ตอนที่แล้ว1037 - สถานการณ์ที่เลวร้ายในทุ่งดวงดาวหมีใหญ่ 
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป1039 - หยวนซู

1038 - หาหนทางกลับ 


1038 - หาหนทางกลับ

เมื่อแสงแดดแรกส่องเข้ามาในตอนเช้าเย่ฟ่านลุกขึ้นยืนและเผชิญหน้ากับดวงอาทิตย์ด้วยดวงตาที่ชัดเจน ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เขาจะพยายามทุกวิถีทางที่จะหาทางกลับโลกอำพรางสวรรค์

เขาวางตงตงไว้บนไหล่และเริ่มออกค้นหาซากปรักหักพังโบราณมากมาย โดยไล่ล่าแท่นบูชาห้าสีไปทุกที่

ในขณะเดียวกันลู่หยาก็ตามหาเย่ฟ่านไปทั่วโลกอย่างบ้าคลั่ง และเขาแทบจะพลิกคว่ำเสิ่นโจวทางตะวันออกด้วยความโกรธแค้น

“ยอดฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุดของเผ่าอีกาทองออกไล่ล่าเย่ฟ่านพร้อมกับอาวุธครึ่งก้าวเต๋าสุดขั้ว ใครจะกล้ายั่วยุเขา!”

ผู้บ่มเพาะหลายคนตัวสั่น และทั้งหมดก็ล่าถอยด้วยความหวาดกลัว ภายใต้การไล่ล่าอย่างบ้าคลั่งของลู่หยา มีความสับสนวุ่นวายในเสิ่นโจว

ผู้บ่มเพาะจำนวนมากต่างรู้ดีว่าลู่หยาเหนือกว่าฉีหยางอย่างแน่นอน ความแข็งแกร่งของเขาเพียงเป็นรองหยินเทียนเต๋อเล็กน้อยเท่านั้น

หากเขาไม่แข็งแกร่งถึงขนาดนี้ราชาอีกาทองจะให้เขาครอบครองอาวุธขึ้นก้าวเต๋าสุดขั้วได้อย่างไร

อย่างไรก็ตามเย่ฟ่านไม่ได้สนใจเรื่องนี้เลย เขากำลังมองหาวิธีที่จะจากที่นี่ไป หลังจากจัดการเรื่องราวทั้งหมดเขาจะเดินทางกลับสู่โลกอำพรางสวรรค์ทันที

อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะค้นหาอย่างไรก็ไม่มีข่าวเกี่ยวกับแท่นบูชา 5 สีแม้แต่น้อย ตำนานทั้งหมดว่างเปล่า พวกมันได้ถูกทำลายล้างไปนานแล้วในสายน้ำแห่งกาลเวลาอันยาวนาน

สิ่งเดียวที่เขาได้รับคือผลึกห้าสีขนาดเท่ากำปั้นจากสนามรบโบราณในเสินโจว และเขาไม่เห็นแม้แต่เงาของแท่นบูชา

“ไม่ ข้าไม่อาจใช้วิธีเดิมได้ข้าต้องหาวิธีการใหม่”

ทันใดนั้นเย่ฟ่านก็นึกถึงเล่าจื๊อและพระสมณโคดมผู้ยิ่งใหญ่สองคนนี้ก็มาถึงดาวโบราณนี้ด้วย แม้ว่าที่อยู่ของพวกเขาจะพิสูจน์ไม่ได้มานานแล้ว แต่อาจมีร่องรอยของถนนโบราณที่นำพาพวกเขาเดินทางมา

และเส้นทางนี้จะต้องอยู่ในวังโบราณไป๋จิง!

ดวงตาของเย่ฟ่านเป็นประกาย เขามีเป้าหมาย บางทีอาจมีถนนโบราณที่เล่าจื๊อทิ้งไว้ในวังไป๋จิงของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่ชิง

อย่างไรก็ตาม ถ้าต้องการหาทางจากที่นั่นอาจมีการต่อสู้ที่เพียงพอจะทำให้โลกทั้งใบพังทลาย เพราะนั่นคือสถานที่ที่หยินเทียนเต๋อนั่งอยู่ และแน่นอนว่าฝ่ายตรงข้ามจะไม่ยอมให้เขาเดินทางออกจากโลกใบนี้ง่ายๆ

“ข้าต้องหาข้อมูลมากกว่านี้”

เย่ฟ่านไม่แสดงอาการบุ่มบ่าม เมื่อเผชิญหน้ากับยอดฝีมือในระดับดังกล่าว ต่อให้เขามั่นใจในตัวเองมากแค่ไหนเขาก็ไม่กล้าที่จะแสดงความอวดเก่งออกมา

บารมีของหยินเทียนเต๋อทำให้ผู้บ่มเพาะทุกคนหวาดกลัว นี่คือยอดฝีมืออันดับ 1 ของโลก แม้แต่อีกาทองทั้งเผ่าพันธุ์ก็ยังทำได้เพียงขอเป็นพันธมิตรกับเขาเท่านั้น

ในตอนเช้าตรู่ สายหมอกพัดปกคลุมภูเขาและป่าไม้ แม้แต่ดวงอาทิตย์ก็ยังเป็นสีแดง นุ่มนวลและไม่พร่างพราย

บนใบหญ้าและเถาวัลย์ หยาดน้ำค้างกำลังกลิ้งเหมือนเพชรและไข่มุกสะท้อนแสงเป็นประกายงดงาม

เย่ฟ่านท่องเที่ยวไปทั่วโลกเขากำลังตามหาหลี่เทียนและเอี๋ยนอี้ซี

“ให้ตายเถอะไอ้สารเลวแซ่เย่อยู่ที่นี่”

หลี่เทียนสาปแช่ง เขายืนอยู่หน้าถ้ำโบราณแห่งหนึ่งและมองลงไปด้านล่างด้วยความโกรธ

เอี๋ยนอี้ซีเดินออกจากถ้ำถัดจากบนยอดเขาอีกลูกหนึ่งที่มีเมฆเป็นไอและเมฆสีดอกกุหลาบ... เขาสวมชุดยาวสีขาวนวลเต็มไปด้วยความหล่อเราเพียงพอจะสร้างความลุ่มหลงให้กับสตรีทั้งโลก

“พี่เย่ ขอแสดงความยินดีกับการกลับมาของเจ้า”

“ใช่ เจ้าทำอะไรกับอี้ชิงอู่เมื่อสี่ปีที่แล้ว” หลี่เทียนเอียงคอด้วยสีหน้าไม่พอใจ

“พวกเจ้าพี่น้องยังไม่ตายอีกหรือ…” เย่ฟ่านหัวเราะ

“ข้าใช้เวลาทั้งวันหมดไปกับการสมสู่กับหญิงสาว คนทั่วโลกเรียกข้าว่าชายผู้ชั่วร้ายและต้องการทุบตีข้าเหมือนหนูวิ่งข้ามถนน อย่างไรก็ตามอี้ชิงอู่สูญเสียความบริสุทธิ์ไปแล้ว เรื่องนี้ไม่สามารถปิดบังข้าได้ และมันต้องถูกเปิดเผยออกไป”

หลี่เทียนมีสีหน้าชั่วร้ายอย่างถึงที่สุด

เย่ฟ่านไม่สนใจที่จะตอบคำถามเหล่านี้ เขาเพียงมุ่งประเด็นไปที่วังไป๋จิงและทุกสิ่งเกี่ยวกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของไท่ชิงและสารภาพกับศิษย์พี่น้องทั้งสองว่าเขาต้องการข้ามทุ่งดวงดาว

“ไอ้สารเลวแซ่เย่เจ้ามีความคิดที่ดีจริงๆ และข้าก็เห็นด้วยกับเจ้า ข้าโหยหาทุ่งดาวหมีใหญ่อยู่เสมอ ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ต้องไปกับเจ้าอย่างแน่นอน”

ดวงตาของหลี่เทียนเป็นประกายเมื่อได้ยินความคิดของเย่ฟ่าน

“ได้ยินว่าสตรีจากเผ่าพันธุ์โบราณมีความงามอย่างน่าเหลือเชื่อ หากได้เสพสมกับพวกนางมันจะทำให้ฐานการบ่มเพาะของข้าแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น ถ้าข้าไปที่นั่นข้าจะกลายเป็นชายที่มีความสุขมากที่สุดในโลกอย่างไม่ต้องสงสัย”

“ข้าเคยได้อ่านบทกวีมาบ้าง มันมีประโยคหนึ่งที่ว่า”คนบางคนมีเพียงราคะอยู่เต็มท้อง”” ตงตงเอียงศีรษะและกล่าวอย่างจริงจัง

“เจ้าหนูนี่มาจากไหน เจ้าเป็นใครถึงกล้าพูดกับข้าแบบนี้” หลี่เทียนแค่นเสียงอย่างเย็นชา

เย่ฟ่านยิ้มและกล่าวว่า “เด็กๆ ชอบพูดความจริงเสมอ”

“คนแซ่เย่เจ้าหมายถึงอะไร” หลี่เทียนดูไม่มีความสุข

“ถ้าเจ้าอยากไปหมีใหญ่กับข้า เจ้าควรนำเตาหลอมเซียนมาด้วย มิเช่นนั้นเจ้าไม่เพียงไม่มีโอกาสได้เสพสมกับหญิงงามเผ่าพันธุ์โบราณ แต่พวกนางจะใช้อาวุธเต๋าสุดขั้วตัดศีรษะของเจ้าด้วย” เย่ฟ่านเปล่าอย่างจริงจัง

“กล่าวตามตรง ข้าก็แค่ชอบหญิงสาวโบราณที่เข้มแข็งเท่านั้น หากพวกนางอ่อนแอเกินไปข้าหลี่เทียนไม่เพียงไม่รู้สึกตื่นเต้นเท่านั้น ข้ายังเกิดความรังเกียจอีกด้วย!” หลี่เทียนกล่าวอย่างหยิ่งยโส

เย่ฟ่านรู้ดีว่าหากเขากลับไปที่โลกอำพรางสวรรค์โดยปราศจากอาวุธป้องกันตัว สุดท้ายมหาอำนาจที่นั่นจะใช้อาวุธเต๋าสุดขั้วฉีกร่างของเขาออกเป็นชิ้นๆ

“นี่คือสายเลือดเดียวที่หลงเหลืออยู่ของจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์แห่งเผ่าพันธุ์มนุษย์ใช่หรือไม่” เอี๋ยนอี้ซียิ้มและลูบศีรษะของตงตง

ไม่ว่าตงตงจะไปที่ใด ผู้คนจะสามารถมองเห็นแสงสีทองจากพลังหยางศักดิ์สิทธิ์ที่แผ่ออกมาจากร่างของเขาได้อย่างชัดเจน

“มันเป็นต้นกล้าที่ดี ถ้าเจ้าฝึกฝนกับข้าสักสองสามปี ข้าเชื่อว่าเจ้าจะไปถึงอาณาจักรสี่สุดขั้วได้อย่างแน่นอน สนใจจะกราบข้าเป็นอาจารย์หรือไม่”

ด้วยใบหน้าที่ดูชั่วร้ายหลี่เทียนลูบศีรษะของเด็กน้อยด้วยความรักเอ็นดูอย่างแท้จริง

อย่างไรก็ตามสีหน้าของตงตงเต็มไปด้วยความขมขื่น เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ต้องการมีอาจารย์ที่ชั่วร้ายแบบนี้

“สีหน้าแบบนี้หมายความว่าอย่างไร เจ้ารู้หรือไม่ว่ามีผู้คนมากมายแค่ไหนที่ต้องการกราบข้าเป็นอาจารย์” หลี่เทียนกล่าว

เย่ฟ่านก้าวไปข้างหน้าและกล่าวว่า “นี่คือผู้สืบทอดของจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์เผ่าพันธุ์มนุษย์ เจ้าอย่าทำเป็นล้อเล่นไป เมื่อเจ้าไปถึงโลกของข้าจะมีผู้ศรัทธาในบรรพชนของเขามากมายฉีกร่างของเจ้าออกเป็นชิ้นๆ”

จากนั้นเขาก็สอบถามสองพี่น้องเกี่ยวกับสถานการณ์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่ชิงโดยละเอียด ก่อนหน้านี้เขาไม่มีโอกาสบุกเข้าสู่วังไป๋จิงในถ้ำเสวียนตูได้

หลี่เทียนกล่าวว่า “ไม่มีใครเคยเข้าไปในสถานที่นั้น มันถูกผูกขาดโดยหยินเทียนเต๋อ ใครกล้าแย่งชิงจะต้องพบกับโชคร้าย เมื่อ 10 กว่าปีที่แล้วมีคนคิดจะทำแบบนี้อยู่บ้าง แต่พวกเขาล้วนถูกสังหารจนหมดสิ้น”

เอี๋ยนอี้ซีกล่าวว่า “ข้ารู้เพียงว่าตอนนี้หยินเทียนเต๋อมีข้ารับใช้สองคน คนหนึ่งถูกเจ้าฆ่าไปแล้ว และอีกคนทำหน้าที่ปรุงยาให้กับเขา ผู้คนเล่าขานว่าเขาขี่วัวสีเขียวไปทางทิศตะวันตกเพื่อพิสูจน์เต๋าแล้ว และตอนนี้ไม่มีใครปกป้องดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่ชิง” หลี่เทียนกล่าว

เย่ฟ่านขมวดคิ้ว คนๆ นี้น่ากลัวจริงๆ เขาสามารถละทิ้งทุกอย่างเพื่อประโยชน์ในการฝึกฝน เขาจะไม่แม้แต่จะล้างแค้นให้กับความตายของน้องชายตัวเองแต่กลับมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันตกเพื่อตามรอยสิ่งมีชีวิตอมตะ

“ต่อให้เขาไม่กลับมา แต่ด้วยศักดิ์ศรีของเขาเพียงเอ่ยปากขึ้นก็จะมีมหาอำนาจมากมายรวมสังหารเจ้าอย่างแน่นอน” หลี่เทียนเย้ยหยัน

สาเหตุที่หยินเทียนเต๋อมีอำนาจมากถึงขนาดนี้นั่นก็เพราะเขาคือบุคคลที่มีโอกาสกลายเป็นสิ่งมีชีวิตอมตะมากที่สุด ดังนั้นกองกำลังจำนวนมากก็เล็งเห็นสถานการณ์นี้เช่นกัน และมันทำให้ไม่มีผู้ใดกล้าต่อต้านเขา

“บางครั้งข้าก็อยากจะสู้กับเขาสักรอบ น่าเสียดายที่ชายคนนี้ขี่วัวสีเขียวมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันตกแล้ว”

“เจ้าไม่ได้สู้กับหยินเทียนเต๋อก็ไม่เป็นไร สู้กับลู่หยาแทนก็ได้ ตอนนี้เขากำลังกำลังมองหาเจ้าไปทุกที่ในเสิ่นโจวตะวันออกด้วยอาวุธปีกสีดำของเขามันเพียงพอจะฉีกร่างของเจ้าออกเป็นร้อยท่อน” เอี๋ยนอี้ซีกล่าว

ลู่หยาเข้าสู่ความสันโดษมาเป็นเวลาสี่ปี เมื่อเขาปรากฏตัวออกมาครั้งนี้เขาได้กลายเป็นอัจฉริยะแปดต้องห้ามแล้วเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงไม่มีความหวาดกลัวเย่ฟ่านแม้แต่น้อย

“ความสัมพันธ์ระหว่างเจ้ากับอี้ชิงอู่คืออะไร เกิดอะไรขึ้นในตอนนั้น? ข้าได้ยินมาว่านางมาที่เสิ่นโจวด้วย” หลี่เทียนยังคงคาดคั้นในเรื่องเดิม

“เมื่อเกิดเหตุการณ์สำคัญขึ้นสุดท้ายนางจะยืนอยู่ข้างเรา ห้ามขัดแย้งกับนางอย่างเด็ดขาด” เย่ฟ่านกล่าว

…….

5 1 โหวต
Article Rating
1 Comment
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด