บทที่ 7 เลื่อนขั้น
เมื่อฉินชิงกินอาหารเสร็จแล้วก็ทำตัวเป็นเหมือนปลาเค็ม แม้แต่พลิกตัวก็ยังไม่อยากทำ ฉินชิงรู้สึกว่าตัวเองต้องพักผ่อนสักสองวันแล้ว
แต่กระนั้นฉินชิงจะพักผ่อนได้อย่างไร เพราะรางวัลที่ฮ่องเต้มอบให้ฉินชิงมาแล้ว ผู้ที่นำมาก็คือจางเต๋อจงกงกงที่อยู่ข้างกายฮ่องเต้
เมื่อเห็นจางเต๋อจง ฉินชิงก็รู้ว่าเมื่อวานนี้ตนได้ทำให้ฮ่องเต้พอพระทัย รางวัลที่จางกงกงมามอบให้ด้วยตัวเองนั้นต้องมีไม่น้อยแน่นอน
ฉินชิงจึงเตรียมตัวจะออกไปต้อนรับกงกงท่านนี้
ประโยคแรกของจางเต๋อจงเมื่อเห็นฉินชิงก็คือ “เสียวจู่ มีเรื่องที่น่ายินดี เตรียมรับราชโองการ”
เมื่อเห็นฉินชิงเตรียมพร้อมแล้ว จางเต๋อจงจึงเริ่มอ่าน
“ด้วยโองการแห่งฟ้า ฮ่องเต้มีบัญชา พระสนมเจาเป็นผู้มีจิตใจเบิกบาน เป็นผู้มีมารยาท เจิ้น [1] ประทับใจอย่างยิ่ง แต่งตั้งให้เป็นกุ้ยผิน [2] มอบหยกหรูอี้ [3] หนึ่งคู่ ผ้าไหมอวิ๋นจิ่น [4] สองพับ ผ้าแพรต่วนหกพับ ผ้าฮ่วนฮวา [5] หกพับ ไข่มุกเหอผู่ [6] ปิ่นทองคำนกกระเรียนหัวแดงหนึ่งอัน หินปะการังแดงหนึ่งชิ้น”
เมื่อฉินชิงได้ยินเช่นนั้นก็คิดว่าตนฟังผิดไปหรือไม่ ตามหลักแล้วควรเลื่อนขั้นไปทีละขั้นไม่ใช่หรือ? เหตุใดนางถึงได้เลื่อนสองขั้นในคราวเดียว
ตอนที่จางเต๋อจงแสดงความยินดีกับฉินชิง นางถึงได้สติกลับมา ฮ่องเต้ไม่เพียงพอพระทัยเท่านั้น แต่ยังพอพระทัยมาก กระทั่งมอบตำแหน่งกุ้ยผินให้นาง
ขณะที่ฉินชิงกำลังมองไปที่จางเต๋อจง ก็รู้ว่าตนอาจจะกำลังเลื่อนขั้นแล้ว ในใจก็รู้สึกดีใจไม่น้อย การเลื่อนขั้นในต้าเหลียงนั้นไม่ง่าย ตอนที่ฮ่องเต้องค์ก่อนยังมีชีวิตอยู่ บางคนต้องอยู่ในวังนานถึงสิบปีถึงจะได้เลื่อนขั้น บางคนต้องให้กำเนิดบุตรก่อน ต้องมีองค์ชายองค์หญิงเป็นทายาทถึงจะได้เลื่อนขั้น
แม้จะบอกว่าตำแหน่งนี้สำหรับชาติกำเนิดของนางไม่นับว่าต่ำต้อย แต่ก็ยังไม่นับว่าสูงแต่อย่างใด ในวังยังมีพระสนมระดับสูงอีกสี่คน พระสนมหนิง พระสนมตวน พระสนมเค่อ พระสนมเยว่ และยังมีเฟยกับกุ้ยเฟยที่สูงขึ้นกว่านั้นอีก
ได้รับตำแหน่งกุ้ยผินในคราวเดียว เหมือนกับยัดเยียดตำแหน่งพระสนมระดับสูงให้นาง แต่กระนั้นฉินชิงก็มีความสุขดี นางพยายามปรนนิบัติฝ่าบาททั้งคืนจึงได้ตำแหน่งกุ้ยผินมาตอบแทน การซื้อขายนี้ไม่ขาดทุน
ปฏิกิริยาของฉินชิงคือการยิ้มให้จางเต๋อจงแล้วกล่าวว่า “เป็นเรื่องดีจริงๆ รบกวนกงกงกลับไปทูลฝ่าบาทว่าข้าดีใจมาก”
จากนั้นฉินชิงก็หยิบถุงเงินเต็มถุงให้จางเต๋อจง จางเต๋อจงรับไปและชั่งน้ำหนัก มันหนักมาก เมื่อรับไปแล้วจึงกล่าว
“บ่าวจะนำไปบอกแทนท่านแน่นอน เหนียงเหนียงท่านวางใจได้”
และเมื่อจางเต๋อจงมาถึงก็ทูลเรื่องก่อนหน้านี้ให้ฮ่องเต้ฟัง
“นางพูดอย่างนั้นจริงๆ หรือ?”
“ฝ่าบาท จริงเสียยิ่งกว่าจริงพ่ะย่ะค่ะ” เขาจะกล้าโกหกฮ่องเต้ได้อย่างไร?
เมื่อฮ่องเต้ได้ยินว่าฉินชิงดีใจ ก็รู้สึกว่าตนมีความสุขเล็กๆ อย่างบอกไม่ถูก แม้แต่หู้ปู้ [7] ที่มาร้องไห้กับตนก็ยังรู้สึกว่าไม่น่ารำคาญขนาดนั้น
เดิมทีเขาอยากเลื่อนขั้นให้ฉินชิงเพียงขั้นเดียวเท่านั้น แต่เมื่อนึกถึงเมื่อวาน ตอนที่เขาเข้าไปในตำหนักจงชุ่ยก็รู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก และฉินชิงก็ทำให้เขารู้สึกผ่อนคลาย ทั้งเมื่อคืนนี้ฉินชิงก็ทำให้เขารู้สึกพอใจอยู่นาน
เพราะความสุขชั่วขณะ เขาจึงแต่งตั้งให้นางเป็นกุ้ยผิน เมื่อคิดภาพว่านางกำลังดีใจ การเลื่อนขั้นสองครั้งในคราวเดียวนับว่าคุ้มค่ามาก
เมื่อส่งจางเต๋อจงกลับไป ฉินชิงก็เริ่มมองดูของขวัญที่ฮ่องเต้ประทานให้ ทุกชิ้นล้วนแต่เป็นของคุณภาพดี หยกหรูอี้ใช้หยกขาวไขเนื้อแกะ ละเอียดอ่อน เปล่งประกาย และเมื่ออยู่ในมือก็รู้สึกอ่อนโยน
ผ้าอวิ๋นจิ่น ที่เรียกอีกอย่างว่าชุ่นจิ่นชุ่นจิน เป็นของที่หายากมาก สีสันสดใสเป็นประกาย งดงามเหมือนก้อนเมฆบนท้องฟ้า ผ้าแพรต่วนเป็นผ้าไหมที่วังหลังแคว้นต้าเหลียงนิยมใช้กันมาก สีสันสดใส เข้ากับสีอะไรก็ได้ และเป็นที่ชื่นชอบของเหล่าพระสนม
ผ้าฮ่วนฮวาเป็นลวดลายระลอกคลื่นผสมกับดอกไม้ที่ร่วงหล่นลงไป ใช้วัสดุชั้นดี
ฉินชิงรู้สึกสงสัยว่าฮ่องเต้คิดว่านางเป็นห้องเย็บปักถักร้อยหรือ ถึงได้ส่งผ้ามาเยอะแยะขนาดนี้ แม้ว่านางจะคิดหยอกล้อฮ่องเต้เช่นนั้น แต่ในใจของฉินชิงก็พอใจอย่างยิ่ง ถึงอย่างไร ใครบ้างไม่ชอบเสื้อผ้าใหม่
นอกจากของรางวัลและตำแหน่งที่ฮ่องเต้มอบให้แล้ว ยังมีของอีกเล็กน้อยอันเป็นสิ่งที่กุ้ยผินอย่างนางต้องมีถูกส่งมาเช่นกัน ทั้งชุดที่ใช้สวมเวลาไปงานเลี้ยงพระราชวัง ตราประทับทองคำ และของใช้ที่ฐานะกุ้ยผินของนางต้องมี ทุกอย่างวางอยู่ในกล่องสิบกว่ากล่องตรงหน้าของนาง
ฉินชิงต้องจดบันทึกรายการเหล่านี้และสร้างเป็นสมุด จากนั้นก็จัดให้เป็นหมวดหมู่และเก็บเข้าคลัง
เกรงว่าคงไม่ได้มีแค่ของพวกนี้ ราชโองการของฮ่องเต้เพิ่งมาถึง พระสนมคนอื่นๆ ก็คงรู้ ต่อให้ไม่ยินดีพวกนางก็จะส่งของขวัญมาแสดงความยินดีกับนาง
ในตำหนักคุนหนิงของฮองเฮา เมื่อนางสนมชั้นล่างได้ยินข่าวนี้ก็รีบนำข่าวมาบอกฮองเฮาทันที
“เหนียงเหนียง สนมในตำหนักจงชุ่ยผู้นั้นได้รับเลื่อนสองขั้นในคราวเดียว”
“ดูเหมือนว่าน้องเจาจะมีความสามารถมาก แค่ครั้งเดียวก็ทำให้ฝ่าบาทชอบได้ขนาดนี้ สั่งให้คนนำของขวัญมากมายไปมอบให้”
ในเวลาเดียวกัน เจิ้งกุ้ยเฟยก็เอ่ยขึ้น
“นางเพิ่งจะเข้ามาในวัง แต่กลับได้เลื่อนขั้นสองขั้นในคราวเดียว คิดจะให้นางขึ้นสวรรค์เลยหรืออย่างไร?” พูดไปก็ยกถ้วยชาโยนลงที่พื้น
“เหนียงเหนียง ก็แค่กุ้ยผินเท่านั้น นางยังไม่สูงเกินท่านเลย โปรดระงับโทสะก่อน” ชุนเถาที่อยู่ข้างๆ นางยื่นถ้วยชาให้และเอ่ยปลอบใจ
พระสนมหรงไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไรมากนัก เพียงพูดอย่างเย็นชา “ดูซิว่านางจะภูมิใจได้นานแค่ไหน”
สนมโหลวก็ไม่ได้ตอบอะไรมาก “หากไม่มีพระสนมหรงก็ยังมีคนอื่น และจะมีคนต่อๆ ไป ถึงอย่างไรดอกไม้ก็เบ่งบานเป็นร้อยวัน”
ตอนบ่าย ทุกตำหนักก็ส่งของขวัญมาให้เต็มคลัง
ฉินชิงคิดในใจ ไม่น่าล่ะถึงได้มีคนอยากเลื่อนขั้นกันนัก เพราะมีผลประโยชน์ไม่น้อยนี่เอง แค่ของขวัญที่ส่งมายินดีก็มากกว่าของฮ่องเต้สามเท่า แม้จะเป็นของที่ล้ำค่าหายากแต่ก็เทียบไม่ได้กับของขวัญของฮ่องเต้ แต่ถ้าพูดถึงแง่ปริมาณก็ชนะขาดลอย
แม้ว่าฉินชิงจะไม่ได้ทำเอง แต่แค่มองก็รู้ว่าลำบาก นางเพิ่งจะเข้าวัง ของเหล่านี้จึงดูค่อนข้างเยอะ ถ้ามีคนมาจัดการ เช่นนั้นคงลำบากไม่น้อย
หลังจากจัดการเสร็จแล้ว ฉินชิงก็รู้สึกว่าตนเหนื่อยมาก
นอนลงบนเตียง และให้หยินผิงนวดให้
“หยินผิง พรุ่งนี้เจ้าไปตรวจสอบของพวกนั้นอีกที ถ้ามีอันไหนที่มีปัญหาก็เก็บไว้ในกล่องและเอาไว้ด้านในสุดของคลัง
“เพคะ เหนียงเหนียง”
ฉินชิงรู้สึกว่าฝีมือการนวดของหยินผิงนั้นไม่เลว นวดไปได้สักพักนางก็รู้สึกสบายตัว
และก็ได้เวลาอาหารเย็น วันนี้อาหารหลักของห้องเครื่องที่ส่งมาเป็นเป็ดเค็ม หนังเป็ดขาวและนุ่ม มีมันแต่ไม่เลี่ยน หอมอร่อย อาหารจานนี้ได้ครอบครองคำว่าสด อร่อย กรอบ สามคำนี้ไปเต็มๆ ฉินชิงกินเป็ดไปได้ครึ่งตัว
นางกินจนพุงกางก็รู้สึกอิ่มแล้ว
เมื่อกินอิ่มแล้วก็นึกถึงเรื่องอื่น อย่างเช่นฮ่องเต้ ฮองเฮา และสนมคนอื่นๆ
ฉินชิงรู้สึกว่าการกระทำของฮ่องเต้เมื่อวานนี้แตกต่างไปจากที่นางคิดเอาไว้มาก
ตอนนั้นฮ่องเต้องค์ใหม่ได้ขึ้นครองราชย์ เรื่องน้อยใหญ่มากมายได้รบกวนเขา แต่เขาก็จัดการอย่างรวดเร็ว คนที่ควรลงโทษก็ลงโทษ สอบสวนก็ควรสอบสวน และในเวลาไม่นานขุนนางที่ไม่ซื่อสัตย์ในราชสำนักทุกคนก็ถูกกำจัดด้วยวิธีการอันเหี้ยมโหด
ส่วนเรื่องในวังหลัง ตอนที่อยู่ในจวนอ๋องก็ยุ่งกับงานในราชสำนัก หลังจากเข้าวังเวลาจะคุยแทบไม่มี เมื่อขึ้นครองราชย์ทุกอย่างก็วุ่นวายไปหมด เขาจึงไม่สนใจดูแลเรื่องในวังหลัง ทั้งหมดมอบให้ฮองเฮาเป็นคนดูแล
ฮ่องเต้เช่นนี้ ช่างแตกต่างจากคนที่นางเพิ่งพบเมื่อวาน
ฮองเฮาเป็นสตรีตามมาตรฐานของตระกูลใหญ่ อีกทั้งนางได้รับการอบรมสั่งสอนตามมาตรฐานมาตั้งแต่เล็กจนโต นางจะไม่หึงหวงเมื่อสามีรับสนมเพิ่ม กระทั่งหาสนมให้เขาเมื่อมีจำนวนไม่เพียงพอ ฮองเฮาสนับสนุนการคัดเลือกหญิงงาม หากไม่มีปัญหาทางสุขภาพ นางก็จะไม่ขาดงานคัดเลือกในท้องพระโรง
แม้ว่าฉินชิงจะถูกแม่สอนตามมาตรฐานของชายาเอก แต่นางก็ไม่เคยคิดจะหาอนุให้สามี มีนางคนเดียวก็พอแล้ว นางยอมให้สามีมีคนรักเก่าได้ แต่ถ้าตอนที่มีนางแล้ว ห้ามมีเล็กมีน้อยเป็นอันขาด
แน่นอน ความปรารถนาก็เป็นอีกเรื่อง อย่างเช่นในตอนนี้นางก็กำลังปรารถนาฮ่องเต้ ถ้านางสามารถได้รับอ้อมกอดจากบุรุษทั้งทางซ้ายและขวา ขยายวังหลังให้ใหญ่ขึ้น นางไม่มีทางปล่อยหูเกอ เฉินเสี่ยว จูอี้หลง เซียวจ้าน และคนอื่นๆ ไปแน่นอน ด้วยความงามของฮ่องเต้ เป็นกุ้ยเฟยก็นับว่าเหมาะสม [8]
ส่วนสนมคนอื่นๆ ฉินชิงมีเพียงความคิดเดียว ข้าไม่ล่วงเกินเจ้า เจ้าก็อย่ามาล่วงเกินข้า ถ้าใครล่วงเกินนาง นางไม่มีทางเกรงใจอย่างแน่นอน
-----------------------------------------
(1) เจิ้น หมายถึง สรรพนามที่ฮ่องเต้ใช้เรียกแทนตัวเอง
(2) กุ้ยผิน หมายถึง สนมผู้สูงศักดิ์
(3) หยกหรูอี้ หมายถึง หยกที่เป็นสัญลักษณ์มงคล เชื่อว่าจะนำความโชคดีมาให้ผู้ครอบครอง
(4) ผ้าไหมอวิ๋นจิ่น หมายถึง ผ้าไหมหนึ่งในสี่ศิลปะผ้าปักดอกอันเลื่องชื่อของประเทศจีน
(5) ผ้าฮ่วนฮวา หมายถึง ผ้าไหมที่มีลวดลายระลอกคลื่นน้ำ ดึงดูดความสนใจจากผู้คนในช่วงราชวงศ์ซ่ง
(6) ไข่มุกเหอผู่ หมายถึง เป็นไข่มุกที่กลมเกลี้ยงและมีขนาดใหญ่มาจากอำเภอเหอผู่ จึงชื่อว่า ไข่มุกเหอผู่
(7) หู้ปู้ เสนาบดีกรมคลัง ทำหน้าหน้าที่ดูแลการจัดเก็บภาษี รายได้แผ่นดิน และเบิกจ่ายงบประมาณไปยังสำนัก
(8) ฉินชิงเปรียบเทียบว่า แม้นางจะไม่อยากให้สามีมีอนุ แต่เรื่องความปรารถนาก็เป็นอีกเรื่อง เพราะหากนางมีฮาเร็มได้ นางก็จะรับชายรูปงามอย่างฮ่องเต้เข้ามาเป็นหนึ่งในฮาเร็มของนางเช่นกัน ส่วนชื่ออื่นๆ ที่ปรากฏ เป็นชื่อดาราจีนในยุคปัจจุบัน