ตอนที่ 439 จากไปและกลับมา
ตอนที่ 439 จากไปและกลับมา
ในที่สุดมันก็มีรูหนอนที่สดใสถูกเปิดออกเป็นจำนวนหลายร้อยรู พร้อมกับกองยานคุ้มกันพิเศษที่เริ่มเดินทางผ่านรูหนอนออกมาทีละลำ
ระหว่างนั้นเซี่ยเฟยก็ยืดเส้นยืดสายก่อนที่เขาจะเริ่มบังคับให้แวมไพร์เคลื่อนที่เข้าไปใกล้กองยานด้านหน้าอย่างช้า ๆ
“หือ ทำไมกองยานคุ้มกันถึงทำท่าจะหันหลังกลับไปแบบนั้นล่ะ?” เซี่ยเฟยอุทานขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ
“กองยานคุ้มกันชุดแรกคือกองยานรักษาชายแดนที่ไม่มีคุณสมบัติจะเข้าใกล้นครหลวง ดังนั้นกองยานคุ้มกันชายแดนจึงได้ส่งไม้ต่อให้กับกองยานคุ้มกันจากฐานสกอร์เปียนพูล ไม่อย่างนั้นถ้าหากว่าพวกเขาเข้าใกล้เมืองหลวงมากเกินไป พวกเขาก็จะถูกลงโทษในฐานะที่พวกเขาเป็นกบฏ” ชานี่กล่าว
เซี่ยเฟยพยักหน้ารับอย่างเข้าใจและเริ่มตระหนักแล้วว่าทำไมพวกเขาถึงวางแผนจะหยุดเคลื่อนไหวที่นี่เป็นเวลากว่า 1 ชั่วโมง เพราะแท้ที่จริงแล้วพวกเขากำลังส่งไม้ต่อในการเปลี่ยนกองยานคุ้มกันสมบัติชิ้นนั้นนั่นเอง
เมื่อกองยานทั้งสองมารวมตัวกันพวกเขาก็เริ่มจัดกระบวนทัพใหม่อีกครั้ง พร้อมกับยานบัญชาการขนาดใหญ่ที่ค่อย ๆ เคลื่อนตัวไปยังกึ่งกลางกองยานกองใหม่ ทำให้กองยานจากฐานสกอร์เปี้ยนพูลกลายเป็นกองยานที่มียานบัญชาการ 2 ลำที่ได้รับการปกป้องจากยานรบลำอื่นอย่างมากมาย
“พวกเราจะทำยังไงกันดี? ถึงแม้ว่ายานรบของคุณจะล่องหนได้ แต่การป้องกันของพวกเขาก็หนาแน่นมากเกินไป พวกเราไม่มีทางบุกฝ่าแนวรบที่มียานประจัญบานหลายร้อยลำแบบนั้นเข้าไปได้อย่างแน่นอน” ชานี่กล่าวขึ้นมาอย่างประหม่า
“ฉันว่าทำลายของชิ้นนั้นไปพร้อมกับกองยานพวกนี้เลยดีกว่า” อันธกล่าวเสริม
เวลาค่อย ๆ ดำเนินผ่านไปอย่างรวดเร็ว โดยกองยานคุ้มกันจำเป็นจะต้องใช้เวลาในการจัดกระบวนทัพใหม่ประมาณ 50 นาที ซึ่งหลังจากที่พวกเขาเริ่มจัดระเบียบของยานได้เรียบร้อยแล้ว พวกเขาก็จะเริ่มออกเดินทางอีกครั้ง ดังนั้นถ้าหากว่าเขาจะใช้ดาวพิฆาตเขาก็จำเป็นจะต้องรีบลงมือตั้งแต่ตอนนี้
เซี่ยเฟยไม่ใช่คนที่มีนิสัยชอบลังเล แต่ในวันนี้ภายในใจของเขากลับเต็มไปด้วยความวิตกกังวล อย่างแรกคือดาวพิฆาตภายในมือของเขาเหลืออยู่เพียงแค่ 2 ชิ้นเท่านั้น และเขาก็วางแผนที่จะใช้ดาวพิฆาตในการจัดการกับอูดี้โดยเฉพาะ
เหตุผลที่ทำให้เขารู้สึกกังวลอย่างที่ 2 คือเขาสนใจสมบัติลึกลับชิ้นนั้นมาก เพราะเขาไม่สามารถคาดเดาได้จริง ๆ ว่าของล้ำค่าชิ้นนั้นมันคืออะไรกันแน่ และถ้าหากว่ามันเป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องกับกฎแห่งจักรวาล การที่เขาทำลายมันทิ้งก็จะสร้างความสูญเสียที่เขาไม่สามารถแก้ไขได้ไปตลอดกาล
นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้เซี่ยเฟยลังเลใจอยู่แบบนี้ เพราะเขาไม่สามารถที่จะตัดใจใช้ดาวพิฆาตทำลายกองยานทิ้งได้โดยปราศจากความกังวล
“พวกเราเหลือเวลาอีกแค่ 15 นาทีเท่านั้น หลังจาก 15 นาทีนี้กองยานคุ้มกันจะเริ่มเดินทางเข้าสู่เขตของเมืองหลวง และเมื่อถึงเวลานั้นการป้องกันก็จะยิ่งแน่นหนาขึ้นมากกว่าเดิม” ชานี่กล่าวเตือนขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
“การป้องกันของพวกมันหนาแน่นเกินไป ฉันไม่มีโอกาสลักลอบเข้าไปในกองยานของมันได้เลย!” เซี่ยเฟยอุทานพร้อมกับทุบโต๊ะอย่างร้อนรน
“เอาล่ะ เรามาทำลายของชิ้นนั้นทิ้งกันเถอะ!”
“มุ่งหน้าตรงไปเหนือกองยานของศัตรูและเตรียมเปิดระบบวาร์ปด้วยกำลังสูงสุด” เซี่ยเฟยตะโกนออกคำสั่งขึ้นมาเสียงดัง
แวมไพร์เริ่มเร่งความเร็วอีกครั้งและมุ่งหน้าตรงไปเหนือกองยานคุ้มกันด้วยความเร็วสูง
ระหว่างนั้นชายหนุ่มก็มองไปยังหน้าจอเรดาร์อย่างประหม่าเพื่อมองหาจุดทิ้งทุ่นระเบิดที่เหมาะสมที่สุด
“ทิ้งทุ่นระเบิดเดี๋ยวนี้! แล้วรีบวาร์ปหนีออกไปซะ!!” เซี่ยเฟยตะโกนออกคำสั่งอีกครั้ง เพราะการทิ้งทุ่นระเบิดก็ทำให้ยานรบเปิดเผยตัวออกมาเช่นเดียวกัน ดังนั้นทันทีที่เขาทิ้งทุ่นระเบิดออกไปแล้วเขาก็จำเป็นจะต้องหลบหนีออกไปให้ได้ก่อนที่เขาจะถูกทำลายจากยานรบของศัตรู
ทุ่นระเบิดที่ดูธรรมดาถูกปล่อยให้ลอยเคว้งคว้างกลางอวกาศพร้อมกับแวมไพร์ที่เปิดเผยตัวออกมาและเร่งดำเนินการเปิดรูหนอนท่ามกลางกองยานคุ้มกัน
โชคดีที่กระบวนการทั้งหมดนี้ใช้เวลาเพียงแค่ประมาณ 30 วินาที แต่เมื่อรูหนอนถูกเปิดออกแวมไพร์ก็รีบมุ่งหน้าเข้าไปยังรูหนอนนั้นด้วยกำลังสูงสุด
จากการคำนวณของชายหนุ่มเวลาเพียงแค่ 30 วินาทีก็เพียงพอแล้วที่เขาจะทำภารกิจนี้ให้สำเร็จ เพราะท้ายที่สุดแวมไพร์ก็เป็นยานรบที่มีความว่องไวที่สูงมาก แล้วมันก็ยากที่ศัตรูจะสามารถจัดการกับแวมไพร์ได้ในเวลาสั้น ๆ เพียงแค่นี้
แต่ถึงกระนั้นเหตุการณ์นี้ก็ยังทำให้ชานี่รู้สึกหวาดกลัว เพราะมันเป็นการวาร์ปต่อหน้ายานรบหลายร้อยลำ และถ้าหากว่าปืนใหญ่ของยานรบพวกนั้นถูกยิงออกมาจริง ๆ มันก็คงจะมีเพียงแค่หายนะเท่านั้นที่รอคอยพวกเขาอยู่
ชานี่รู้สึกถึงหัวใจเต้นแรงราวกับว่ามันจะกระโดดออกมาจากอก เพราะยานรบของศัตรูอยู่ใกล้พวกเขามากถึงขนาดที่เขาสามารถมองเห็นปากกระบอกปืนสีดำผ่านช่องหน้าต่างได้อย่างชัดเจน
1 วินาที, 2 วินาที, 3 วินาที …
แวมไพร์เคลื่อนที่เข้าสู่รูหนอนอย่างเต็มกำลัง แล้วในขณะที่ระบบเรดาร์ของศัตรูกำลังตรวจพบแวมไพร์อยู่นั่นเอง พื้นที่ท้ายยานก็เคลื่อนที่ผ่านรูหนอนเข้ามาได้ในที่สุด
เมื่อแวมไพร์เข้ามาในรูหนอนเรียบร้อยแล้วรูหนอนชั่วคราวก็ถูกปิดตัวลงในทันที พร้อมกับแสงสว่างอันเจิดจ้าที่ส่องสว่างมาจากช่องหน้าต่าง ซึ่งมันเป็นกระบวนการในระหว่างเคลื่อนที่ผ่านรูหนอนตามปกติ
ชานี่ทิ้งตัวลงบนโซฟาพร้อมกับถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ขณะที่เซี่ยเฟยนั่งลงบนโต๊ะและหยิบถ้วยชาขึ้นมาจิบด้วยท่าทางสบาย ๆ
“สิ่งที่คุณปล่อยออกไปเมื่อกี้คือระเบิดที่สามารถทำลายกาแล็กซีได้ครึ่งกาแล็กซีใช่ไหม?” ชานี่ถามด้วยความสงสัย
เซี่ยเฟยพยักหน้ารับโดยไม่คิดที่จะปิดบัง
“ทำไมมันถึงดูไม่แตกต่างจากระเบิดปกติเลย? แต่มันกลับมีพลังทำลายมหาศาลมาก คุณยังเหลือระเบิดแบบนั้นอยู่อีกไหม?” ชานี่กล่าวถาม
“ระเบิดนั่นคือระเบิดที่ถูกขุดขึ้นออกมาจากซากปรักหักพังโบราณ ซึ่งผมได้มันมาเพียงแค่ 2 ชิ้นเท่านั้น และตอนนี้ผมก็ได้ใช้พวกมันออกไปจนหมดแล้ว ทั้ง ๆ ที่ตอนแรกผมกะจะเก็บระเบิดลูกสุดท้ายเอาไว้จัดการกับอูดี้แท้ ๆ” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับแสดงสีหน้าออกมาอย่างเสียดาย
“น่าเสียดายจริง ๆ ด้วย” ชานี่พึมพำพร้อมกับพยักหน้า
ในเวลาเดียวกันระบบเรดาร์ก็แสดงให้เห็นถึงความผันผวนของพลังงานอย่างรุนแรง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าดาวพิฆาตที่เซี่ยเฟยเพิ่งปล่อยออกไปถูกจุดชนวนขึ้นมาเรียบร้อยแล้ว โดยคลื่นพลังงานที่ระบบเรดาร์ตรวจจับได้ก็มีขนาดใหญ่มาก แล้วมันย่อมสามารถสร้างภัยพิบัติขนาดใหญ่ขึ้นมาได้อย่างแน่นอน
เซี่ยเฟย, ชานี่และอันธต่างก็จับจ้องมองไปยังหน้าจออย่างไม่วางตา ซึ่งหลังจากที่ชานี่ดูนาฬิกาจับเวลาเขาก็ตะโกนออกมาอย่างตื่นเต้น
“สำเร็จ! กองยานคุ้มกันนั้นย่อมถูกระเบิดทำลายล้างไปแล้วแน่ ๆ”
หลังจากเวลาได้ผ่านพ้นไปอีกเพียงแค่ไม่นาน แวมไพร์ก็ค่อย ๆ เคลื่อนที่ออกมาจากรูหนอน จากนั้นมันก็กลับเข้าสู่ระบบล่องหนอีกครั้งเพื่อเคลื่อนที่ไปท่ามกลางจักรวาลอย่างช้า ๆ
“ฉากเมื่อกี้นี้ฉันน่าตื่นเต้นมากเกินไปแล้ว ฉันไม่คิดเลยว่าการขับยานรบจะน่าตื่นเต้นมากกว่าการต่อสู้กับนักรบด้วยกัน ในขณะที่คุณทิ้งทุ่นระเบิดออกไปยานของคุณอยู่ห่างจากยานที่ใกล้ที่สุดเพียงแค่ 12 กิโลเมตรเท่านั้น นี่ฉันคิดว่าเราจะถูกคนพวกนั้นจับได้แล้วเสียอีก” ชานี่กล่าวพร้อมกับถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
ตั้งแต่สมัยก่อนจนถึงปัจจุบันไม่ว่าจะเป็นนักสู้มนุษย์หรือเซิร์กต่างก็มีความคิดที่ปฏิเสธเทคโนโลยี เพราะพวกเขาเชื่อว่ามีเพียงแค่กำลังของตัวเองที่ทรงพลังที่สุด แต่หลังจากเหตุการณ์ในวันนี้ชานี่ก็เริ่มกลับมาทบทวนเรื่องเทคโนโลยีใหม่อีกครั้ง
เซี่ยเฟยยังคงไม่พูดอะไรโดยแววตาของเขายังคงจับจ้องมองไปยังหน้าจอเรดาร์
“เคลื่อนที่กลับไปยังจุดที่ห่างจากจุดทิ้งทุ่นระเบิด 100 กิโลเมตร ปิดระบบที่ไม่จำเป็นทิ้งทั้งหมด พยายามสำรองพลังงานเอาไว้ให้ได้มากที่สุด” เซี่ยเฟยตะโกนสั่งการอีกครั้ง
พรึบ!
ไฟภายในห้องบัญชาการดับลงและแม้แต่ระบบควบคุมอุณหภูมิก็ถูกตัดการใช้งานเช่นเดียวกัน ทำให้อากาศภายในห้องเย็นลงเรื่อย ๆ เพราะพลังงานทั้งหมดถูกดึงออกไปตามคำสั่งของชายหนุ่ม
ทุกครั้งที่ทำการวาร์ปมันจำเป็นจะต้องใช้พลังงานปริมาณมหาศาล แล้วมันก็จำเป็นจะต้องใช้เวลาประมาณ 50 นาทีในการชาร์จพลังงานขึ้นมาใหม่ แต่เซี่ยเฟยสั่งการให้ปิดระบบที่ไม่จำเป็นทิ้งทั้งหมด เพราะเขาต้องการที่จะเติมพลังงานกลับมาให้ได้ภายในเวลา 40 นาที
“เซี่ยเฟยนี่คุณบ้าไปแล้วเหรอ?! ถ้าหากเรากลับไปยังจุดทิ้งระเบิดในตอนนี้ เราก็อาจจะพบกับกองยานกู้ภัยฉุกเฉินที่จะรีบเดินทางมายังจุดเกิดเหตุจากทั่วทุกทิศทาง” ชานี่อุทานอย่างตกตะลึง
“กองยานที่ใกล้ที่สุดจะเดินทางมาถึงในอีก 72 นาที ถ้าหากว่าผมคำนวณไม่ผิดเราจะมีเวลาออกค้นหาประมาณ 20 นาทีและมีเวลาอีก 12 นาทีในการออกห่างจากสนามรบ” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างใจเย็น
ชานี่แทบไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง เพราะการทิ้งระเบิดใกล้กับฐานทัพของศัตรูก็เป็นเรื่องที่บ้ามากสำหรับเขาแล้ว แต่ตอนนี้เซี่ยเฟยยังคิดที่จะหันหัวยานกลับไปซึ่งมันเป็นเรื่องที่บ้ามากที่สุดที่เขาเคยได้ยินในชีวิตนี้เลย
กองยานคุ้มกันพิเศษคือกองยานที่ได้รับคำสั่งจากอูดี้โดยเฉพาะ และถ้าหากว่ามันมีปัญหาอะไรเกิดขึ้นกับกองยานนี้ มันก็จะมีกำลังเสริมเป็นจำนวนมากเดินทางไปยังจุดเกิดเหตุในทันที ยิ่งไปกว่านั้นจุดเกิดเหตุยังอยู่ใกล้กับฐานสกอร์เปียนพูลมาก การตัดสินใจของเซี่ยเฟยจึงเป็นการตัดสินใจที่กำลังมุ่งหน้าตรงไปยังพื้นที่ที่เต็มไปด้วยศัตรู
เซี่ยเฟยยังคงจ้องมองไปยังหน้าจอเรดาร์อย่างใกล้ชิด เพื่อคำนวณตำแหน่งของยานรบทุกลำที่อยู่ในบริเวณนั้น
“หน่วยลาดตระเวนน่าจะเดินทางไปถึงก่อนเราประมาณ 3 นาที แต่ยานรบพวกนั้นไม่ค่อยน่ากลัวมากนักและแวมไพร์ก็น่าจะจัดการกับพวกเขาได้ง่าย ๆ” เซี่ยเฟยกล่าวราวกับว่าเขาต้องการขจัดความสงสัยของชานี่
อันธยักไหล่อย่างช่วยไม่ได้ เพราะเขารู้ดีว่าเมื่อเซี่ยเฟยตัดสินใจอะไรลงไปแล้ว เขาก็คงจะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจของชายหนุ่มคนนี้ได้
“ช่วยบอกฉันหน่อยได้ไหมว่าทำไมคุณถึงต้องเดินทางกลับไปที่นั่นด้วย?” ชานี่กล่าวพร้อมกับถอนหายใจ
“ผมคิดว่าถ้าของสิ่งนั้นคือสิ่งที่ล้ำค่ามากจริง ๆ มันก็ไม่น่าจะถูกทำลายง่าย ๆ เพียงเพราะแค่โดนระเบิดไปแค่ลูกเดียว” เซี่ยเฟยกล่าวขึ้นมาเบา ๆ
—
แวมไพร์เคลื่อนที่ออกมาจากรูหนอนอีกครั้งและสิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าคือท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยซากยานอวกาศ
ด้วยคลื่นกระแทกมหาศาลที่เกิดขึ้นมาจากดาวพิฆาต มันจึงทำให้ชิ้นส่วนยานเป็นจำนวนมากถูกผลักกระเด็นออกไปในระยะหลายล้านกิโลเมตร โดยชิ้นส่วนยานทุกชิ้นต่างก็ถูกฉีกกระชากออกเป็นชิ้นเล็ก ๆ ซึ่งมันแสดงให้เห็นว่าพลังทำลายของดาวพิฆาตเป็นสิ่งที่น่ากลัวมากเพียงใด
ห่างออกจากแวมไพร์ไปประมาณ 300 กิโลเมตร ยานลาดตระเวนเซิร์ก 2 ลำกำลังจ้องมองไปยังเศษซากยานอวกาศด้วยความตกใจกลัว พวกเขารีบเดินทางมาที่นี่หลังจากที่มันได้เกิดการระเบิดครั้งใหญ่และภาพที่ปรากฏก็ทำให้พวกเขารู้สึกสลดหดหู่ใจมาก
“ล็อกยานรบข้าศึก, เปิดระบบพร้อมรบเต็มอัตรา, เปิดระบบดูดพลังงานเต็มกำลัง, ยิงปืนใหญ่เลเซอร์ทันทีที่เข้าสู่ระยะ, ปล่อยโดรนต่อสู้จู่โจมเข้าใส่เป้าหมาย ส่วนพลังงานที่เหลือจ่ายไปที่ระบบเรดาร์ให้หมดและค้นหาเป้าหมายที่น่าสงสัยในบริเวณใกล้เคียง”
“ไม่ว่าอะไรก็ตามที่มีความผันผวนพลังงานผิดปกติให้รีบส่งรายงานขึ้นมาบนหน้าจอให้หมด!”
เซี่ยเฟยตะโกนออกคำสั่งอย่างรวดเร็วเพื่อพยายามหาสมบัติท่ามกลางซากปรักหักพังและทำลายยานลาดตระเวนทั้งสองลำนั้นในคราวเดียว
***************
ไม่ว่ายังไงก็จะเอามันมาให้ได้!! พี่เฟยไม่ได้กล่าวไว้แต่คิด