บทที่ 72 ข้อมูลถูกเปิดเผย
หลินเป้ยสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น
แต่ไม่นาน เขาก็รู้ว่าเกิดอะไร เมื่อเขานึกถึงรูปแบบของคนกลุ่มนี้
ไม่ดวงดี ก็ต้องโชคร้าย เมื่อเจอคนพวกนั้น
"ช่างมันเถอะ สาวน้อย ครั้งนี้เจ้าโชคดี" หลินเป้ยคิดกับตัวเอง
หญิงสาววิ่งไปยังทิศทางของหลินเป้ย หากนางไม่จงใจอ้อม ทั้งสองก็จะพบกันได้อย่างง่ายดาย
ตอนนี้เขาได้พบกับทีมนักรบรับจ้างสีโลหิต ก็ห้ามโทษว่าหลินเป้ยเป็นคนหยาบคาย
ด้วยความคิดในใจของหลินเป้ย ราชาหมาป่าสีครามตัวอื่นๆ ก็มารวมตัวกันที่ด้านข้างของเขา
หลินเป้ยต้องการที่จะจัดการกับนักรบรับจ้างกลุ่มนี้ เขาไม่ได้ตั้งใจที่จะปล่อยให้คนเหล่านี้รอดกลับไป
สำหรับหญิงสาวผู้นี้ หลินเป้ยเคยได้กำไรจากนางมาก่อน
ดังนั้นเขาจึงช่วยนางไว้ครั้งหนึ่ง และถือว่าเป็นการชดใช้ให้ ในเรื่องที่ผ่านมา!
หนิงเสวี่ยรู้สึกกระวนกระวายในขณะที่วิ่ง ใครจะรู้ว่าในตอนเช้าตรู่ นางจะได้พบกับทีมนักรบรับจ้างสีโลหิต ซึ่งมีรูปเหมือนของนาง และจำนางได้ในทันที
หนิงเสวี่ยเป็นเพียงนักรบแท้จริงขั้น 3 ฝั่งตรงข้ามมีนักรบแท้จริงมากกว่าหนึ่งโหล
หนิงเสวี่ยไม่สามารถเป็นคู่ต่อสู้ได้เลย ดังนั้นนางจึงได้แต่วิ่งหนี
สำหรับไพ่ตายบางอย่าง นางใช้จนเกือบหมดแล้ว
นางไม่ต้องการใช้มันโดยไม่เลือกหน้า ถ้าไม่จำเป็น
พระเจ้ารู้ดีว่า ในอนาคตนางจะเจออันตรายแบบไหน?
แม้ว่ายันต์ธาตุลมจะเร่งความเร็วของนางได้ แต่ก็กินปราณที่แท้จริงเป็นจำนวนมาก
นางรู้สึกว่าปราณที่แท้จริงกำลังถูกใช้อย่างรวดเร็ว ถ้ายังเป็นเช่นนี้ต่อไป นางจะตกอยู่ในเงื้อมมือของคนเหล่านี้ได้อย่างง่ายดาย
เมื่อนางรู้สึกกระวนกระวายใจ นางสังเกตเห็นคนๆ หนึ่งปรากฏตัวต่อหน้านาง
เมื่อเห็นคนๆ นี้หนิงเสวี่ยตระหนักได้ว่า แท้จริงแล้วคือชายหนุ่มคนเมื่อวาน
เมื่อนางเห็นหลินเป้ย นางก็โกรธ!
แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาโต้เถียง นางยังคงตะโกนใส่หลินเป้ยด้วยมนุษยธรรม: "รีบหนีไป ทีมนักรบรับจ้างสีโลหิตกำลังมา"
หลังจากที่หนิงเสวี่ยพูดจบ นางเห็นว่าหลินเป้ยไม่เคลื่อนไหว
เขามองนางด้วยรอยยิ้มที่มุมปาก
“ไอ้สารเลว ถ้าเจ้าไม่หนี เจ้าจะตายแน่นอน อย่าโทษมาข้าแล้วกัน”หนิงเสวี่ยโกรธมาก และไม่ต้องการคุยกับหลินเป้ยอีกต่อไป
ยังไงก็ตาม นางเตือนหลินเป้ยไปแล้ว
“เสี่ยวเฮยไปข้างหน้า และหยุดกลุ่มคนเหล่านั้น” หลินเป้ยตบเสี่ยวเฮยที่อยู่ข้างๆ เขา
“วู้วว!” ราชาหมาป่าสีครามร้องโหยหวน กระโดดขึ้นและวิ่งตรงไปด้านหลังหนิงเสวี่ย
“กรี๊ด!” ใบหน้าของหนิงเสวี่ยซีดลง เมื่อเห็นราชาหมาป่าสีครามตัวใหญ่ ที่ออกมาอย่างกะทันหันและวิ่งมาหานาง
ตอนนี้ มีราชาหมาป่าสีครามอยู่ข้างหน้า และนักรบรับจ้างสีโลหิตอยู่ด้านหลัง
ตอนนี้ นางอยู่ในสถานการณ์ที่สิ้นหวังจริงๆ
รัศมีปราณอันทรงพลังของเสี่ยวเฮยเปล่งออกมา และหนิงเสวี่ยสามารถสัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งของเสี่ยวเฮยได้อย่างชัดเจน
มันเป็นสัตว์อสูรระดับ 3 อย่างแน่นอน ราชาหมาป่าสีคราม
"ไม่ หมาป่าสีครามตัวนี้ กระโดดออกมาจากเติ้งถู่จื่อตัวนั้น ถ้ามันจะกินคน มันต้องกินเติ้งถู่จื่อตัวนั้นก่อน" หนิงเสวี่ยดูเหมือนจะค้นพบบางอย่าง
(เติ้งถู่จื่อ 登徒子 dēng tú zǐ คำเรียกคนมักมากในกาม หรือ คนเจ้าชู้)
หนิงเสวี่ยเห็นว่า นางไม่สามารถหลบหนีได้ ราชาหมาป่าครามแข็งแกร่งกว่านางมาก และมันก็ยังเป็นสัตว์อสูรที่ว่องไว นางไม่สามารถเป็นคู่ต่อสู้ได้เลย
ดังนั้นนางจึงต้องยอมรับชะตากรรมของนาง และหยุดวิ่ง
หลังจากวิ่งเป็นเวลานาน นางเหนื่อยเกินกว่าจะหายใจได้
เสี่ยวเฮยเดินผ่านหนิงเสวี่ย โดยไม่แม้แต่จะมองนาง และมาด้านหลังหนิงเสวี่ยทันที
ในเวลานี้ เหล่านักรบรับจ้างสีโลหิตก็ตามมาทัน และเห็นราชาหมาป่าสีครามปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขา
มันเปล่งออร่าปราณอันทรงพลัง ซึ่งทำให้ใบหน้าของคนเหล่านั้นเปลี่ยนไป
นี่คือสัตว์อสูรระดับ 3 ทำไมหมาป่าสีคราม ถึงไม่จัดการกับลูกไก่ตัวนั้น?
ทำไมมันตรงมาหยุดพวกเขาแทน?
เหล่านักรบรับจ้างสีโลหิตหยุด และมองไปที่เสี่ยวเฮยด้วยใบหน้าระแวดระวัง
นักรบแท้มากกว่าหนึ่งโหลที่ผนึกกำลังกัน อาจไม่กลัวสัตว์อสูรระดับ 3 ในบริเวณนี้
หากเป็นสัตว์อสูรระดับ 3 หนึ่งหรือสองตัว พวกเขาสามารถจัดการกับมันด้วยกันได้
แต่พวกเขากังวลว่า อีกฝ่ายจะเป็นสัตว์อสูรระดับ 3 ขั้น 9 หรือ ขั้น 10 ซึ่งเกือบจะเป็นสัตว์อสูรระดับ 4 และความแข็งแกร่งของมัน ก็ทรงพลังอย่างมาก
ฐานการบ่มเพาะของพวกเขาไม่แข็งแกร่งพอ พวกเขาเป็นเพียงนักรบแท้จริง และพวกเขารู้สึกได้เพียงว่าเสี่ยวเฮยเป็นสัตว์อสูรระดับ 3 สำหรับขั้นเฉพาะ พวกเขาไม่รู้!?
ในความเป็นจริงเสี่ยวเฮยเพิ่งก้าวเข้าสู่ระดับ 3 ขั้น 6
บางครั้งหลินเป้ยจะพาเสี่ยวเฮยเข้าไปในบ้านสัตว์อสูร ซึ่งมันจะมีเวลามากขึ้นในการฝึกฝน และด้วยทรัพยากรจำนวนมาก
ดังนั้นเสี่ยวเฮย จึงมีความแข็งแกร่งรวดเร็วกว่าหลินเป้ยมาก!
ตอนนี้ แหล่งประสบการณ์หลักของหลินเป้ย คือการล่าสัตว์อสูรเท่านั้น
“หัวหน้าทีม ดูนั่นสิ นั่นใช่หลินเป้ยหรือเปล่า” มีคนชี้ไปที่หลินเป้ยที่อยู่ไม่ไกล
“จริงด้วย ข้าไม่คาดคิดมาก่อนว่าเราจะพบหลินเป้ยที่นี่ หลังจากค้นหาเขามานาน” หัวหน้าทีมกล่าว
จงหมิงได้ส่งข้อมูลของหลินเป้ย ไปยังผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาแล้ว
ดังนั้นทุกคนจึงรู้ว่า บุคคลที่พวกเขาติดตามอยู่นั้นมีชื่อว่าหลินเป้ย
“อย่างไรก็ตาม เราจะจัดการกับราชาหมาป่าสีครามต่อหน้าเราอย่างไรดี?” ใครบางคนพูดขึ้นมา
หนิงเสวี่ยก็ตกตะลึงเช่นกัน ราชาหมาป่าสีครามตัวนี้ ช่วยนางหยุดคนเหล่านั้นได้จริงๆ
ดังนั้นพวกนักรบรับจ้างสีโลหิต จึงไม่กล้าก้าวไปข้างหน้า
“เจ้าทำอะไรอยู่ มาที่นี่เร็วๆเข้า!”หลินเป้ยพูดกับหนิงเสวี่ย
หนิงเสวี่ยงุนงงเล็กน้อย แต่นางก็ยังมาด้านข้างของหลินเป้ย
แต่นางดูไม่เป็นมิตร เมื่อนางจ้องมองเขา
“นั่นคือสัตว์เลี้ยงจิตวิญญาณของเจ้าหรือ?”หนิงเสวี่ยถาม
ในความเป็นจริง ในสถานการณ์ปัจจุบัน เป็นไปได้มากว่า ราชาหมาป่าสีคราม จะสัตว์เลี้ยงจิตวิญาญาณของหลินเป้ย
“ใช่แล้ว นี่คือสัตว์เลี้ยงจิตวิญญาณของข้าจริงๆ”หลินเป้ยพยักหน้า
“ฮึ่ม อย่าคิดว่าถ้าเจ้ามีสัตว์เลี้ยงจิตวิญญาณระดับ 3 ข้าจะไม่กล้าสะสางบัญชีกับเจ้า บัญชีระหว่างเราจะตกลงกันในภายหลัง” หนิงเสวี่ยตะคอก
“ข้าบอกว่าแล้วว่าเป้นเรื่องเข้าใจผิด ตอนนี้ข้าไม่ช่วยเจ้า? หลังจากช่วยเจ้าแล้ว ข้าไม่ต้องการติดค้างเจ้า แค่เจ้าอย่าถือสาเรื่องนั้น แต่ถ้าเจ้าคิดว่า มันเป็นการสูญเสีย ข้าจะแก้ผ้าให้เจ้าดู!”หลินเป้ยกล่าวด้วยอาการปวดหัว
“เจ้ามัน….เติ้งถู่จื่อ!” หนิงเสวี่ยหน้าแดง ใบหน้าของนางแดงก่ำ
ในเวลานี้ นักรบรับจ้างเหล่านั้น ก็สังเกตเห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติ และพวกเขารู้ว่า นี่คือสัตว์เลี้ยงจิตวิญญาณของหลินเป้ย
ไม่แปลกใจเลย ที่ผู้อาวุโสฉินหลินเคยประสบความสูญเสียครั้งใหญ่มาก่อน
ผู้อาวุโสฉินหลินบอกว่า เขาพบกับหมาป่าสีครามขวางทางเขา
อย่างไรก็ตาม มีราชาหมาป่าสีครามเพียงตัวเดียวต่อหน้าพวกเขา และมีนักรบแท้จริงที่แข็งแกร่งมากกว่าหนึ่งโหลอยู่ข้างพวกเขา
ดังนั้นพวกเขาหลายคน จึงเพียงพอที่จะจัดการกับราชาหมาป่าสีครามหนึ่งตัว
ราชาหมาป่าสีครามก็มีเลือดและเนื้อ อาวุธวิญญาณในมือของพวกมัน สามารถทำร้ายราชาหมาป่าสีครามได้
แม้ว่าเจ้าจะจ่ายในราคาของคนไม่กี่คน ตราบใดที่สามารถสังหารราชาหมาป่าสีครามได้ การสูญเสียนี้ก็ไม่มีค่าอะไรเลย
เจ้ารู้ไหม จงหมิงเสนอรางวัล ใครก็ตามที่สามารถสังหารหลินเป้ยได้ จะได้รับรางวัล 150,000 ตำลึง
หลินเป้ยคุ้มค่ากับการตาย ของสมาชิกนักรบรับจ้างสีโลหิตหลายสิบคน
ภายใต้รางวัลอันหนักหน่วง จะต้องมีผู้กล้า และสมาชิกนักรบรับจ้างสีโลหิตที่อยู่ภายใต้เขา จะจัดการกับหลินเป้ยอย่างแน่นอน
150,000 ตำลึง เป็นจำนวนเงินมหาศาลสำหรับคนเหล่านี้ ในขอบเขตนักรบแท้จริง
"หลินเป้ย ข้าแนะนำให้เจ้าตรมเรากลับไปกับ เพื่อพบกับนายน้อยสามของเรา ในกรณีนี้ยังมีความเป็นไปได้ที่เจ้าจะมีชีวิตรอด มิฉะนั้น ถ้าเจ้าทำให้เราขุ่นเคือง เจ้าไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากความตาย!” หัวหน้าทีมตะโกนข่มขู่
“โอ้ เจ้ารู้จักชื่อของข้าด้วย ดูเหมือนว่าความสามารถทางสติปัญญาของเจ้าจะไม่เลว”หลินเป้ยยิ้มเบาๆ
หากอีกฝ่ายสามารถเรียกชื่อเขาได้ แสดงว่ากลุ่มนักรบรับจ้างสีโลหิต รู้ตัวตนของเขาแล้ว
ตามสไตล์ของกลุ่มนักรบรับจ้างสีโลหิต พวกมันควรจะคุกคามตระกูลหลิน ในไม่ช้าใช่ไหม?
หากตระกูลหลิน ไม่ให้ความร่วมมือ พวกเขาจะนองเลือดตระกูลหลิน
ซึ่งเป็นสิ่งที่กลุ่มนักรบรับจ้างสีโลหิตเคยทำมาก่อน
กองกำลังจำนวนมาก ไม่เต็มใจที่จะรุกรานกลุ่มนักรบรับจ้างสีโลหิต และส่งมอบคนในตระกูลที่รุกรานเพื่อรักษาตระกูลไว้!