ตอนที่ 440 ช่วงชิงและหลบหนี
ตอนที่ 440 ช่วงชิงและหลบหนี
ยานลาดตระเวนทั้งสองลำไม่เคยคิดฝันมาก่อนว่าพวกเขาจะได้พบกับยานรบของมนุษย์ใกล้กับฐานสกอร์เปียนพูลแบบนี้
เมื่อแวมไพร์ออกจากระบบล่องหนทั้งปืนใหญ่และระบบดูดพลังงานต่างก็เริ่มทำงานพร้อมกัน โดยปืนใหญ่ได้พ่นเปลวไฟสีขาวออกมาอย่างบ้าคลั่ง ขณะที่ระบบดูดพลังงานก็ดูดพลังงานออกมาจากยานรบของฝ่ายตรงข้ามอย่างต่อเนื่อง
ขณะเดียวกันยานทั้งสองฝ่ายต่างก็เพิ่งจะทำการวาร์ปมา มันจึงทำให้พวกเขาเหลือพลังงานสำรองอยู่ในยานไม่มากนัก แต่เนื่องจากว่ายานรบของพวกเซิร์กเป็นยานครุยเซอร์ที่มีขนาดใหญ่กว่ายานฟริเกตของเซี่ยเฟย พวกเขาจึงมีความได้เปรียบด้านพลังงานมากกว่าแวมไพร์อยู่เล็กน้อย
แต่น่าเสียดายที่ข้อได้เปรียบนี้ก็ถูกกำจัดออกไปอย่างรวดเร็ว เพราะระบบดูดพลังงานได้ระบายพลังงานออกจากยานรบฝั่งตรงข้ามและเติมพลังงานให้กับยานรบของตัวเอง
“เปิดระบบดูดพลังงานเครื่องที่ 2 ดูดพลังงานของพวกมันมาให้หมด!” เซี่ยเฟยตะโกนสั่งด้วยท่าทางที่เคร่งขรึม
ระบบดูดพลังงานเครื่องที่ 2 เริ่มทำงานทันทีแล้วดูดกลืนพลังงานของยานลาดตระเวนทั้งสองลำเข้าไปด้วยอัตราที่รวดเร็วกว่าเดิม
เมื่อยานของศัตรูไม่เหลือพลังงานสำหรับการโจมตีและการป้องกัน ปืนใหญ่เลเซอร์ของแวมไพร์ก็เริ่มพุ่งเข้าปะทะกับเกราะของยานเซิร์กโดยตรง
ยานลาดตระเวนทั้งสองลำพยายามรวบรวมพลังงานอย่างสิ้นหวัง แต่พลังงานภายในยานของพวกเขาก็ถูกแวมไพร์ดูดพลังงานออกไปอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมันก็ไม่เพียงแต่จะทำให้พวกเขาไม่สามารถต่อสู้กลับได้เท่านั้น แต่แวมไพร์ยังมีพลังงานมากขึ้นเรื่อย ๆ ทุกวินาทีที่เวลาได้ผ่านพ้นไป
ในที่สุดพลังงานของยานลาดตระเวนทั้งสองลำก็ถูกดูดพลังงานออกไปจนหมด ซึ่งมันก็ทำให้แม้แต่ไฟในห้องบัญชาการของยานก็ยังต้องดับลง เพราะมันไม่เหลือพลังงานที่เอาไว้ใช้แม้กระทั่งการเปิดไฟ
เมื่อมองผ่านช่องหน้าต่างภาพที่เห็นภายในยานก็คือทหารเซิร์กพยายามวิ่งหนีไปรอบ ๆ ยานด้วยความตื่นตระหนก ท้ายที่สุดการดูดพลังงานก็เป็นเหมือนกับการสังหารศัตรูทั้งเป็น เพราะเมื่อยานรบไร้พลังงานมันก็เป็นเพียงแค่ภาชนะที่ว่างเปล่าที่ล่องลอยอย่างเคว้งคว้างอยู่กลางอวกาศเท่านั้น
การต่อสู้ระหว่างแวมไพร์กับยานลาดตระเวนทั้งสองลำทำให้ชานี่อ้าปากค้างขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ เพราะเขาไม่อยากจะเชื่อว่าแวมไพร์เพียงลำเดียวจะสามารถจัดการกับยานที่มีขนาดใหญ่กว่าตัวเองได้พร้อม ๆ กันถึงสองลำแบบนี
นี่มันเป็นการต่อสู้กันระหว่างยานฟริเกตกับยานครุยเซอร์นะ! ยิ่งไปกว่านั้นทางฝั่งของยานครุยเซอร์ยังมีจำนวนยานอยู่ถึงสองลำ!!
ตูม!
จู่ ๆ ยานลาดตระเวนเซิร์กลำแรกก็ระเบิดออกอย่างกะทันหัน พร้อมกับเปลวไฟที่ลุกโชนไปทั่วทั้งลำยานอย่างรวดเร็ว
ยานรบที่ไร้พลังงานก็ไม่ต่างไปจากร่างของมนุษย์ที่ปราศจากโลหิต มันจึงทำให้ร่างกายนั้นกลายเป็นเพียงแค่ภาชนะที่ว่างเปล่า ซึ่งไม่เพียงแต่จะต่อสู้กลับไม่ได้, พยายามหลบหนีก็ไม่ได้และแม้แต่การพยายามส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือกลับไปยังศูนย์บัญชาการก็ทำไม่ได้เช่นเดียวกัน
เซี่ยเฟยเลิกที่จะให้ความสนใจยานลาดตระเวนทั้งสองลำนั้น เพราะเขารู้ดีว่าแวมไพร์เป็นยานที่ทรงพลังมากเพียงใด ซึ่งความจริงก็ได้พิสูจน์ให้เห็นอย่างชัดเจนแล้วว่ายานครุยเซอร์เพียงแค่สองลำไม่มากพอจะเป็นภัยคุกคามสำหรับเขาได้ เพราะแวมไพร์จัดได้ว่าเป็นหนึ่งในยานฟริเกตระดับสูงสุดของจักรวาล
ระบบเรดาร์ยังคงวิเคราะห์ซากยานอวกาศที่ลอยอยู่ทั่วทั้งบริเวณ ซึ่งถ้าหากว่าจุดไหนมีคลื่นพลังงานผันผวนผิดปกติระบบก็จะทำการส่งรายงานไปให้กับเซี่ยเฟยในทันที แต่เนื่องจากเศษซากยานอวกาศได้กระจัดกระจายอยู่รอบ ๆ รัศมีหลายล้านกิโลเมตร มันจึงจำเป็นจะต้องใช้เวลามากพอสมควร ระบบเรดาร์จึงจะสามารถตรวจจับสัญญาณทั้งหมดได้
อย่างไรก็ตามยิ่งเวลาผ่านพ้นไปเนิ่นนานเท่าไหร่ชายหนุ่มก็จะยิ่งตกอยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายมากขึ้นเท่านั้น เพราะท้ายที่สุดปัจจุบันเขาก็อยู่ไม่ห่างจากฐานของศัตรู และเศษซากยานอวกาศที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วทั้งบริเวณก็มีโอกาสที่จะขัดขวางระบบหายตัวของแวมไพร์ได้ทุกเมื่อ
นอกจากนี้ข้อมูลบนระบบเรดาร์ยังแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่ายานรบของเซิร์กที่กำลังมุ่งหน้ามายังจุดเกิดเหตุกำลังเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ และถ้าหากว่าเขาต้องเผชิญหน้ากับยานรบเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าเขาจะมียานรบที่แข็งแกร่งมากแค่ไหนแต่มันก็ไม่มีทางเอาชนะยานรบจำนวนมากขนาดนั้นได้อย่างแน่นอน
ตูม!
ยานลาดตระเวนลำที่ 2 เกิดการระเบิดขนาดใหญ่ ก่อนที่มันจะกลายเป็นยานที่ลุกท่วมไปด้วยเปลวไฟที่ล่องลอยอยู่ในจักรวาล
เหตุการณ์นี้ทำให้ชานี่ทั้งรู้สึกตื่นเต้นและสงสัยในตัวเซี่ยเฟยมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะชายหนุ่มคนนี้ได้ครอบครองทั้งยานรบที่ทรงพลังและยังได้ครอบครองระเบิดที่สามารถทำลายล้างครึ่งกาแล็กซีได้ในเวลาเพียงแค่ไม่กี่วินาที
โดยผู้ที่ครอบครองสิ่งประดิษฐ์ชั้นยอดพวกนี้ย่อมไม่ใช่คนตัวเล็ก ๆ ในพันธมิตรอย่างแน่นอน และดูเหมือนว่าสมาพันธ์นักปราชญ์จะเลือกถูกแล้วที่ตกลงร่วมมือทำภารกิจไปพร้อมกับเซี่ยเฟย
“ยานประจัญบานกำลังจะมาในอีก 1 นาที 15 วินาที อำนาจทำลายล้างของยานประจัญบานค่อนข้างอยู่ในระดับที่สูงมาก ขอให้ทุกคนเตรียมพร้อมสำหรับแรงปะทะทุกเมื่อ” เซี่ยเฟยรายงานสถานการณ์
ทั้งอันธและชานี่ต่างก็มองไปยังชายหนุ่มโดยไม่พูดอะไร เพราะท้ายที่สุดคำพูดของพวกเขาก็ไม่สามารถที่จะเปลี่ยนใจชายหนุ่มคนนี้ได้อยู่ดี สิ่งที่พวกเขาสามารถทำได้ในตอนนี้คือการรอดูว่าเซี่ยเฟยจะตอบสนองต่อสถานการณ์ปัจจุบันอย่างไร
“เตรียมระบบโอเวอร์โหลด เตรียมเปิดใช้ระบบเกราะพลังงานเต็มกำลัง”
หลังจากเวลาได้ผ่านพ้นไปนานกว่า 1 นาทีในที่สุดยานประจัญบานของเซิร์กก็เปิดรูหนอนออกมา ซึ่งตำแหน่งของยานลำนั้นก็อยู่ห่างจากแวมไพร์ไปประมาณ 500 กิโลเมตร
“หาอะไรจับไว้ให้แน่น ๆ!” เซี่ยเฟยตะโกนสั่งพร้อมกับเร่งความเร็วอย่างบ้าคลั่งพุ่งเข้าหายานบัญชาการเซิร์กที่มีขนาดใหญ่กว่าตัวเองหลายร้อยเท่า
“บินวนรอบศัตรูในรัศมี 100 กิโลเมตร, เปิดระบบอาวุธเต็มกำลัง, เปิดระบบดูดพลังงานเต็มกำลัง, เปิดใช้งานระบบเกราะพลังงานเต็มกำลัง, เปิดระบบแทรคชั่นคอนโทรลเลอร์ พยายามจับมันเอาไว้!!”
ทันทีที่ยานประจัญบานของเซิร์กโผล่หัวออกมาจากรูหนอนมันก็ถูกแวมไพร์จู่โจมเข้าอย่างหนัก ซึ่งการจู่โจมอย่างกะทันหันนี้ก็ทำให้กัปตันยานชะงักไปเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะสั่งการให้จู่โจมแวมไพร์ด้วยปืนใหญ่
ตูม!
เสียงปืนใหญ่ร้องคำรามดังลั่นแต่แวมไพร์ก็อาศัยความเร็วเพื่อลดความเสียหายจากการทำลายล้างของศัตรู แต่ถึงกระนั้นการยิงครั้งนี้ก็ทำให้ยานทั้งลำสั่นอย่างรุนแรง และทำให้ขนอุยที่นอนอยู่บนโซฟากระเด็นกระดอนขึ้นไปจนชนเพดาน
“เปิดระบบเสริมพลังชาร์จเต็มกำลัง ระบบเรดาร์พยายามสแกนหาเป้าหมายต่อไป” เซี่ยเฟยตะโกนสั่งการโดยที่สายตาของเขายังคงจับจ้องมองไปยังระบบเรดาร์โดยไม่ละสายตาเลยแม้แต่วินาทีเดียว
ยิ่งเวลาผ่านไปจำนวนของศัตรูก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้นไปเรื่อย ๆ และเมื่อถึงเวลานั้นการพยายามดิ้นรนต่อสู้มันก็ไม่ต่างไปจากการพยายามฆ่าตัวตาย ดังนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดคือเขาต้องพยายามค้นหาของสิ่งนั้นให้เจอแล้วออกไปจากสนามรบแห่งนี้โดยเร็วที่สุด
ตูม!
แวมไพร์สั่นสะเทือนอีกครั้งคล้ายกับเกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ ซึ่งระบบเสริมพลังชาร์จก็มีบทบาทสำคัญที่แวมไพร์สามารถรอดพ้นมาได้จนถึงตอนนี้ และเมื่อระบบเสริมพลังชาร์จทำงานประสานกันเป็นจำนวน 4 ตัว มันก็ช่วยให้เกราะพลังงานของแวมไพร์สามารถป้องกันการทำลายจากปืนใหญ่ของยานบัญชาการได้อย่างแท้จริง
นอกจากนี้เขายังเปิดระบบดูดพลังงานเพื่อดูดพลังงานจากยานฝ่ายตรงข้ามมาอย่างต่อเนื่อง มันจึงทำให้แวมไพร์มีพลังงานเหลือเฟือที่จะใช้เกราะพลังงานต่อต้านการทำลายจากฝ่ายตรงข้ามได้
“เตือนภัยระบบตรวจพบกองยานเซิร์ก คาดการณ์ว่ากองยานนั้นจะเข้าสู่สนามรบในอีก 13 นาที” เสียงระบบแจ้งเตือนขึ้นมาอย่างกะทันหัน
เสียงแจ้งเตือนนี้ทำให้ชานี่รู้สึกกระวนกระวายใจมากขึ้นกว่าเดิม เพราะการรับมือยานประจัญบานเพียงแค่ลำเดียวก็ทำให้แวมไพร์ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก และมันก็ไม่จำเป็นจะต้องพูดถึงการพยายามรับมือกับกองยานทั้งหมด
“พวกเรารีบถอยกันก่อนเถอะ” อันธกล่าวเตือนด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
“แวมไพร์ติดตั้งเครื่องยนต์แบล็คเซอร์เพนท์ 130 เอาไว้ และมันก็จำเป็นจะต้องใช้เวลาเพียงแค่ไม่กี่นาทีในการหนีออกจากสนามรบ” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับส่ายหัว โดยแววตาของเขายังคงจับจ้องมองไปยังระบบเรดาร์
เมื่อถูกดูดพลังงานจากระบบดูดพลังงานถึง 2 เครื่อง ในที่สุดยานประจัญบานของเซิร์กก็สูญเสียพลังงานจนทำให้เกราะพลังงานของยานหายไป ทำให้วินาทีต่อมาปืนใหญ่เลเซอร์ของแวมไพร์ก็เริ่มระดมยิงเข้าใส่เกราะของยานประจัญบานเซิร์กโดยตรง
เซี่ยเฟยหันหน้าไปมองดูข้อมูลของระบบพลังงาน ซึ่งในเวลานี้พลังงานในแวมไพร์เพิ่มขึ้นมาจนถึง 85% แล้ว แต่อัตราการดูดซับพลังงานค่อย ๆ ลดลงอย่างช้า ๆ เนื่องมาจากว่ายานประจัญบานเริ่มเหลือพลังงานไม่มากพอให้แวมไพร์ทำการดูดซับ
“เปิดระบบโอเวอร์โหลดเตาปฏิกรณ์พลังงาน เตรียมตัวสำหรับการวาร์ปเอาไว้” เซี่ยเฟยตะโกนสั่งการ
กองยานของเซิร์กใกล้ที่จะเข้าสู่สนามรบและเมื่อไหร่ก็ตามที่กองยานพวกนั้นปรากฏตัว เซี่ยเฟยก็จำเป็นจะต้องหนีออกจากสถานที่แห่งนี้ไม่ว่าเขาจะหาของสิ่งนั้นพบหรือไม่ก็ตาม
ด้วยเหตุนี้เองเขาจึงจำเป็นจะต้องเติมพลังงานเข้าเครื่องปฏิกรณ์โดยเร็วที่สุด ไม่อย่างนั้นเขาก็จำเป็นจะต้องใช้ระบบวาร์ปฉุกเฉินเพื่อหนีศัตรู แต่การใช้ระบบวาร์ปฉุกเฉินเป็นสิ่งที่อันตรายมาก ซึ่งในคราวที่แล้วที่เขาหนีผ่านระบบวาร์ปฉุกเฉินออกมามันก็ทำให้เขาได้มาโผล่ในดินแดนเซิร์กอันห่างไกล ดังนั้นชายหนุ่มจึงไม่คิดที่จะใช้ระบบวาร์ปฉุกเฉินเว้นแต่ว่าเขาจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่จำเป็นจริง ๆ
ทันใดนั้นระบบเรดาร์ก็แจ้งว่ามีสัญญาณแปลกประหลาดอยู่ท่ามกลางกองซากยานอวกาศ โดยวัตถุนี้มีรูปทรงลูกบาศก์และเปลือกนอกยังคงไม่บุบสลาย แล้วมันก็แทบที่จะไม่มีรอยขีดข่วนบนเปลือกของวัตถุนี้ด้วยซ้ำ
“รีบเคลื่อนที่เข้าหาวัตถุชิ้นนั้นเร็ว ๆ เข้า แล้วเร่งเติมพลังงานเตรียมพร้อมสำหรับการวาร์ป!” เซี่ยเฟยตะโกนสั่งการ
การที่กล่องโลหะนี้สามารถรอดพ้นมาจากแรงระเบิดของดาวพิฆาตได้ มันย่อมไม่ใช่สิ่งของธรรมดาอย่างแน่นอน และชายหนุ่มก็สังหรณ์ใจว่ากล่อง ๆ นี้น่าจะเป็นของที่เขากำลังพยายามตามหาอยู่
ฟู่ว~
แวมไพร์เคลื่อนที่ด้วยความเร็วเต็มกำลัง ส่วนยานประจัญบานก็ถูกทำลายลึกลงไปจนถึงชั้นโครงสร้างแล้ว ทำให้ตัวยานขนาดใหญ่เกิดการระเบิดอย่างรุนแรงพร้อมกับเปลวเพลิงที่ลุกท่วมไปทั่วทั้งตัวยาน
ตูม!
ในขณะที่แวมไพร์กำลังจะเคลื่อนที่ออกจากระยะการโจมตี ปืนใหญ่เลเซอร์ก็ถูกยิงออกไปอย่างรุนแรง โดยการจู่โจมในครั้งนี้ได้ทะลุผ่านชั้นโครงสร้างของยานโดยตรง และทำให้ยานประจัญบานลำนี้ถูกทำลายโดยสมบูรณ์
ชานี่ชกกำปั้นขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น โดยลืมตัวไปเสียสนิทว่าตัวของเขาเองก็เป็นเซิร์กเช่นเดียวกัน
กล่องโลหะสีดำนั้นไม่ได้อยู่ใกล้กับแวมไพร์มากนัก ซึ่งมันก็จำเป็นจะต้องใช้เวลาหลายนาทีในการเคลื่อนที่เข้าไปเก็บกู้
1 นาที, 2 นาที, 3 นาที …
ทันใดนั้นเองรูหนอนเป็นจำนวนมากก็ถูกเปิดออกอย่างรวดเร็ว พร้อมกับกองยานขนาดใหญ่ที่ค่อย ๆ เคลื่อนที่เข้าสู่สนามรบ
ระบบเรดาร์ส่องแสงสว่างแจ้งเตือนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งถ้าหากแวมไพร์ถูกล้อมรอบด้วยยานรบเป็นจำนวนมากมันก็ไม่มีทางที่พวกเขาจะหลบหนีได้
“เปิดระบบโอเวอร์โหลด, เก็บกู้กล่องนั้นมา แล้ววาร์ปหนีไปเดี๋ยวนี้!!!”
ในช่วงเวลาวิกฤตชิพโอเวอร์โหลดสามารถแสดงบทบาทออกมาได้อย่างโดดเด่น เพราะมันช่วยย่นระยะการเก็บกู้ออกไปได้ถึง 2 เท่าแล้วคว้าเก็บกล่องโลหะชิ้นนั้นไว้พร้อม ๆ กับแวมไพร์ที่เคลื่อนตัวเข้าสู่รูหนอน!
ตูม!
แวมไพร์หายเข้าไปในรูหนอนวินาทีเดียวกับที่ปืนใหญ่ถูกยิงออกมาจากกองยานเซิร์ก
***************
ได้ใช่ไหม?! ได้แหละ มันต้องรอดดดดดด