดยไม่ปล่อยให้มันเน่าเสีย?

ถังเจิ้นเกาหัวแกรก ๆ พลางครุ่นคิดอย่างหนัก  และทันใดนั้นเองก็ปิ๊งไอเดียหนึ่งซึ่งทำให้รู้สึกปานพบเจอแสงเทียนนำทางยามมืดมิดและยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าเป็นไปได้

จะเกรงก็แต่ว่าถ้าจะใช้วิธีนี้คงต้องกลืนกินลูกปัดสมองกองโตอีกซักรอบ

แต่ก็ช่างหัวมันไปก่อน  ยังไงลูกปัดสมองที่ว่ามาก็ได้ฟรีทั้งนั้น  ใช้หมดก็แค่หาใหม่!  ว่าแล้วก็ไม่รอช้าสั่งให้สมาร์ตโฟนกลายพันธุ์ดูดกลืนลูกปัดสมองซะ

จำนวนลูกปัดสมองในช่องเก็บของก็ลดฮวบเอา ๆ เหรียญทองในแอปสโตร์ก็เพิ่มขึ้นถึง 1 ล้านอีกรอบ  และในช่องเก็บของตอนนี้เหลือลูกปัดสมองแค่กล่องเดียวแล้ว

ถังเจิ้นใช้หนึ่งล้านเหรียญทองเพื่ออัปเกรดพื้นที่ช่องเก็บของระดับ 2

[พื้นที่เก็บข้อมูลระดับ 2 ขนาด 20 ลูกบาศก์เมตร  รูปร่างของพื้นที่ภายในสามารถปรับเปลี่ยนได้  ค่าดาวน์โหลด 1,000,000 เหรียญทอง]

เมื่อรู้สึกถึงพื้นที่จัดเก็บที่ขยายใหญ่ขึ้นอีกครั้งถังเจิ้นรู้สึกว่าเหรียญทอง 1 ล้านเหรียญถูกใช้ไปอย่างคุ้มค่า  ช่องเก็บของนี่สามารถช่วยเขาแก้ปัญหาการจัดการซากศพมอนสเตอร์ตรงหน้าได้

เขาเรียกเฉียนหลงกับพวกไทสันให้เอาชาวเมืองเกือบ 200 คนมาที่ภูเขาซากศพมอนสเตอร์

เนื่องจากมีเลือดปริมาณมากไหลออกมาจากซากศพทำให้บ้างก็เจิ่งนองเป็นแอ่ง  บ้างก็ซึมลงดินจนดินกลายเป็นโคลนสีแดง ๆ ถังเจิ้นเดินเหยียบไปตามพื้นโคลนแล้วสั่งฝูงชนว่า “เลาะเนื้อกับกระดูกออกให้หมดแล้วเอามากองตรงนิ  พยายามเอาตัวที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่จะทำได้  ส่วนที่เหลือทิ้ง ๆ ไปซะ!”

หลังจากได้ยินคำสั่งพวกชาวเมืองก็เริ่มดำเนินการในทันที  เนื่องจากไม่ได้ล็อคสเปคว่าต้องเอาเนื้อกับกระดูกส่วนไหนทำให้ทุกคนเหวี่ยงดาบสับใส่ซากมอนสเตอร์จนเลือดกระเซ็น

กลิ่นคาวเลือดเหม็นชวนอ้วกตลบอบอวลไปยันท้องฟ้า

เนื้อกับกระดูกถูกเลาะออกมากองสุมกันมากขึ้นเรื่อย ๆ จนเริ่มกลายเป็นเนินเขา  พอเห็นว่าจำนวนถึงแล้วถังเจิ้นก็สั่งให้หยุดเลาะเนื้อเถือกระดูกทรมานซากศพกันได้แล้ว

สั่งให้ทุกคนกลับไปที่โหลวเฉิงส่วนตัวเองก็เทเลพอร์ตกลับบ้าน  เอารถออฟโรดของตนเข้าช่องเก็บของและพามันไปต่างโลก

ตึ่ง~!

รถปรากฏขึ้นพร้อมกับเสียงลงพื้นเบา ๆ ตรงหน้าถังเจิ้น  ซึ่งนี่อาจเป็นรถคันแรกที่เปิดตัวในต่างโลก  และหลังจากนี้มันจะคำรามพร้อมกลับปล่อยไอเสียใส่อากาศของโลกนี้

ถังเจิ้นหันไปดูซากมอนสเตอร์ที่กระจัดกระจายกันอยู่ก่อนจะโบกมือเก็บพวกมันใส่ชองเก็บของจนเต็ม

เขาเก็บมาได้แค่บางส่วนเท่านั้นเพราะพวกมันมีเยอะเกินไปและพื้นที่ในช่องเก็บของก็มีจำกัด  ทำให้ไม่มีทางใส่ทั้งหมดได้ในทีเดียว

สตาร์ทรถแล้วก็เยียบคันเร่งจนสุดออกจากหุบเขาห่างไป 10 กิโลเมตรก่อนจะปล่อยซากมอนสเตอร์ในช่องเก็บของทิ้งออกมา

หากทิ้งที่นี่จะไม่ส่งผลกระทบต่อหุบเขา

จากนั้นถังเจิ้นก็ขับรถกลับไปที่หุบเขาและทำซ้ำ  กลังจากที่วิ่งไปวิ่งกลับไม่รู้กี่รอบสุดท้ายก็จัดการเก็บกวาดทั้งหุบเขาได้จนหมด

หลังจากที่พักหายใจอยู่พักหนึ่งเขาก็เอาเนื้อกับกระดูกที่ให้คนเลาะออกมาใส่ในช่องเก็บของ  ซึ่งของพวกนี้จะไม่เอาไปโยนทิ้งเพราะมันเป็นของที่มีประโยชน์อย่างมาก!

ชาวเมืองเชิ่งหลงต่างตกตะลึงพรึงเพริด  เพราะเห็นแค่ถังเจิ้นโบกมือซากศพของมอนสเตอร์ตัวใหญ่ ๆ ก็หายไป  จากนั้นท่านเจ้าเมืองก็เข้าไปในบ้านหลังน้อยที่มี 4 ล้อวิ่งได้เหมือนจะวิ่งออกจากหุบเขา

ชาวเมืองต่างพูดคุยกันอย่างสงสัยใคร่รู้ว่าท่านเจ้าเมืองกำจัดศพมอนสเตอร์ตั้งเยอะแยะแบบนั้นได้ยังไง  แล้วไอ้บ้านหลังน้อย 4 ล้อนั่นทำไมมันถึงได้วิ่งเร็วปานนั้น

พอถังเจิ้นกลับมาถึงโหลวเฉิงก็พบว่าชาวเมืองทุกคนต่างมองเขาด้วยสายตาเทิดทูนปานได้เข้าเฝ้าพระผู้เป็นเจ้า  แววตาอันสดใสปิ๊ง ๆ พวกนั้นทำเอาเขาขนลุกและอยากจะวิ่งหนี

บริเวณลานหน้าโหลวเฉิงยังมีกองเลือด  กองเศษเส้นขน  และกองเกล็ด  ของเหล่านี้เองก็มาจากซากศพของมอนสเตอร์ด้วย

เมื่อเทียบกับเลือดเนื้อที่ไร้ประโยชน์แล้วสิ่งเหล่านี้เหมือนจะค่ามากกว่า  มันคงเป็นนิสัยเดิมจากสมัยที่เป็นผู้พเนจร  ตอนที่เก็บกวาดซากศพมอนสเตอร์ก็เลยจัดการถลกออกมาอย่างบรรจง

หลังจากที่ถังเจิ้นเห็นแล้วก็บอกให้ไทสันขนมันออกไปอย่าให้มันกลายเป็นผลภาวะทางสายตาจนกระทบกับความอยากอาหาร  ส่วนจะเอาไปทำอะไรก็ไปคิดเอาเอง

พวกผู้หญิงต่างก็กำลังเตรียมอาหารอยู่  เป็นอาหารสำหรับคนกว่า 400 คน  ซึ่งเป็นปริมาณมหาศาลพอที่พวกเธอจะยุ่งจนไปทำอย่างอื่นไม่ได้ไปครึ่งวัน  บางคนก็ซาวข้าว  บางคนก็ล้างผักป่า  หม้อเหล็กขนาดใหญ่วางบนเตาที่ทำขึ้นหยาบ ๆ ข้างใต้เป็นฟืน  น้ำในหม้อกำลังเดือดปุด ๆ

ชายร่างกำยำกลุ่มหนึ่งเดินถือขาหลังหนา ๆ ของมอนสเตอร์มาสองสามตัว  มันคือมอนสเตอร์ที่กินได้ที่เลือกเฟ้นมาจากซากมอนสเตอร์ทั้งหมด  พอตัดเอาหัวกับเครื่องในทิ้งไปแล้วไอ้ที่เหลือเนื้อมากพอจะเอามากินได้ก็มีแค่ขาหลังนี่แหละ

ถังเจิ้นมองขาหลังที่ยังเลอะเลือดพวกนั้นแล้วก็นึกไปถึงเรื่องที่ว่ามันเป็นขาของมอนสเตอร์ที่เคยกินคนเป็นอาหารมาก่อน  แล้วมันก็ถูกคนเอามาทำเป็นอาหาร... ‘โอย~  แม่งเอ๊ย...’

แต่พอเห็นชาวเมืองคุยกันอย่างมีความสุขพร้อมกับเนื้อพวกนั้นแล้ว...  ถังเจิ้นจะไปรบกวนตอนนี้มันก็ไม่ดีล่ะนะ  ดังนั้นเขาเลยได้แต่แอบคิดในใจว่าซักวันจะหาหมูตัวอ้วน ๆ ใหญ่ ๆ มาให้คนพวกนี้ลองกินดูซักหน่อยแล้ว

ส่วนมื้อเย็นวันนี้ถังเจิ้นไม่เหลือความอยากอาหารเลยจริง ๆ!

เมื่อกลับมาที่ห้องเขาก็เอาม้วนกระดาษหนังที่ขโมยมาจากห้องเก็บสมบัติเมืองเฮยเหยี่ยนออกมาศึกษาอย่างจริงจัง  ขณะที่กำลังขมวดคิ้วนิ่วหน้าคิดถึงปัญหาอยู่นั่นเองจู่ ๆ มู่หรงจื่อเหยียนก็เดินเข้ามาแล้วเอาถ้วยวางลงตรงหน้าเขา

“กาแฟเหรอ  ไปเอามาจากไหนอะ”

ถังเจิ้นกลับมามีสติและถามถึงเจ้าสิ่งที่ส่งกลิ่นหอมอันคุ้นเคยนี้

“ไปเจอตอนทำความสะอาดห้อง  พอเช็กดูแล้วว่ายังไม่เสื่อมสภาพก็เลยเอามาให้น่ะค่ะ”

มู่หรงจื่อเหยียนพูดเบา ๆ และนั่งลงบนเก้าอี้ข้าง ๆ ถังเจิ้น

หลังจากกล่าว ‘ขอบคุณ’ ถังเจิ้นก็ยกถ้วยขึ้นมาจิบ  อร่อยดี

หลังจากวางถ้วยลงถังเจิ้นก็ชำเลืองมองมู่หรงจื่อเหยียน  หลังจากมองเธอได้ซักพักเขาก็พูดว่า “ตอนนี้โหลวเฉิงก็สร้างแล้ว  มีอีกหลายเรื่องที่ต้องทำ  อยากให้เธอไปช่วยพวกเฉียนหลงกับไทสันหน่อยน่ะ  เพราะเธอคือคนที่มีประสบการณ์ด้านนี้มากที่สุด”

มู่หรงจื่อเหยียนพยักหน้า  จากนั้นยืนขึ้น  เดินไปข้างหลังถังเจิ้น  และนวดไหล่ให้เขา

เธอบีบนวดได้ไม่กี่ครั้งถังเจิ้นก็จับมือเธอให้หยุดแล้วบอกเธอด้วยรอยยิ้มว่า “เธอเองก็เหนื่อยมากแล้วกลับไปพักผ่อนเถอะ  ตอนเย็นให้เรียกเฉียนหลงกับไทสันมาประชุมกันให้ด้วย”

มู่หรงจื่อเหยียนพยักหน้าเบา ๆ แล้วหยิบถ้วยกาแฟเดินจากไป

ถังเจิ้นค่อย ๆ ยืนขึ้นแล้วเดินไปที่ระเบียงมองไปยังชาวเมืองที่ยังคงวุ่นวายอยู่ข้างล่างและรับรู้ถึงความรู้สึกหนักอึ้งที่กดทับอยู่บนไหล่  ความรู้สึกถึงความรับผิดชอบที่เขาตัดสินใจแบกรับเอาไว้

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด