ตอนที่แล้วตอนที่ 62 ดื่มเลือดหลบหนี(อ่านฟรี)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 64 ระดับ E(อ่านฟรี)

ตอนที่ 63 จดหมายขู่ฆ่าและการเผชิญหน้ากับผู้มองอนาคต(อ่านฟรี)


ตอนที่ 63 จดหมายขู่ฆ่าและการเผชิญหน้ากับผู้มองอนาคต

หอกหนาม ดาบตะขาบและชุดเกราะหมาป่า ไอเทมทั้งสามชิ้นเป็นไอเทมเกรดสีส้มที่เขามีอยู่ ถึงจะเสียดาย แต่เขาก็ตัดสินใจดึงเอาพลังของมันกลั่นออกมาเป็นคลื่นพลังของตัวเอง

กระบวนการนี้เริ่มตลอดทั้งคืนจนเกือบจะถึงเวลาเช้า ในที่สุดลุคก็กลั่นพลังงานให้กลายเป็นคลื่นพลังของตัวเองเพิ่มอีก 3 หน่วย รวมแล้วเขามีคลื่นพลังที่กลั่นแล้วถึง 5 หน่วย

แต่หลังจากนั้นลุคก็พึ่งค้นพบหนึ่งปัญหา หนึ่งหน่วยคลื่นพลังงานในร่างกายตอนเลื่อนระดับต้องใช้หินพลังงาน 24 ก้อน แต่ตอนนี้มันเพิ่มอย่างน้อย 5 เท่า ซึ่งเขาต้องเพิ่มหินพลังงานไปอีกอย่างน้อย 120 ก้อนและลุคก็สังหรณ์ใจว่าแค่นั้นอาจจะไม่พอด้วย

“เรายังมีไม่พอ” ลุคมองดูหินพลังงานรอบตัว ก่อนจะตัดสินใจไม่ข้ามระดับในตอนนี้ เขาต้องการหินพลังงานมากกว่านี้

บึม!

ในตอนนั้นเองลุคที่ก้าวขาไประดับ E ข้างหนึ่งแล้วสัมผัสได้ถึงแรงดึงดูดของพลังงานต่างมิติรอบตัว ไหลไปยังทิศทางประตู ต้นต่อมาจากชั้นล่างที่ห้องนั่งเล่น

เขารีบออกจากห้องเดินลงไปที่ห้องนั่งเล่นก็พบว่าเป็นนิโคล

นิโคลสูดลมหายใจและผ่อนออกมา ไอพลังงานต่างมิติเคลื่อนไหวตามเธอย่างชัดเจน ความสามารถในการดูดซับพลังงานต่างมิติที่แข็งแกร่งกว่าระดับ F แสดงให้เห็นว่าเธอที่ข้ามผ่านเป็นเหนือมนุษย์ระดับ E แล้ว

“เธอทำสำเร็จแล้ว” ลุคเดินลงมาและกล่าวชม

“ต้องขอบคุณวิธีของนายไม่อย่างนั้นฉันคงติดอยู่ระดับนี้อีกหลายปี” นิโคลกล่าวขอบคุณลุคอย่างจริงใจ แต่แล้วเธอก็สัมผัสได้ถึงระดับของลุคที่มันแปลกมาก

“พลังของนายเหมือนจะหยุดพลังไว้ ทำไมนายไม่ข้ามเป็นระดับ E”

“ฉันยังขาดหินพลังงานอยู่”

“นายไม่ได้ซื้อหินพลังงานไว้ใช้ข้ามระดับเหรอ ฉันยังพอมีเหลืออยู่ นายเอาไปใช้ก็ได้”

นิโคลมองทำหน้าไม่เข้าใจ เธอเดินไปหยิบหินพลังงานในกระเป๋าที่วางอยู่บนโซฟา ซึ่งมีอยู่ราว ๆ 20 กว่าก้อน

“ไม่หรอก มันไม่พอ เอาไว้เดี๋ยวฉันจะออกไปซื้อเอง แล้วบอสตันกับไอกะเป็นยังไงบ้าง?” ลุคกล่าวปฏิเสธน้ำใจอย่างมีเหตุผลและสอบถามถึงการพัฒนาของอีกสองคน

“ตอนฉันออกมาก็เกือบเช้าแล้วพวกเขาน่าจะยังอยู่ในอ่าง ไว้ออกมาแล้วฉันจะถามให้”

ลุคพยักหน้าเข้าใจ เขาออกจากบ้านไปที่หอหีบสมบัติเพื่อซื้อหินพลังงานเพิ่ม จำนวนที่ลุคซื้อมานั้นมากถึง 200 ชิ้น

“หวังว่าจะเพียงพอ”

ลุคมองดูกระเป๋าที่ตัวเองถือด้านในมีหินพลังงานวัตถุที่มีค่าของโลกต่างมิติ ซึ่งถูกวางไว้บนตักของเขา หลังจากได้หินพลังงานมาเขาไม่ได้กลับไปในทันที แต่เลือกจะไปเยี่ยมเจนที่นอนอยู่ที่โรงพยาบาล

ต่อรถอีกสองสามรอบและใช้เวลานั่งรถอยู่พักใหญ่ก็มาถึงโรงพยาบาลประจำเขต 5 เขาไม่ได้ย้ายโรงพยาบาลไปโรงพยาบาลอื่น เพราะเจนนั้นยังต้องใช้เวลาในการพักฟื้นจากการผ่าตัด ถ้าเคลื่อนย้ายเธอตอนนี้อาจจะมีปัญหาได้

แถมเขาก็ไว้ใจหมอที่ดูแลเครสของเจน เพราะเป็นหมอที่ดูแลมาตั้งแต่ต้น

ลุคถือกระเป๋าและแวะไปซื้อดอกไม้มาช่อหนึ่ง หวังไว้วางไว้ให้เจน ถึงจะไม่สามารถเอาไปวางในห้องปลอดเชื่อได้ก็ตาม

ร้านขายดอกไม้อยู่ฝั่งตรงข้ามถนนกับโรงพยาบาล ซึ่งถือว่าเป็นทำเลทองเลยทีเดียว นอกจากจะอยู่ใกล้โรงพยาบาลแล้วยังมีผู้คนพลุกพล่านพื้นที่อื่นในเขต 5

“ขอบคุณครับ”

เขายืนมือไปรับดอกไม้มา เดินรอตรงทางม้าลายเพื่อข้ามถนน ตอนนั้นสายตาลุคก็กวาดผ่านผู้คน แต่แล้วเขาก็ต้องสะดุดกับบุคคลหนึ่งที่แต่งกายด้วยชุดสกปรกและผมเผ้ารุงรัง

ใบหน้าเขาแข็งค้างก่อนจะรีบวิ่งข้ามถนนไปในทันทีสร้างความแตกตื่นให้กับผู้คนที่ขับรถไปมาอยู่ไม่น้อย แต่พอไปถึงลุคก็ไม่เห็นชายคนนั้นอีก

“คิดไปเอง!?”

ลุคมองหาแต่ไม่เจอ คนที่เขาเห็นเหมือนกับชายเสียสติ แต่เท่าที่เขารู้ชายเสียสติคนนั้นถูกจังอยุ่ที่ร้านอสูรกายไม่น่าจะโผล่มาที่นี่ได้

“คุณครับ”

มีเสียงเรียกมาจากทางด้านหลัง ลุคหันขวับกลับไปด้วยแววตาระมัดระวังพร้อมกับปลดปล่อยคลื่นพลังออกมา แต่เขาพบว่าไม่ใช่ชายเสียสติ แต่เป็นตำรวจจราจร

ตำรวจจราจรมีใบหน้าหวาดกลัวราวกับว่าเขากำลังเจอกับมอนสเตอร์สุดอันตราย แต่ด้วยหน้าที่ มือจึงจับกระบองไฟข้างเอวอย่างหนักแน่น

“ขอโทษทีครับ คุณตำรวจมีอะไรหรือเปล่า” ลุคเก็บคลื่นพลังของตัวเองไป

“คุณข้ามถนนมาทำไม เรื่องนี้ผิดกฎจราจรและอาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุได้” ตำรวจจราจรถามเสียงสั่น

“ขอโทษทีครับ พอดีผมเป็นฮันเตอร์และเห็นอาชญากรเหนือมนุษย์ที่มีในประกาศเลยรีบข้ามถนนมาโดยไม่ได้ดูสัญญาณไฟจราจร” ลุครีบหาข้ออ้าง ที่จริงเรื่องเกี่ยวกับพวกตลาดมืดนั้นอันตรายยิ่งกว่าอาชญากรทั่วไปซะอีก

“อาชญากรเหนือมนุษย์!” ตำรวจจราจรเข้าใจว่าคนแบบนั้นอันตรายมากแค่ไหน จึงรีบหันมองรอบ ๆ อย่างหวาดระแวงในทันที

“เขาหายไปแล้ว แต่คุณควรส่งตำรวจมาตรวจดูแถวนี้อีกสักรอบ ดูคนที่มีท่าทางพิรุธไว้ก็ดี” ลุคแนะนำ ก่อนจะขอตัวเดินเข้ามาในโรงพยาบาล

เขาแวะไปหาหมอเจ้าของเครสของเจน ก่อนจะแวะเอาดอกไม้ไปเยี่ยมเจนในตอนนี้หมอย้ายเจนไปที่ห้องพักฟื้นหลังผ่าตัดที่เป็นห้องเดี่ยวแล้ว ลุคจึงสามารถเข้าไปเยี่ยมน้องสาวได้แล้ว เขาวางดอกไม้ไว้ในแจกันที่ว่างเปล่าภายในห้อง ก่อนจะเดินไปนั่งข้างเตียงและจับมือมองดูเจนด้วยแววตาเศร้า ๆ

“เจนได้ยินพี่ไหม...”

ลุคใช้เวลาเล่าเรื่องที่ผ่านมาให้กับเจนได้ฟังและพูดกับเธออยู่พักใหญ่

หลังกล่าวลาน้องสาว เขาก็เดินออกจากห้องไปตามทางเดิน ก่อนจะผ่านเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ แต่แล้วพยาบาลประชาสัมพันธ์ที่จำเขาได้ว่าเป็นใครก็เรียกเขาในทันที

“ขอโทษนะคะ คุณลุคใช่หรือไม่ค่ะ”

ลุคประหลาดใจ เดินเข้าไปหาและพยักหน้ารับ “ใช่ครับ มีอะไรหรือเปล่า”

“พอดีว่ามีคนฝากข้อความมาถึงคุณนะคะ” พยาบาลหญิงยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งที่พับมาแบบเบี้ยว ๆ และมีรอยเลือดติดอยู่ตามมุมเล็กน้อย คนทั่วไปยากจะแยกออกว่านั้นคือเลือด แต่ลุคเห็นฮันเตอร์คุ้นเคยกับเลือดมอนสเตอร์จึงรู้ได้ทันที

‘เลือดมอนสเตอร์ เหมือนจะไม่ตั้งใจแต่ติดมาตอนพับกระดาษ’ ลุคมองดูจดหมายด้วยความสงสัย ก่อนจะเปิดอ่านเนื้อหาด้านใน

“นายต้องฆ่าเธอ”

ในจดหมายมีข้อความเดียว แต่มือของลุคกลับสั่นในทันที ก่อนจะวิ่งกลับไปที่ห้องของเจนด้วยความรีบร้อน ทำให้พยาบาลก็ยังตกใจ ลุกขึ้นยืนชะโงกหน้าดูลุคที่หายไปจากทางเดินด้วยความสงสัยว่า เกิดอะไรขึ้น!

เขามาถึงห้องพักก็พบว่าเจนยังปลอดภัยดีและไม่มีใครอยู่แถวนี้ แต่ก็ไม่ประมาทลุคเข้าไปค้นทั่วทั้งห้อง ก่อนที่สักพักหมอผู้ดูแลเจนจะเดินเข้ามาพร้อมกับพยาบาลที่ไปแจ้ง

“คุณลุคเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าทำไมถึงเข้ามาค้นห้อง คุณกำลังทำให้คนอื่น ๆ ตกใจ”

“หมอมีคนขู่จะฆ่าน้องสาวผม” ลุคส่งจดหมายให้กับหมอ ก่อนจะเล่าว่า “ก่อนหน้านั้นผมจับกุมสองอาชญากรได้ บางที่พรรคพวกของคนเหล่านั้นอาจจะต้องการแก้แค้น หมอช่วยขอตำรวจสักสองนายมาเฝ้าห้องน้องสาวผมก่อนได้ไหมแล้วผมจะไปแจ้งความอีกที”

“ได้ ผมจะรีบจัดการให้” หมอกล่าวรับปากและส่งให้พยาบาลไปจัดการเรื่องนี้

ที่ลุคทำแบบนี้ เพื่อกดดันและหาคนมาช่วยเฝ้าระวังเจนไม่ให้ชายเสียสติมาทำอันตรายเธอได้ ก่อนที่เขาจะเริ่มคิดว่ามันเกิดอะไรขึ้น

“ชายเสียสตินั้นคือสินค้าของร้านอสูรกาย พวกนั้นไม่น่าจะปล่อยเขาออกมา หรือว่าเอาไปส่งเจ้าของแล้วเจ้าของส่งมาตามล่า ไม่ก็ชายเสียสติคนนั้นหนีออกมาเพื่อจะมาฆ่าเจน โอกาสแรกมีความเป็นไปได้น้อยมาก เพราะถ้าเป็นคนที่สามารถซื้อและรู้เรื่องพลังของชายสติไม่ดีคนนั้น คงไม่ต้องให้ชายคนนี้มาจัดการเจนเอง เพราะแบบนั้นอาจจะเสี่ยงที่ชายที่มองเห็นอนาคตจะตายได้ มีโอกาสเป็นอย่างหลังมากกว่า ชายคนนั้นหนีจากร้านอสูรกายและกำลังหลบหนีอยู่ แต่ก็ไม่ลดความพยายามในการฆ่าเจน”

“ตอนที่มันอยู่หน้าโรงพยาบาลก็ต้องเป็นมัน แต่มันหนีทำไม เห็นอนาคต มันเห็นเราและกลัวอันตรายจึงเลือกจะหนีไม่ลงมือต่อ แต่ใช้จดหมายมาข่มขู่ หรือเกลี้ยกล่อมให้จัดการเจน”

ลุคหน้าตึงแววตาเย็นยะเยือกราวน้ำแข็งในทันที เขามั่นใจว่าชายสติไม่ดีคนนั้นมีพลังในการมองเห็นอนาคต และภาพที่เขาเห็นในตลาดมืด อาจจะเป็นภาพที่เกิดขึ้นจริงหรืออาจจะไม่เกิดขึ้นจริงก็ได้ แต่ไม่ว่าทางไหนเขาก็ไม่มีทางฆ่าน้องสาวตัวเอง

เจนยังคงเป็นเจน เป็นน้องสาวของเขา

“มีคนจ้องจะฆ่าเจน ฉันต้องรีบหาตัวเขา”

หลังจากตำรวจมาลุคไม่ได้อยู่ต่อ แต่กลับจะเดินออกมาจากโรงพยาบาลและไปขึ้นรถบัสประจำทาง

“ทำไมไม่ฆ่าเธอ”

ตอนนั้นก็มีเสียงดังมาจากเบาะข้างหลังลุค

“นายรู้ว่าฉันจะมาจริง ๆ ด้วย” ลุคประหลาดใจแต่ไม่แปลกใจ เพราะเขาคาดการไว้อยู่แล้วว่าบางทีชายคนนี้เมื่อเล่นงานเจนไม่ได้จะต้องมาหาเขา

“นายไม่ใช่เหนือมนุษย์แต่กลับมีพลังพรสวรรค์ ฉันอยากรู้ว่านายใช้พลังได้ยังไง” ลุคเอ่ยถามออกมาตรง ๆ แต่เสียงนั้นไม่ยอมตอบ

“ฆ่าเธอซะ เมืองนี้ถึงจะปลอดภัย” เสียงยังคงกล่าวต่อไป

“นายมีพลังมองอนาคตใช่ไหม”

“ใช่ ฉันยอมรับว่าฉันเห็นมัน ฉันคือผู้มองอนาคตและวันนั้นที่ลำแสงขึ้นฟ้าทำให้ฉันเห็นภาพที่เธอนำหายนะมา นายต้องฆ่าเธอเพื่อแลกกับชีวิตคนทั้งเมือง”

“ไม่ เธอคือน้องสาวของฉัน” ลุคกล่าวเสียงเย็นชา

สวนกลับมาในทันที “เสียสละคนหนึ่งแลกกับชีวิตนับหมื่น”

คราวนี้ลุคไม่ตอบบ้าง “นายรู้อะไรเกี่ยวกับน้องสาวของฉันบอกมา หรือเห็นแค่น้องฉันและชาวเมืองที่ตายแบบที่ฉันเห็น”

“นายอยากจะถามว่าน้องสาวนายคืออะไรใช่ไหม” เสียงนั้นลากยาว ก่อนจะพูดต่อว่า “ฉันไม่เห็นขนาดนั้น และฉันก็เห็นแค่ภาพที่เคยให้นายดูเกี่ยวกับเธอ ก่อนที่จะไม่เห็นอะไรอีกเกี่ยวกับเธอ แน่นอนว่าฉันพยายามมองหาอนาคตที่จะฆ่าเธอแล้ว แต่ฉันทำไม่ได้และนายจะต้องเป็นคนจัดการเธอ เพื่อช่วยเหลือเมืองนี้”

“นายบอกว่านายฆ่าเธอไม่ได้ แล้วนายเห็นฉันฆ่าน้องสาวของตัวเองไหม ฉันพนันได้เลยว่านายไม่มีทางมองเห็นมัน” ลุคกล่าวเหน็บแนม ขณะที่ในใจก็คิดว่า ‘พลังพรสวรรค์มองอนาคตมีข้อกำจัดแน่นอน’

ผู้มองอนาคตเงียบไป เขาจึงถามต่อว่า

“ปล่อยเจนไป แล้วฉันจะลืมเรื่องนี้”

“ไม่ ฉันได้พลังเพื่อช่วยเหลือมนุษย์ ฉันจะไม่ยอมให้หายนะเกิดขึ้นภายในเมืองนี้ ทำตามที่ฉันบอกซะไม่อย่างนั้นฉันจะใช้ทุกทางเพื่อฆ่าเธอ”

พวกเบี้ยวที่คิดว่าตัวเองได้รับพลังเพราะมีหน้าที่ยิ่งใหญ่...คนพวกนี้คุยได้ยาก ลุคถามเพิ่มเติม “นายไม่ลงมือเองเพราะยังไม่ใช่เหนือมนุษย์ แต่สติของนายเป็นยังไงบ้างขณะที่พลังพรสวรรค์ดูดซับพลังในร่างกายไปขนาดนั้น”

“ฆ่าเธอซะ” ผู้มองอนาคตกล่าวเสียงแข็งอีกครั้ง โดยไม่คิดจะบอกข้อมูลอะไรกับลุคอีกแล้ว

“นายไม่กลัวฉันฆ่านายหรือไง” ลุคเผยเจตนาฆ่าอย่างชัดเจน เพราะรู้ว่าชายคนนี้ไม่ว่าจะหัวเด็ดตีนขาดยังไงก็จะฆ่าน้องเขา

“นายก็รู้ว่าฉันไม่อยู่ที่นี่” เสียงนั้นตัดสายไป มันเป็นแค่โทรศัพท์เครื่องหนึ่งที่วางอยู่เบาะด้านหลังเท่านั้น

ลุคมองออกไปนอกหน้าต่าง ก่อนจะเห็นผู้มองอนาคตยืนถือโทรศัพท์อยู่บนรถบัสที่กำลังวิ่งสวนกัน ก่อนจะหายไปบนเส้นทางด้านหลังพอดี

เขาเจอตัวชายสติไม่ดีที่เรียกตัวเองว่า ผู้มองอนาคต แล้วและก็มั่นใจว่าเขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเจน แต่รู้จากภาพอนาคตไม่กี่วินาทีนั้นว่าเจนจะยืนอยู่กลางวงล้อมมอนสเตอร์และเหนือมนุษย์จะต่อสู้กับมอนสเตอร์ที่ล้อมเธอ

ชายคนนั้นจึงตีความว่าเจนคือคนที่นำหายนะในครั้งนี้มา

ลำแสงที่พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า มองเห็นเจนนำหายนะมา มันเป็นวันเดียวกับที่ตัวตนที่เรียกตัวเองว่าเป็น องค์หญิงเทพอสูรคนนั้นปรากฏตัวเป็นครั้งแรก

“ไม่ใช่เจนที่เป็นคนนำหายนะมา แต่เป็นองค์หญิงเทพอสูรที่อยู่ในตัวของน้องสาวของฉันแน่นอน ตัวตนนั้นเป็นเหมือนกับสิ่งที่เรียกว่าพรสวรรค์ ถ้าฉันทำให้เจนมีสติขึ้นมาและควบคุมพลังพรสวรรค์ได้ ตัวตนองค์หญิงเทพอสูรจะไม่มีทางปรากฏขึ้นมาอีก และหายนะก็จะหายไปด้วย”

ลุคค่อนข้างมั่นใจ แน่นอนว่าเขาต้องมีทำให้ตัวเองเชื่อแบบนั้น เพราะตัวตนขององค์หญิงเทพอสูรที่เป็นเหมือนพลังพรสวรรค์ผูกติดกับร่างน้องสาวของเขา สิ่งเดียวที่ทำได้คือเปลี่ยนและหยุดสิ่งที่จะเกิดขึ้น

ในเมื่อขนาดตัวผู้มองอนาคตที่ไม่เป็นแม้แต่เหนือมนุษย์จะสามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งที่จะเกิดขึ้นจากการที่เขาอาจจะเจอกับชายคนนั้นที่หน้าโรงพยาบาลแล้วหนีไปได้ ก็แสดงว่าเขาก็เปลี่ยนสิ่งที่จะเกิดกับเจนได้เหมือนกัน

มองเห็นอนาคต แต่ใช่ว่าอนาคตจะเป็นอย่างที่ผู้มองอนาคตจะเห็นเสมอไป

“ตอนนี้สิ่งที่ฉันต้องการคือเวลา”

เขาสรุปได้อย่างหนึ่ง พลังของชายคนนี้คือการมองเห็นอนาคตแน่นอน แต่ยังมองเห็นได้จำกัด ไม่ได้เห็นได้ตลอดเวลา และก็ไม่มีพลังต่อสู้ใด ๆ ไม่อย่างนั้นเขาไม่บอกให้ลุคฆ่าเจน แต่คงไปฆ่าเองแล้ว

แต่ยังไงชายคนนี้ก็อันตรายสุด ๆ อยู่ดี

เขาต้องหาทางหยุดไม่ให้ผู้มองอนาคตใช้พลังมาจัดการน้องสาวของเขาในช่วงเวลานี้ ทางเดียวที่ลุคพอจะคิดออกคือ บีบให้ผู้มองอนาคตหันไปมองอนาคตตัวเอง

ผู้มองอนาคตไม่ปรากฏตัวออกมาเอง เพราะมีคนกำลังล่าเขาอยู่

ลุคนึกถึงการที่เขาโดนจับตัวเป็น ๆ แสดงให้เห็นว่ามีใครอยากได้พลังพรสวรรค์ของเขา จึงให้ร้านอสูรกายไปจับมาแบบเป็น ๆ เดาว่าก่อนหน้านั้นเขายังเสียสติจึงหนีไม่ได้และคนที่สั่งมาจับก็ไม่ต้องการฆ่าเขา เพราะกลัวจะมีคนค้นพบร่างพลังพรสวรรค์

‘ไปแจ้งพวกร้านอสูรกาย?’

‘ไม่!’ ลุคปฏิเสธทันที เขาจะเอาตัวเองไปยุ่งในสิ่งที่ไม่ควรในตอนนี้ไม่ได้ ‘แต่ฉันขายข้อมูลนี้ให้กับร้านขายปากกาได้ จากนั้นใช้เวลานี้จับมอนสเตอร์ รีบรักษาเจนนี่คือสิ่งสำคัญ’

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด