บทที่ 4 ผักเพื่อนรัก
เมื่อเดินมาถึงสวนเถาฮวา สาวใช้ที่ยกถ้วยล้างปากออกมาก็มองเห็นจัวหย่วนจากที่ไกลๆ นางจึงยกถาดเดินถอยหลบเข้ามุมแล้วยอบตัวทำความเคารพจัวหย่วน เรียกขานเสียงเบา “ท่านอ๋อง”
“เถาเถานอนหรือยัง?” จัวหย่วนเอ่ยถาม
สาวใช้ตอบรับ “คุณหนูเก้าเพิ่งรับประทานผลไม้ไป ล้างปากแล้วและเพิ่งนอนลง กำลังพูดคุยกับแม่นางเสิ่นอยู่ในห้องเจ้าค่ะ...”
ห้องหลักของสวนเถาฮวามีรูปแบบแบ่งเป็นชั้นบนชั้นล่าง ห้องหอด้านนอกอยู่ชั้นล่าง ห้องด้านในอยู่ชั้นที่สอง สาวใช้เพิ่งพูดจบก็ได้ยินเสียงหัวเราะของเถาเถาดังมาจากชั้นบน
ต่อมาก็ได้ยินอีกเสียงที่นุ่มนวล เพียงแต่เป็นเพราะอยู่ค่อนข้างไกล จัวหย่วนจึงได้ยินไม่ชัด แต่อยู่ที่เดียวกันกับเสียงหัวเราะที่ใสกังวานของเถาเถา ทำให้ผู้ที่ได้ยินรู้สึกเหมือนนั่งอยู่ท่ามกลางลมวสันตฤดู
สายตาจัวหย่วนสั่นไหวเล็กน้อย
“ออกไปเถอะ” จัวหย่วนออกคำสั่ง
สาวใช้ยอบตัวทำความเคารพต่อเขา ยกถ้วยล้างปากเดินออกไปจากหอด้านนอก
ชั้นบนมีเสียงพูดคุยปนเสียงหัวเราะดังลอยมา แต่กลับไม่ดังเช่นก่อนหน้า คงจะนอนแล้ว แต่ยังพูดคุยกันด้วยเสียงที่เบา
เถาเถาเป็นเด็กที่ชอบร้องไห้มากที่สุด ไม่ว่าทำอะไรก็ชอบร้องไห้ และเป็นเพราะชอบร้องไห้ เสี่ยวลิ่วจึงไม่ค่อยเต็มใจที่จะเล่นกับนาง ที่เหลือก็มีเพียงเสี่ยวอู่ พี่ชายไม่กี่คน ดังนั้นในจวนเถาเถาจึงกลายเป็นคนที่ถูกตามใจ
ภายใต้ความรู้สึกสงสัย จัวหย่วนเดินไปอย่างเงียบๆ ค่อยๆ ขึ้นบันไดไป
บนชั้นสองของหอ ปี้ลั่วเฝ้าอยู่ด้านหน้าฉากกั้น
ปี้ลั่วเป็นสาวใช้ใหญ่ในสวนเถาฮวาที่รับผิดชอบที่อยู่อาศัยภายในของเถาเถา ตอนนี้นางกำลังมองแม่นางเสิ่นและคุณหนูเก้าจากที่ไกลๆ ใบหน้าปรากฏรอยยิ้ม
แม้จะมีแม่นางเสิ่นอยู่ แต่ข้างกายคุณหนูเก้าจะต้องมีคนอยู่ ดังนั้นปี้ลั่วจึงคอยรับใช้อยู่ไกลๆ และกำลังมองตรงไปที่คุณหนูเก้ากับแม่นางเสิ่น ไม่ร้องไม่งอแง นอนหลับอย่างเชื่อฟัง วิธีการของแม่นางเสิ่นไม่เหมือนกับโมโม่คนก่อนๆ แต่กลับจัดการได้ดีมากกว่าโมโม่ที่อายุมากเหล่านั้น
คุณหนูเก้าไม่เพียงเชื่อฟังแม่นางเสิ่น อีกทั้งตลอดช่วงเช้ายังไม่มีเสียงร้องไห้สักนิด
ตั้งแต่เกิดเรื่องที่โมโม่แอบใส่ของไม่สะอาดลงไปในเครื่องดื่มของคุณชายคุณหนูในจวน ท่านอ๋องโกรธมาก ทุกคนในจวนต้องเอาใจใส่มากขึ้น อาหารเครื่องดื่มทุกอย่างของคุณหนูเก้าล้วนเป็นปี้ลั่วที่ดูแล แม่นางเสิ่นไม่ได้ใช้วิธีผู้อื่น ตัวนางดูน่าเชื่อถือเป็นอย่างยิ่ง
เมื่อก่อนตอนกลางวัน คุณหนูเก้ามักจะร้องไห้ทุกครั้ง และร้องไห้จนโมโม่ไร้ซึ่งวิธีจัดการ ในจวนมีเด็กหลายคน โมโม่เองก็ไม่แน่ว่าจะสามารถดูแลได้ ดูแลคนนี้ได้แต่ดูแลคนนั้นไม่ได้ คุณหนูเก้าเป็นเด็กที่ร้องไห้นานที่สุด
ตอนนี้ คุณหนูเก้านอนหลับอยู่บนเตียงอย่างเงียบสงบ เห็นได้ชัดว่าง่วงแล้ว เปลือกตากำลังต่อสู้กันแต่กลับไม่ยอมหลับ
เสิ่นเยว่นั่งกล่อมนางอยู่ข้างเตียง
มือของนางกุมมือเสิ่นเยว่ไว้แน่น คล้ายกับกลัวว่านางจะหายไป แต่ความง่วงถาโถมเข้ามา ทั้งยังอดไม่ได้ที่จะหาว ดวงตาที่สะลึมสะลือมองไปทางเสิ่นเยว่ กล่าวด้วยเสียงเจื้อยแจ้ว “อาเยว่ พรุ่งนี้ท่านจะยังมาเล่นเป็นเพื่อนข้าไหม?”
เสิ่นเยว่ตอบกลับเสียงอ่อนโยน “จำเป็นต้องถามผู้ดูแลจวนเถา ดูการจัดการภายในจวน แต่ข้าจะพยายามมาให้ได้”
เถาเถากล่าวอีกว่า “เช่นนั้นพรุ่งนี้อาเยว่มาเล่นทายสิซ่อนอยู่ตรงไหนกับข้าอีก...”
เสิ่นเยว่รับคำ
เสิ่นเยว่มีความอดทน วันนี้เล่นซ่อนแอบกับเถาเถา เล่นไม่ต่ำกว่าห้าสิบรอบ ทุกครั้งเถาเถาจะซ่อนยางรัดผมไว้ด้านหลัง เสิ่นเยว่รู้แต่ไม่พูด ทั้งยังเล่นกับนางด้วยความสนุก หากเป็นโมโม่คนก่อน การทำเรื่องเพียงเรื่องเดียวซ้ำไปมา รวมถึงพูดคำตอบที่รู้อยู่แก่ใจ บางทีอาจจะหมดความอดทนไปนานแล้ว แต่เสิ่นเยว่อดทนเล่นจนจบ เถาเถาจึงยินดีที่จะเล่นกับนาง
เถาเถาถามอีกครั้ง “เช่นนั้นพรุ่งนี้พวกเรายังจะทำความรู้จักกับผักเพื่อนรักหรือไม่?”
เสิ่นเยว่ยิ้ม “แน่นอน”
เถาเถาเฝ้ารอคอย “เช่นนั้นพรุ่งนี้พวกเราจะทำความรู้จักใคร?”
เสิ่นเยว่คล้ายกับกำลังคิดอย่างจริงจัง “อีกประเดี๋ยวข้าจะไปดูที่ห้องครัว ว่าใครจะเป็นผักเพื่อนรักที่เราจะทำความรู้จักกันพรุ่งนี้”
ตอนนี้เถาเถาถึงได้รู้สึกวางใจ ดวงตาค่อยๆ ปิดลง ปากของนางบ่นพึมพำ “สีฟ้ามีหลายแบบ สีฟ้านี้คือสีนกชิงหลวน เป็นสีนกชิงหลวนที่สามารถบินได้สูงตัวนั้น ข้าชอบที่สุด”
เสิ่นเยว่ยิ้ม
ผ่านไปอีกสักพัก เสียงพึมพำของเถาเถาก็หยุดลง เสียงลมหายใจที่สงบก็ดังขึ้น
เสิ่นเยว่กลับไม่ได้รีบดึงมือออก ยังคงนั่งเฝ้าอยู่ข้างเตียงเงียบๆ เวลาผ่านไปอีกสักพักใหญ่ เมื่อแน่ใจว่านางหลับแล้ว เสิ่นเยว่ถึงได้ค่อยๆ ดึงมือกลับมาแล้ววางมือเถาเถาให้ดี จัดมุมผ้าห่มให้นาง
เมื่อตอนลุกขึ้นยังชะเง้อมองไปทางเถาเถาอีกครั้ง ในดวงตามีรอยยิ้ม “ฝันดี เถาเถา”
นางชื่นชอบเด็กเล็ก
แต่ไหนแต่ไรเด็กๆ ก็มีความแตกต่างกัน ต่างคนต่างนิสัย และเพราะเป็นเช่นนี้จึงไม่มีสูตรการดูแลตายตัว
เถาเถาเพียงชอบร้องไห้ แต่กลับยอมฟังคำพูดผู้อื่น เด็กแบบนี้ไม่ถือว่าจัดการยาก
เสิ่นเยว่ลุกขึ้นเดินตรงมาทางฉากกั้นนี้
ปี้ลั่วที่เฝ้าอยู่ที่ฉากกั้นจึงเข้ามาต้อนรับ “แม่นางเสิ่น”
หลังจากเสิ่นเยว่เดินมาถึงตัวนาง ก็ถามเสียงเบา “ปกติเวลาเถาเถานอนกลางวันนอนหลับสนิทหรือไม่? หรือว่าตื่นระหว่างที่นอน หรือว่านอนหลับอย่างต่อเนื่อง?”
ปี้ลั่วตอบ “เวลาคุณหนูเก้านอนกลางวันจะเข้านอนยากมาก อีกทั้งส่วนมากมักจะงอแงเพราะง่วงนอน ต้องกล่อมเป็นเวลานานจึงจะหลับ แต่หากหลับแล้วก็จะนิ่งเงียบมาก ระหว่างนั้นอาจจะตื่นขึ้นมาหนึ่งครั้ง แต่ก็อาจจะไม่ตื่น แต่ถ้าตื่นแล้วมีคนคอยอยู่ข้างๆ กล่อมสักหน่อยก็จะหลับไปอีกครั้งเอง ทุกวันนอนหลับประมาณหนึ่งชั่วยามได้...”
เสิ่นเยว่เมื่อฟังแล้วจึงพยักหน้าเล็กน้อย ถามอีกครั้ง “ตอนนอนกลางวันนางเตะผ้าห่มหรือไม่?”
ปี้ลั่วครุ่นคิด “ตอนกลางวันไม่ทำ แต่ตอนกลางคืนจะเตะผ้าห่ม แต่ไม่บ่อยครั้ง”
เสิ่นเยว่พยักหน้า “เด็กผู้หญิงจะดีกว่าหน่อย หากตอนกลางคืนเตะผ้าห่มสามารถให้นางใส่ถุงนอนได้”
“ถุงนอน?” ปี้ลั่วประหลาดใจ
เสิ่นเยว่ยิ้มเล็กน้อย ถามต่อด้วยเสียงนุ่มนวล “หากมีเวลาว่างข้าจะเอามาสักผืน สามารถเชิญช่างตัดเสื้อมาเรียนรู้เพื่อทำตามได้ มือเท้าของเด็กเล็กมักจะโผล่ออกมาขณะที่หลับ แต่หน้าอก แผ่นหลัง และท้องจะมีถุงนอนคอยคลุมไว้ ทำให้ไม่โดนลมและไม่ทำให้เป็นหวัดได้ง่าย”
ทุกอย่างที่ได้เห็นได้ยินวันนี้ ทำให้ปี้ลั่วเชื่อในตัวเสิ่นเยว่ ถุงนอนที่เสิ่นเยว่กล่าวถึง ปี้ลั่วจึงไม่มีความสงสัยใด “ลำบากแม่นางเสิ่นแล้ว”
เสิ่นเยว่ยิ้ม
เสียงฝีเท้าที่เดินขึ้นบันไดดังมาจากชั้นลอย ทั้งสองหมุนตัวไปพร้อมกัน เห็นสาวใช้อีกคนเดินขึ้นมา “แม่นางเสิ่น ท่านอ๋องกลับจวนแล้ว ผู้ดูแลจวนเถาเชิญท่านไปพบ”
อ๋องผิงหย่วน...
รอยยิ้มบนใบหน้าเสิ่นเยว่เลือนหายไป มิใช่บอกว่าจะกลับมาก่อนพลบค่ำหรือ? จู่ๆ เสิ่นเยว่ก็เกิดความรู้สึกตื่นเต้นภายในใจ
แต่ตอนนี้นางจะคิดมากไม่ได้ เสิ่นเยว่เอ่ยเสียงเบา “รอข้าสักครู่”
สาวใช้ยอบตัว
เสิ่นเยว่กำชับกับปี้ลั่วอีกครั้ง “หลังจากเถาเถาตื่นแล้วให้เตรียมขนมไว้สักหน่อย หลังนอนกลางวันเหมาะสมที่จะรับประทานขนม จะทำให้นางรู้สึกสดชื่นมากขึ้นในช่วงบ่าย”
ปี้ลั่วอดที่จะประหลาดใจไม่ได้ นางคิดไม่ถึงว่าแม่นางเสิ่นจะกำชับสองประโยคนี้เป็นพิเศษแล้วถึงออกไป
แม่นางเสิ่นจริงจังรอบคอบมากกว่าโมโม่คนก่อน ปี้ลั่วประเมินอยู่ภายในใจ
เสิ่นเยว่เดินไปได้ไม่ไกลจัวหย่วนก็เข้ามา หากไม่ใช่เพราะระยะเวลาห่างกันเพียงไม่กี่ก้าว ก็คงเป็นเพราะท่านอ๋องตั้งใจจะแยกแม่นางเสิ่นออกไป...
ปี้ลั่วหลบไปอยู่ด้านข้าง โน้มตัวรอรับคำสั่ง
จัวหย่วนเดินไปข้างหน้า เห็นเถาเถากำลังหลับสบายจึงนั่งลงข้างเตียง กล่าวเสียงเรียบ “ข้าได้ยินลุงเถาบอกว่าช่วงเช้าที่มาสวนเถาฮวา เสี่ยวจิ่วร้องไห้เพราะเรื่องสีชุด หลังจากนั้นก็ไม่ร้องอีก?”
ปี้ลั่วตอบกลับเสียงเบา “แม่นางเสิ่นเล่นเป็นเพื่อนคุณหนูเก้าอยู่สักพักใหญ่ พอคุณหนูเก้าอารมณ์ดีแล้ว แม่นางเสิ่นก็ถือชุดที่ต้องสวมเมื่อตื่นนอนมา เล่าให้คุณหนูเก้าฟังว่าสีฟ้ามีหลากหลายแบบ วันนี้ที่ใส่เรียกว่าสีนกชิงหลวน ในขณะนั้นคุณหนูเก้าเกิดความสงสัย ถามว่าอะไรคือสีนกชิงหลวน แม่นางเสิ่นก็เล่าว่า นกชิงหลวนเป็นนกวิเศษ มันสามารถบินได้สูงมาก ขนของมันก็คือสีนกชิงหลวน คุณหนูเก้าส่งเสียงประหลาดใจ พูดว่าตนเองชอบสีนกชิงหลวนที่สุด หลังจากนั้นก็สวมชุดอย่างให้ความร่วมมือ”
ในดวงตาจัวหย่วนราบเรียบ “ไม่ร้องไห้หรือ?”
ปี้ลั่วกล่าว “ตั้งแต่เช้าจนถึงเมื่อครู่ถึงหลับไป คุณหนูเก้าไม่ร้องไห้เลยสักครั้ง”
จัวหย่วนชะงักไป ปี้ลั่วไม่มีทางโกหก “เล่าเรื่องก่อนช่วงเที่ยงให้ข้าฟัง”
ปี้ลั่วไม่กล้าปิดบัง
......
ขณะที่เสิ่นเยว่ไปโถงข้างที่เรือนด้านหน้า อ๋องผิงหย่วนและผู้ดูแลจวนเถาต่างก็ไม่อยู่
สาวใช้เชิญให้นางรออยู่ที่โถงข้างสักพักใหญ่
ทันใดนั้นเสิ่นเยว่ก็คิดได้ เมื่อครู่ตอนที่อยู่สวนเถาฮวา จะต้องไม่ใช่ผู้ดูแลจวนเถาเรียกนางมาที่นี่ แต่นั่นเป็น...อ๋องผิงหย่วน?
อ๋องผิงหย่วนให้ความสำคัญกับเถาเถา เมื่อครู่น่าจะเพราะไปถึงสวนเถาฮวาถึงได้แยกนางออกมา ตนเองอยู่ที่สวนเถาฮวาต่อเพื่อถามความ ดังนั้นจึงยังไม่ได้กลับมา
เสิ่นเยว่ไม่รู้ว่าเหตุใดตนเองจึงรู้สึกตื่นเต้น แต่ขณะที่เสียงฝีเท้าทางด้านหลังดังใกล้เข้ามาจากด้านนอกห้องโถง ผู้ดูแลจวนเถาเองก็อยู่ด้านข้างแล้ว ท่าทางน้ำเสียงขณะพูดดูนอบน้อม เสิ่นเยว่อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหวั่นใจ จึงก้มหน้าหลบโดยสัญชาตญาณ
“เสิ่นเยว่?” จัวหย่วนพูดอย่างเชื่องช้า สายตามองประเมินตัวนางด้วยความสงสัย