ตอนที่แล้วบทที่ 1 คัดเลือกหญิงงาม
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 3 เข้าวังครั้งแรก

บทที่ 2 แต่งตั้งเป็นสนม


“ด้วยโองการแห่งฟ้า ฮ่องเต้จึงทรงมีพระบัญชา ฉินชิงบุตรสาวขุนนางฝ่ายตรวจการ เป็นสตรีที่งดงามเพียบพร้อม ขยันหมั่นเพียรและอ่อนน้อม ปรองดองและบริสุทธิ์ มีนิสัยเมตตาอ่อนโยน ประพฤติตัวอยู่ในกรอบ มีคุณธรรม จึงขอแต่งตั้งให้เป็นสนมตำแหน่งผิน [1] พระราชทานนามว่าเจา และมอบตำหนักจงชุ่ยให้พำนัก จบราชโองการ!”

“ขอบพระทัยฝ่าบาทที่เมตตา” ทุกคนต่างก้มคำนับ

“นี่คือมามาที่ไทเฮาส่งมา นางชื่อกุ้ยมามา นางจะมาช่วยแนะนำนายหญิงในสองสามวันนี้ ฝากฮูหยินดูแลด้วย”

ขันทีที่มาประกาศราชโองการแนะนำมามาที่อายุประมาณสี่สิบปีที่ยืนอยู่ด้านข้าง

แม่ของฉินชิงรีบตอบกลับ “พวกเราจะดูแลกุ้ยมามาเป็นอย่างดี กงกงวางใจได้ มามาข้างกายไทเฮามอบให้มาดูแลลูกสาวข้านับว่าเป็นบุญของนาง”

“กงกง [2] พักสักหน่อยแล้วค่อยไปประกาศราชโองการดีหรือไม่เจ้าคะ เงินนี่ให้ท่านนำไปซื้อชาแล้วกัน” แม่ของนางยื่นถุงเงินให้กงกงผู้นั้น ก็รู้ว่าน้ำหนักไม่ใช่เบาๆ แน่นอน

กงกงผู้นั้นรับรางวัลไปด้วยรอยยิ้ม แต่ไม่ได้ตอบรับข้อเสนอของแม่ฉินชิง

“ลำบากกงกงแล้ว”

“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร เช่นนั้นข้าขอตัวไปก่อนแล้วกัน”

เมื่อทุกคนออกไปจากจวนแล้ว คนในจวนต่างก็เบิกบานใจกันมาก ทุกคนต่างยิ้มแย้มและรอคอยรางวัล ฉินเหยียนเองก็มิได้ตระหนี่ ก่อนจะโบกมือและกล่าวว่า “ทุกคนในจวนจะได้รับรางวัลเป็นเงินเดือนหนึ่งเดือน

ผู้ที่ปรนนิบัติคุณหนูสี่จะได้รับรางวัลเป็นเงินเดือนสามเดือน”

“ชิงเอ๋อร์ เจ้ามาพูดคุยกับข้าที่ห้องหนังสือสักครู่” ชื่อเล่นของฉินชิงคือชิงเอ๋อร์

“เจ้าค่ะ ท่านพ่อ”

หลังจากตามฉินเหยียนไปที่ห้องหนังสือ ฉินชิงรู้ว่าพ่อของนางต้องสอนอะไรหลายๆ อย่างกับนางแน่นอน

“ชิงเอ๋อร์ ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าได้รับเลือก เจ้ามีใบหน้าโดดเด่นและประพฤติตัวดี ตอนเจ้าอยู่ในวังข้าก็ไม่ต้องเป็นกังวลมาก แต่เจ้าก็ต้องระมัดระวัง แม้ว่าจะได้เป็นที่โปรดปราน ก็อย่าทำตัวเป็นจุดสนใจมากเกินไป” ฉินเหยียนกล่าวจบก็พลันถอนหายใจออกมา

“ในวังแห่งนั้นเป็นสถานที่ที่ไร้ความปรานี เจ้าจงระวังและปกป้องตัวเองให้ดี อย่าให้ใครมาใส่ร้ายเจ้าได้ ข้ายินดียอมให้เจ้าไม่ถูกโปรดปราน หากเป็นเช่นนั้นก็จะไม่ล่วงเกินผู้ใดมากเกินไป ตราบใดที่เจ้ามีชีวิตที่สงบสุขในวังนั้น ข้ากับแม่ของเจ้าก็วางใจ เช่นเดียวกับที่ปู่ของเจ้าพูด ตระกูลของเราจะคอยอยู่สนับสนุนเจ้า ตราบใดที่เจ้าไม่ได้ทำผิดใหญ่หลวงเจ้าก็จะสามารถใช้ชีวิตได้อย่างสงบสุขจนหมดลมหายใจ”

“ข้าเข้าใจแล้ว ท่านพ่อ ข้าจะระวังตัวอย่างดี”

“เงินเหล่านี้ เมื่อเจ้าไปถึงวังยังต้องมีส่วนที่เจ้าจำเป็นต้องไกล่เกลี่ย จำเป็นต้องจัดการขันทีนางกำนัลในวังเหล่านั้นถ้าไม่เห็นเงินก็จะไม่ยอมภักดี ส่วนที่เจ้าควรจะใช้ก็จงใช้ หากไม่พอก็ส่งจดหมายมาที่จวน พวกเราจะส่งให้เจ้าเอง แม่ของเจ้าได้เตรียมของทั้งหมดให้เจ้าแล้ว เมื่อไปถึงวังต้องระวังตัวให้มากๆ”

เมื่อมองไปที่ลูกสาววัยสิบกว่าปีของตนที่ต้องไปอยู่ในวัง ฉินเหยียนไม่วางใจเลยจริงๆ

“ลูกพ่อ อยู่ในวังถ้าไม่จำเป็นจริงๆ ก็อย่าทำร้ายใคร นอกจากจะทำเพื่อปกป้องตัวเอง อย่างไรเสียข้าก็อยากให้เจ้ามีชีวิตที่สงบสุขในวังแห่งนั้น” ฉินเหยียนถอนหายใจอีกครั้ง

ก่อนจะเอ่ยต่อ “เจ้าไปหาแม่เจ้าเถอะ พรุ่งนี้ก็ต้องไปแล้ว นางคงมีเรื่องมากมายที่อยากพูดกับเจ้า”

“เจ้าค่ะ ท่านพ่อ”

ฉินชิงเดินอยู่บนทางเดิน พลางไตร่ตรองถึงอนาคตว่าตนควรจะเดินไปอย่างไร

ขณะที่เดินไปเรื่อยๆ แม่ของฉินชิงก็รอนางอยู่หน้าห้อง

แม่ของฉินชิง นามว่าหลี่อวี้เฉวียน นางเป็นบุตรสาวคนเดียวของอดีตเจ้ากรมพิธีการ ตาของฉินชิงอยู่กินกับภรรยาของเขาเพียงคนเดียว แม้ว่าจะมีหลี่อวี้เฉวียนเป็นลูกสาวเพียงคนเดียว พวกเขาก็มีความสุข

ภายใต้การถูกหล่อหลอมของครอบครัว ทำให้หลี่อวี้เฉวียนแม่ของฉินชิงคิดว่าการมีรักเดียวใจเดียวนั้นเป็นสิ่งที่ดี เมื่อตอนนี้ได้เห็นลูกสาวที่ตนหวงแหนมากที่สุดกำลังจะเดินเข้าวังไปเป็นสนม ในฐานะแม่นางไม่เต็มใจ แต่ในยุคที่อำนาจของฮ่องเต้อยู่เหนือฟ้า แม้ว่านางจะเสียใจแค่ไหนก็ทำอะไรไม่ได้ ทำได้เพียงพึ่งพาเวลาให้ค่อยๆ เยียวยากันไป

“ท่านแม่ เหตุใดถึงมายืนตากลมอยู่หน้าประตูเช่นนี้เล่า เดี๋ยวก็ไม่สบาย เข้าไปข้างในกันเถอะเจ้าค่ะ”

แม่ของฉินชิงรู้ว่าฉินชิงกำลังจะมาจึงมารอก่อน เดี๋ยวอีกไม่นานกว่าจะได้พบหน้าลูกสาวคนนี้สักครั้งคงไม่ใช่เรื่องง่ายแล้ว

หากแต่งกับตระกูลธรรมดาหรือแต่งกับคุณชายร่ำรวย ฉินชิงยังพอมาเยี่ยมพ่อแม่ที่จวนได้บ่อยๆ แต่ถ้าแต่งกับราชวงศ์ เกรงว่าคงได้พบกันหนึ่งครั้งในงานเลี้ยงราชวังทุกปี และเป็นการมองจากระยะไกลเท่านั้น

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ แม่ของฉินชิงก็ดวงตาแดงก่ำอีกครั้ง

ฉินชิงมองไปที่มารดาของตน ไม่รู้ว่าเหตุใดนางถึงได้เสียใจเมื่อเจอหน้าตน แต่ฉินชิงไม่อยากเอ่ยถึงเรื่องนี้เพราะกลัวว่านางจะเศร้ามากกว่าเดิม ทำได้เพียงเปลี่ยนเรื่องพูดเท่านั้น

“ท่านแม่ ดูท่านสิ ก็ข้าบอกแล้ว ตรงนี้ลมแรง ตาท่านแดงหมดแล้ว”

“ได้ๆๆ พวกเราเข้าไปกันเถอะ” หลี่อวี้เฉวียนจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าฉินชิงไม่อยากพูดถึงเรื่องที่ทำให้เสียใจ เมื่อพูดจบก็เข้าไปกับฉินชิง

ลูกสาวออกจากบ้าน พ่อแม่ย่อมกังวลที่สุด เมื่อครู่นี้แม่ของฉินชิงยังเสียใจอยู่ แต่เมื่อเข้ามาในห้องกลับเป็นกังวลขึ้นมา ถามฉินชิงว่าต้องการพาสาวใช้เข้าวังไปด้วยหรือไม่

“หยินผิงทำอะไรก็รอบคอบและเก่งงานเย็บปักถักร้อย ส่วนหยินซั่นก็ฉลาดมีไหวพริบและมีฝีมือด้านวิชาแพทย์ ข้าอยากให้พวกนางสองคนไปด้วย”

“พวกนางสองคนติดตามเจ้ามาตั้งแต่เด็ก มีทั้งความภักดีและความสามารถ สัญญาทาสของพวกนางข้าจะให้คนนำไปมอบให้พรุ่งนี้ตอนเช้า สาวใช้ในวังไม่อาจไว้ใจได้ แม้ว่าคนของฮองเฮาใหม่จะมีน้อย แต่ก็ไม่มีทางเป็นสระน้ำที่ใสสะอาดได้ พวกนางกำนัลในวังและขันทีเป็นพวกที่คาดเดายากที่สุด”

“ท่านแม่ ข้าทราบแล้วเจ้าค่ะ” ฉินชิงมองมารดาที่เป็นห่วงตน ในใจก็เต็มไปด้วยความซาบซึ้ง

“ลูกสาวข้าได้โตขึ้นแล้ว อายุสิบเจ็ดแล้ว เฮ้อ วังแห่งนั้นไม่ใช่สถานที่ที่ดีเลย แม่หวังเพียงว่าเจ้าจะปลอดภัย”

“ท่านแม่ ไม่เป็นไร ข้าจะไม่เป็นอะไร” ฉินชิงไม่รู้จะพูดปลอบใจแม่นางอย่างไรดี

“เรื่องเหล่านี้เจ้าเองก็พอรู้แล้ว เดิมทีเจ้าถูกเลี้ยงมาเพื่อให้เป็นชายาเอก แต่คิดไม่ถึงว่าต้องเข้าวัง ความลับในจวนมีมากเท่าไร ในวังนั้นมีมากกว่า ตอนที่ฮ่องเต้องค์ก่อนยังอยู่ ไม่เคยเอ่ยถามเรื่องในวัง ฮองเฮาก็เป็นคนหัวอ่อน แต่เหล่าสนมในวังหลังกลับเจ้าเล่ห์เจ้าแผนการ แต่ละคนไม่ใช่คนที่ล่วงเกินได้ง่ายๆ เจ้าอยู่ในวังหลังต้องระวังให้มากๆ”

“ท่านแม่ ข้ารู้เรื่องพวกนี้ดี ในเมืองหลวงมีจวนใหญ่จำนวนไม่น้อย แล้วจะมีสักกี่หลังที่สงบสุข?”

“ข้ารู้ว่าเจ้าเก่งด้านวิชาแพทย์ ทุกอย่างในวังหลังจะปล่อยปละละเลยไม่ได้ ต้องให้หยินซั่นตรวจสอบก่อนเจ้าถึงจะใช้ได้ อย่างไรในวังก็มีคนของตัวเอง แม้จะมีไม่มาก แต่กันไว้ดีกว่าแก้ พรุ่งนี้ข้าจะมอบพวกนางให้เจ้า ถือเป็นหลักประกัน” แม่ของฉินชิงมองดูลูกสาวของตัวเอง อย่างไรในใจยังคงกังวล

“ในนี้ยังมีตั๋วเงินอยู่บ้าง เจ้าเอาไปด้วย” แม่ของฉินชิงหยิบตั๋วเงินหนาๆ ออกมาจากกล่องเครื่องประดับเล็กๆ

“ท่านแม่ ท่านพ่อให้ข้าแล้วเจ้าค่ะ”

“นั่นก็เป็นส่วนของพ่อเจ้า สินเดิมที่ข้าเก็บสะสมไว้ให้เจ้าไม่ได้มีเพียงเท่านี้ แต่ตอนนี้ไม่มีเงินสดเลยต้องให้ตั๋วเงินกับเจ้าแทน

ในนี้ยังมีเมล็ดแตงทองคำที่ข้าสั่งทำก่อนหน้านี้ เจ้าเอาไปให้หมด ตราบใดที่มีเงินจะทำอะไรก็ย่อมได้ทั้งนั้น เอาไปมากหน่อยอย่างไรก็ไม่เสียหาย”

ฉินชิงรับตั๋วเงินมา สวรรค์ แม่ข้ามีเงินขนาดนี้เลยหรือ? ตั๋วเงินหนาขนาดนี้ ช่างสมกับที่เป็นบุตรสาวคนเดียวของเจ้ากรมพิธีการจริงๆ ทรัพย์สินส่วนตัวนี้ช่างมั่งคั่งเหลือเกิน

“ท่านแม่ ไม่ต้องห่วง ลูกจะต้องปลอดภัย ไม่ทำให้ท่านแม่กังวล” ฉินชิงรับประกันกับมารดาของตน

การจากลาเป็นเรื่องเศร้าเสมอ ฉินชิงนอนอยู่ในห้องของมารดาทั้งคืน แม่ลูกคุยกันอยู่นาน จนกระทั่งกลางดึกถึงได้ยอมนอน

วันรุ่งขึ้น กุ้ยมามาก็เริ่มแนะนำนาง

“สนมเจาคงจะเคยได้ยินกฎเกณฑ์ระดับขั้นของสนมในวังหลังมาแล้วใช่หรือไม่?” กุ้ยมามาเอ่ยถาม

“ข้าพอรู้อยู่บ้างเจ้าค่ะ แต่ก็ไม่ได้รู้ลึกขนาดนั้น กุ้ยมามาช่วยชี้แนะด้วย” ฉินชิงขอคำแนะนำจากกุ้ยมามาอย่างสุภาพ

ฉินชิงคิดว่า ต่อให้เป็นการพูดคุยสัพเพเหระก็ยังต้องสุภาพ เพราะคนผู้นี้คือมามาที่อยู่ข้างกายไทเฮา

“วังหลังแห่งต้าเหลียงนี้มีทั้งหมดสิบแปดระดับ เดี๋ยวบ่าวจะเขียนให้เหนียงเหนียง [3] ในภายหลัง เหนียงเหนียงต้องจำให้ขึ้นใจ ลำดับขั้นในวังหลังต้าเหลียงนั้นเข้มงวดมาก และห้ามล่วงเกินพระสนมที่มีระดับสูง แม้ว่าตำแหน่งของเหนียงเหนียงจะไม่นับว่าต่ำ แต่ในบรรดาตำแหน่งของเจ้านายก็นับว่าต่ำที่สุด”

“มามา ข้าทราบแล้ว” ฉินชิงพยักหน้าเพื่อบอกว่าตนเข้าใจ

“ลำดับขั้นของสนมต้าเหลียงเรา โดยทั่วไปแล้วจะเพิ่มขึ้นทีละขั้น บางครั้งก็มีเพิ่มทีเดียวสองขั้น แต่ก็มีน้อย อย่างเช่นตั้งครรภ์และให้กำเนิดบุตรได้สำเร็จ เป็นที่โปรดปรานของฮ่องเต้ หรือรอจนได้ตำแหน่งใหญ่ในวังหลังก็สามารถเลื่อนขั้นได้เช่นกัน แต่นั่นก็ขึ้นอยู่กับปี”

“มามา [4] จำไว้แล้ว ยังมีสิ่งใดต้องระวังอีกหรือไม่?”

“ต้าเหลียงของเราจะเข้าเฝ้าพบฮองเฮาทุกๆ สิบวัน ส่วนพระสนมตำแหน่งเฟยผิน [5] ขึ้นไปทุกห้าวัน แต่เหนียงเหนียงเป็นสนมตำแหน่งผิน หากอยู่ในห้องโถงใหญ่ไม่จำเป็นต้องทักทายพระสนม แต่ต้องจำเอาไว้ว่าวันที่หนึ่ง วันที่สิบ วันที่ยี่สิบต้องไปเข้าเฝ้าพบฮองเฮา”

“มามา เหตุใดต้องเข้าเฝ้าทุกๆ สิบวันด้วยเจ้าคะ?” ฉินชิงจำได้ว่าราชวงศ์ชิงที่ชั่วร้ายนั่นต้องทักทายทุกวัน

มามาตอบด้วยรอยยิ้ม “บรรพบุรุษผู้ก่อตั้งต้าเหลียงของพวกเราต้องเข้าเฝ้าทุกวัน แต่น่าเสียดายที่ฮองเฮาในตอนนั้นสุขภาพไม่ดี จำเป็นต้องรักษาตัว ดังนั้นจึงเปลี่ยนการทักทายจากทุกๆ สามวัน เป็นทุกห้าวัน จนสุดท้ายก็ถูกเปลี่ยนการทักทายเป็นเดือนละครั้ง และฮองเฮาคนต่อมาก็รู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องทักทายกันทุกวัน คนมากก็วุ่นวาย จึงกลายมาเป็นกฎระเบียบทักทายทุกสิบวันจนถึงทุกวันนี้”

หลังจากให้คำแนะนำเช่นนี้อีกสองสามวัน ในที่สุดฉินชิงก็ต้องเข้าวัง

----------------------------------------------------------------------------

(1) ผิน หมายถึง ตำแหน่งนางสนมที่ต่ำกว่าเฟยผิน มีได้หกคน

(2) กงกง หมายถึง ชื่อเรียกขันที

(3) เหนียงเหนียง หมายถึง ใช้เรียกพระสนมและฮองเฮา

(4) มามา หมายถึง นางข้าหลวงอาวุโส

(5) เฟยผิน หมายถึง ตำแหน่งพระสนมที่สูงกว่าผิน มีได้สี่คน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด