บทที่ 8 แผนการสร้างโรงเรียน (2)
ท้ายที่สุด จัวหย่วนจึงมาหาเถาเถา
ปี้ลั่วกำลังสวมเสื้อผ้าให้เถาเถา จัวหย่วนเดินมาถึงหน้าบันไดชั้นสองก็ได้ยินเสียงเถาเถาถามปี้ลั่วจากที่ไกลๆ “ปี้ลั่ว อาเยว่มาหรือยัง?”
จัวหย่วนชะงักฝีเท้า
ด้านหลัง ปี้ลั่วตอบรับ “ยังเจ้าค่ะ”
เถาเถากำลังจะร้องไห้อีกครั้ง “แต่ข้าต้องการอาเยว่...แงๆๆ...”
ปี้ลั่วรีบร้อนโอ๋ “หากแม่นางเสิ่นจะมาก็ต้องถามความเห็นจากผู้ดูแลจวนเถาก่อน คุณหนูเก้าสวมเสื้อผ้าให้เสร็จก่อน แล้วบ่าวจะไปหาผู้ดูแลจวนเถาเป็นเพื่อนท่านดีหรือไม่?”
“จริงหรือ?” เถาเถาคล้ายกับว่าจะไม่ร้องไห้แล้ว
จัวหย่วนนึกถึงสิ่งที่เสิ่นเยว่เคยพูดไว้——เถาเถาอายุน้อย ความรู้สึกต้องการพึ่งพาผู้อื่นย่อมมีมากกว่าคนรอบข้าง ตอนที่นางไม่ได้สิ่งที่ต้องการ จึงคุ้นชินกับการใช้วิธีร้องไห้ดึงดูดความสนใจและความสงสารจากผู้อื่น แต่หากพูดคุยกับนางด้วยความใส่ใจ อยู่เป็นเพื่อนนางให้มากสักหน่อย เถาเถาย่อมยินดีที่จะสร้างความเชื่อใจกับผู้อื่น ความรู้สึกปลอดภัยของนางก็จะยิ่งมีมากขึ้น...
เถาเถาเชื่อใจเสิ่นเยว่ ดังนั้นจึงไม่เคยร้องไห้โวยวายต่อหน้าเสิ่นเยว่ และเพราะเชื่อมั่นในตัวนาง จึงรู้สึกว่าปลอดภัยเมื่ออยู่ต่อหน้านาง...
จัวหย่วนนึกถึงเสี่ยวอู่และเสี่ยวชี
เมื่อเสิ่นเยว่มาแล้ว เสี่ยวอู่และเสี่ยวชีจะเป็นเหมือนกันหรือไม่?
เหมือนเขากำลังเหม่อลอย กระทั่งมีเสี่ยวซือเดินมาข้างหน้า “ท่านอ๋อง ผู้ดูแลจวนเถามาหาท่าน บอกว่าแม่นางเสิ่นมาแล้ว...”
เสิ่นเยว่?
เขาประหลาดใจ เมื่อครู่เขาเพิ่งนึกถึงนาง นางก็มาที่จวนอ๋องแล้ว...
เพียงแต่เวลานี้ยังเช้ามากนัก วันนี้ตระกูลเหลียงจะย้ายไปจากเมืองหลวง เหตุใดนางจึงไม่อยู่เป็นเพื่อนคนในครอบครัวให้มาก แต่กลับมาจวนอ๋องในเวลานี้?
จัวหย่วนนึกถึงดวงตาที่สดใสคู่นั้นท่ามกลางฝนตกหนักเมื่อวาน จู่ๆ ก็รู้สึกตกตะลึงอยู่ภายในใจ
“ข้าจะไปเดี๋ยวนี้” จัวหย่วนรับคำ
เสี่ยวซือสาวเท้าเดินไปอย่างรวดเร็ว
……
ในตอนที่จัวหย่วนเดินมาถึงโถงข้าง ก็ได้ยินเสิ่นเยว่พูดกับผู้ดูแลจวนเถา “ขอบคุณผู้ดูแลจวนเถาที่เป็นห่วง ข้าบอกลาคนในครอบครัวแล้วเจ้าค่ะ พวกเขาเดินทางออกจากเมืองหลวงเร็วจึงได้ไปส่งที่ประตูเมืองแล้ว ตอนนี้กลัวเพียงเด็กๆ ในจวนจะตื่นเร็วจึงเดินทางมาก่อน ดูว่าสามารถช่วยอะไรได้หรือไม่...”
น้ำเสียงของนางอบอุ่นและน่าฟัง ราวกับฝนปรอยและสายลมในวสันตฤดูซึมซาบเข้าสู่หัวใจ
ในตอนที่จัวหย่วนเดินเข้าไป ทั้งสองหยุดสนทนาแล้วทำความเคารพต่อเขา
เมื่อวานเสิ่นเยว่เคยแสดงความเคารพต่อเขาแล้ว เพียงแต่ในเวลานั้นนางก้มหน้าตลอดเวลา ดูไม่ค่อยกล้าเงยหน้าขึ้นมาเท่าไร
ตอนนี้กลับสามารถมองมาที่เขาพร้อมลุงเถาได้
เขาแสร้งไม่รับรู้
สิ่งที่ควรถามเมื่อครู่ลุงเถาก็ถามไปหมดแล้ว นางเองก็ตอบไปแล้ว จัวหย่วนจึงไม่ได้ถามอะไรมากอีก เพียงจัดแจงเสื้อผ้าแล้วนั่งลงบนเก้าอี้หลักในโถงข้าง ปรายตามองนาง ถามด้วยท่าทางสงบ “เด็กๆ ในจวนอ๋อง แม่นางเสิ่นเตรียมจะดูแลอย่างไร?”
มะรืนนี้เขาจะไปจากเมืองหลวงแล้ว ควรจะถามให้ชัดเจนจึงจะสามารถวางใจได้
เสิ่นเยว่ยอบตัวลง กล่าวกับจัวหย่วน “มีเด็กอยู่ในจวนจำนวนมาก หากแยกกันดูแลอาจจะดูแลได้ไม่ทั่วถึง ข้าอยากใช้วิธีการเดียวกับที่เคยใช้ในจวนเจ้าเมืองจิ้นโจว คือเลือกสถานที่กว้างขวางและสว่างในจวน สร้างโรงเรียนอนุบาลจวนอ๋อง...”
โรงเรียนอนุบาลจวนอ๋อง?
จัวหย่วนขมวดคิ้วเล็กน้อย
เสิ่นเยว่รู้ว่าในใจเขากำลังสงสัย “ท่านอ๋องเชิญดู”
เสิ่นเยว่พูดจบ เถาตงโจวก้าวมาข้างหน้า นำม้วนกระดาษแผนการคร่าวๆ ที่เสิ่นเยว่เคยให้เขาดูก่อนหน้านี้ยื่นไปตรงหน้าจัวหย่วน จัวหย่วนเปิดด้วยความลังเล
เขาจำตัวหนังสือนางได้
เมื่อวานในตอนที่นางเขียนหนังสือสัญญา เขายืนอยู่ข้างนาง
ม้วนกระดาษถูกเปิดออกจากด้านขวาไปซ้าย สิ่งแรกที่ผ่านเข้ามาในสายตาก็คือ ‘อนุบาลจวนอ๋อง’ สามคำนี้
จัวหย่วนมองมันแวบหนึ่ง ด้านบนยังมีรอยหมึกที่ยังไม่แห้งดี
เขาเข้าใจ แต่ยังคงมองไม่ออก
วันนี้ตระกูลเหลียงจะเดินทางไปจากเมืองหลวง เมื่อคืนจะต้องล่ำลากับคนในครอบครัวจนดึกดื่นอย่างแน่นอน บางทีภาพวาดนี้อาจทำให้ไม่ได้นอนทั้งคืน วันนี้ตอนเช้าก็วาดต่อจนเสร็จ หมึกที่อยู่ด้านบนจึงยังไม่ทันแห้ง
จัวหย่วนไม่แสดงออกว่าเห็นด้วยหรือโต้แย้ง เขากางม้วนกระดาษออก
เสิ่นเยว่จึงพูดต่อ “สร้างโรงเรียนอนุบาลขึ้นในจวนอ๋อง ความปรารถนามีสามประการ เมื่อครู่บอกว่าในจวนอ๋องมีเด็กจำนวนมาก หากแยกกันดูแลอาจจะดูได้ไม่ทั่วถึง หากดูแลรวมกัน ในทางตรงกันข้ามจะดียิ่งกว่า นี่คือประการแรก”
จัวหย่วนมองนาง
เป็นความจริงที่ว่าโมโม่คนก่อนดูแลได้ไม่ทั่วถึง
เสิ่นเยว่กล่าวอีกครั้ง “ประการที่สอง ให้เด็กๆ อยู่รวมกันจะยิ่งทำให้เกิดความเป็นระเบียบเรียบร้อย สร้างกฎเกณฑ์และการสื่อสารได้ง่ายยิ่งขึ้น เด็กที่มีระเบียบจะเป็นผู้นำและคอยเตือนเด็กที่อ่อนในเรื่องความมีระเบียบ และเมื่อเด็กที่อ่อนในเรื่องความมีระเบียบอยู่ในสังคม หากอยากเป็นส่วนหนึ่งในนั้นย่อมต้องปรับตัวให้เข้ากับกฎเกณฑ์และความเป็นระเบียบ อย่างเช่น ในตอนที่ตนเองทำงานจะไม่ถูกรบกวน เมื่อใช้อุปกรณ์และของเล่นเสร็จจะต้องเก็บกลับที่เดิม เมื่ออยู่ในที่สาธารณะจะส่งเสียงดังรบกวนผู้อื่นไม่ได้ และต้องเรียนรู้ที่จะเคารพเด็กคนอื่น...”
ก่อนหน้าจัวหย่วนเพียงดูไปพลาง ฟังไปพลาง แต่เมื่อฟังถึงตรงนี้ สายตาของเขาก็ไม่เคลื่อนไหว ก่อนจะเงยหน้ามองนาง
ดวงตาเสิ่นเยว่ใสแจ๋ว “ประการสุดท้าย การมีปฏิสัมพันธ์ของเด็กเมื่ออยู่ในที่ส่วนตัวและที่สาธารณะ นิสัยและจุดเด่นที่แสดงออกจะไม่เหมือนกัน ทำเช่นนี้จะมีส่วนช่วยในการสังเกตเพื่อรวบรวมนิสัยและการแสดงออกที่แตกต่างกันของพวกเขาได้ เพื่อเป็นแนวทางและเป็นการโน้มน้าวที่ดีกว่า สามารถทำให้พวกเขาได้ใกล้ชิดกับสิ่งที่พวกเขามีความสนใจในชีวิตประจำวันมากขึ้น ดังนั้น...ข้าจึงอยากสร้างโรงเรียนอนุบาลเช่นนี้ในจวนอ๋อง...”
นางหยุดพูดกะทันหัน เขานิ่งชะงักไปโดยไม่ทันรู้ตัว แล้วพูดอย่างอ้ำๆ อึ้งๆ “อืม...”
หลังจากนั้นก็แสร้งก้มหน้าดูแผนภาพในม้วนกระดาษ
นั่นคือ...เห็นด้วยแล้วหรือ?
เสิ่นเยว่คาดเดาไม่ออก ทำได้เพียงมองไปยังผู้ดูแลจวนเถาด้วยสายตาขอความช่วยเหลือ
เห็นเถาตงโจวยิ้มให้อย่างอ่อนโยน ลึกลงไปในใจของเสิ่นเยว่จึงมีความมั่นใจมากขึ้น เห็นสายตาของจัวหย่วนหยุดอยู่ที่แผนภาพบนกระดาษ เสิ่นเยว่จึงอธิบาย “ส่วนหลักของโรงเรียนอนุบาลจะเป็นห้องเรียนที่กว้าง นี่เป็นขอบเขตพื้นฐานของโรงเรียนอนุบาล จำเป็นต้องกว้างและสว่างสักหน่อย ภายในห้องเรียนจะแบ่งเป็นพื้นที่การสอน พื้นที่สัมผัสทั้งห้า พื้นที่กิจวัตรประจำวัน พื้นที่ภาษาและวัฒนธรรม พื้นที่การอ่าน พื้นที่สร้างสรรค์ และพื้นที่งานฝีมือ ทุกเขตพื้นที่ล้วนมีประโยชน์ของตนเอง ภายในห้องเรียนจะไม่มีฉากกำบังสูง เมื่อมองไปแล้วจะได้สะดวกต่อการสังเกตดูเด็กๆ เพื่อความปลอดภัย ทั้งยังสามารถสื่อสารกันได้สะดวก...”
จัวหย่วนวางม้วนกระดาษลง ถูกคำพูดของนางดึงดูดความสนใจไปจนหมดกระทั่งลืมขยับตัว
ขณะที่เสิ่นเยว่พูดถึงสิ่งเหล่านี้ ความมุ่งมั่นและจริงจังที่แสดงออกมาล้วนเป็นความชอบและหลงใหลอย่างแท้จริง...ดังนั้นนางจึงมีความอดทนและกระตือรือร้นต่อเด็กๆ...
ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่าเสิ่นเยว่ในรูปแบบนี้ช่างพิเศษ...
เสิ่นเยว่เองก็มองมาทางเขา กล่าวด้วยความจริงจัง “เด็กๆ จะคุ้นชินกับพื้นที่ที่แตกต่างกันไป ได้ทำการบ้านที่แตกต่างกัน ฝึกสร้างกฎเกณฑ์และความเป็นระเบียบ ข้าเองก็จะช่วยพวกเขาให้ทำงานของตนเองให้สำเร็จ ดังนั้นเวลาในหนึ่งวันของโรงเรียนอนุบาลจะแบ่งเป็นหลายชั่วโมง...”