ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 430 การสอบสวนของฟู่ชิงยิน (อ่านฟรี)
ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 430 การสอบสวนของฟู่ชิงยิน (อ่านฟรี)
แปลโดย iPAT
“เจ้าต้องการไปชมบ้านของข้าหรือไม่?”
“มันอยู่ที่ใด?”
หลี่ฉิงซานยื่นมือออกไป ก้อนเมฆก่อตัวเป็นสะพานทอดยาวผ่านภูเขา
หรูซิงเดินไปตามสะพานที่คดเคี้ยว อ้อมภูเขาที่อยู่ตรงหน้า จากนั้นนางก็มาถึงหน้าบ้านของหลี่ฉิงซานที่มีอักษรคำว่าฉิงเสี่ยวสลักไว้ นางจมลงสู่ห้วงแห่งความคิดและเล่นกับผมของนาง “ใกล้มาก อย่าบอกว่าเจ้าคิดมิดีมิร้ายกับข้า!”
“เจ้าประเมินตัวเองสูงเกินไป ข้าเพียงปกป้องเม็ดยารวมถึงนักปรุงยาของข้าเท่านั้น!”
…..
“อีกนัยหนึ่งวันนั้นเจ้าบ่มเพาะอยู่ในบ้านของเจ้าใช่หรือไม่?” ฟู่ชิงยินนั่งไขว้ขาขณะจ้องมองผู้นำนิกายอาภรณ์สีชาดที่อยู่ตรงหน้า
ผู้นำนิกายอาภรณ์สีชาดดูค่อนข้างกังวล “สหายฟู่ เจ้าถามเรื่องนี้เพื่อสิ่งใด แน่นอนว่าข้าบ่มเพาะอยู่ในนิกาย”
ฟู่ชิงยินหยิบเขาโค้งเรียวออกมา มันกำลังกระพริบ “เจ้าเคยได้ยินเกี่ยวกับเซี่ยจื่อหรือไม่?”
“ข้าได้ยินมาว่ามันเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถมองทะลุการหลอกลวง อย่าบอกว่ามั่นคือ...”
“ถูกต้อง นี่คือเขาของเซี่ยจื่อ ข้าหวังว่าเจ้าจะบอกความจริงกับข้าเพราะมันสำคัญมาก” ฟู่ชิงยินเล่นดาบเมืองที่ล่มสลายของเขา
ใบหน้าของผู้นำนิกายอาภรณ์สีชาดกลายเป็นบิดเบี้ยว นี่เป็นความลับของเขา เขาไม่สามารถให้ผู้ใดรู้ อย่างไรก็ตามเขามองดาบเมืองที่ล่มสลายก่อนจะชำเลืองมองเขาของเซี่ยจื่อ ในที่สุดเขาก็เปิดปากกล่าว “ได้ ข้าจะบอก วันนั้นข้าลงไปใต้ดิน...”
“อืม เข้าใจแล้ว” ฟู่ชิงยินยืนขึ้น เขาได้ผลลัพธ์เบื้องต้นของการตรวจสอบผู้ฝึกตนก่อกำเนิดทั้งหมดของมณฑิลชิงเหอแล้ว บางคนถูกสอบสวนเป็นการส่วนตัว ขณะที่บางคนมีหลักฐานที่ชัดเจน อย่างไรก็ตามยังมีผู้ฝึกตนก่อกำเนิดบางคนปฏิเสธให้ความร่วมมือ และพวกเขาล้วนเป็นสมาชิกของสำนักศึกษาร้อยจอมยุทธ์ มีผู้ต้องสงสัยเจ็ดคน โดยมีผู้ต้องสงสัยคนสำคัญคือหลี่ฉิงซาน
ราวกับได้รับการไว้ชีวิต ผู้นำนิกายอาภรณ์สีชาดถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก ฟู่ชิงยินไม่ได้สอบสวนเรื่องนั้น
“เจ้าทำการค้าขายกับเผ่ารัตติกาลใช่หรือไม่?” เพียงประโยคเดียวจากฟู่ชิงยิน หัวใจของผู้นำนิกายอาภรณ์สีชาดก็จมดิ่งลงอีกครั้ง “ท่านต้องฟังข้า...”
“การสมรู้ร่วมคิดกับมนุษย์กลายพันธุ์และช่วยเหลือศัตรูเป็นเรื่องต้องห้ามของกองกำลังพันธมิตรปราบปีศาจ นอกจากนั้นศิษย์ของเจ้าที่ฆ่าผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์เมื่อสามปีก่อนก็ยังอยู่ อย่าปล่อยให้เขาหนีไป ข้าอาจใช้ประโยชน์จากเขาในไม่ช้า”
จากนั้นฟู่ชิงยินก็กลายเป็นลำแสงสีเขียวบินออกไปและทิ้งผู้นำนิกายอาภรณ์สีชาดยืนงุนงงอยู่ที่นั่น
ฟู่ชิงยินไม่ได้ไปหาผู้ต้องสงสัยรายอื่น เขาบินไปทางเทือกเขาไร้ขอบเขต
สิ่งที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการตายของเฒ่ามังกรทะยานคือปีศาจแมวของราชินีแห่งความมืดและกู่เยี่ยนหยิน ทั้งสองไม่ใช่ตัวตนที่วังหลอมรวมดาบจะสามารถสอบสวน อย่างไรก็ตามมันต้องมีพยานคนอื่นๆอยู่ในเทือกเขาไร้ขอบเขต
แน่นอนว่าพยานเหล่านี้คือปีศาจ ด้วยสนธิสัญญาแห่งราชาทำให้มันเป็นเรื่องยากสำหรับวังหลอมรวมดาบที่จะตรวจสอบ แต่ตอนนี้สนธิสัญญาแห่งราชาถูกยกเลิกชั่วคราวในมณฑลชิงเหอและผู้อาวุโสศักดิ์สิทธิ์ก็ยืนยันว่าพลังลึกลับจะไม่เข้าแทรกแซงอีกต่อไป พวกเขาสามารถตรวจสอบอย่างเป็นทางการได้ในที่สุด
เมื่อเข้าใกล้ทือกเขาไร้ขอบเขต ฟู่ชิงยินพบว่าปล่องภูเขาไฟขนาดใหญ่ของภูเขาเถาองุ่นเขียวกลายเป็นเมืองไปแล้ว มันอยู่ภายใต้การคุ้มกันจากค่ายกลของผู้ฝึกตนมนุษย์ มันวุ่นวายยิ่งกว่าเมืองเมฆาล่องในอดีต
ตั้งแต่สนธิสัญญาแห่งราชาถูกยกเลิก ผู้ฝึกตนมนุษย์จำนวนมากเลือกที่จะเข้าไปในเทือกเขาไร้ขอบเขตเพื่อสังหารปีศาจและรวบรวมสมุนไพรจิตวิญญาณ
สายตาของฟู่ชิงยินเลื่อนไปยังทิศทางที่ปีศาจกิ้งกือเคยระเบิดแก่นปีศาจของมันและทิ้งหลุมลึกไว้ที่นั่น แม้บนพื้นดินจะรกร้างแต่ฟู่ชิงยินรู้ว่าเมืองของเผ่ารัตติกาลกำลังรุ่งเรืองอยู่ใต้ดินลึกลงไป มีข่าวลือว่าเผ่ารัตติกาลเหล่านี้ไม่ได้โจมตีมนุษย์และทำตัวเป็นกลาง
ตามข้อมลูที่ฟู่ชิงยินได้รับ ผู้ดูแลเมืองของเผ่ารัตติกาลเป็นคู่พี่สาวน้องสาว คนที่ผู้นำนิกายอาภรณ์สีชาดลอบทำการค้าด้วยควรจะเป็นพวกนาง นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ เมื่อเทียบกับความเสี่ยงในการผจญภัยใต้ดิน การทำธุรกรรมถือเป็นความคิดที่ดีกว่า
ความเจริญรุ่งเรืองของเมืองในปล่องภูเขาไฟเถาองุ่นเขียวเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับเรื่องนี้ ผู้ใดจะรู้ว่าพวกเขาทำธุรกรรมกันมากเท่าใด
จากบัลลังก์ของหลี่ฉิงซาน อุโมงค์ใต้ดินที่มีลักษณะคล้ายใยแมงมุมถูกทำให้ราบเรียบด้วยความพยายามของชนเผ่ารัตติกาล
ปลายนิ้วเรียวของเย่หลิวซูลูบไล้ไปตามผนังเรียบๆด้วยความภาคภูมิใจ นี่คือความพยายามในช่วงสามปีที่ผ่านมาของนาง
เย่หลิวป๋อติดตามอยู่ด้านหลัง นางเล่นกับธงค่ายกลในมือและถาม “ท่านพี่ ข้าไม่เคยคิดว่ามนุษย์จะยอมขายค่ายกลให้กับพวกเรา ดูเหมือนเขาจะเป็นสมาชิกของกองกำลังพันธมิตรปราบปีศาจ พวกเขาเป็นศัตรูของโลกใต้ดินมิใช่หรือ?”
“พวกเราไม่ใช่ปีศาจ แร่ทองดำมีประโยชน์มากสำหรับการสร้างสิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณ กองกำลังพันธมิตรปราบปีศาจไม่สามารถขุดมันจากใต้ดิน ดังนั้นพวกเขาย่อมต้องพึ่งพาพวกเรา”
ขณะที่ทั้งสองกำลังพูดคุย พวกนางก็มาถึงถ้ำเปิดโล่งขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง นี่คือเมืองของเผ่ารัตติกาลที่ก่อตั้งขึ้นใหญ่ ทุกคนที่สัญจรไปมาจะโค้งคำนับเย่หลิวซูเมื่อพวกเขาเห็นนาง นี่ไม่ใช่เพียงเพราะความหวาดกลัวในอำนาจแต่ยังเป็นเพราะความเคารพที่มีต่อนาง
นอกเหนือจากอาณาเขตของหลี่ฉิงซาน ความขัดแย้งระหว่างเผ่ารัตติกาลไม่เคยหยุดและยังรุนแรงขึ้น ขณะที่พวกเขาสังหารผู้ฝึกตนมนุษย์ พวกเขาก็กลายเป็นเหยื่อของกันและกัน
อย่างไรก็ตามภายใต้การปกครองของเย่หลิวซู สถานที่แห่งนี้จึงยืดถือเจตนารมณ์ของหลี่ฉิงซานอย่างสมบูรณ์ ความขัดแย้งภายในทั้งหมดยุติลงทำให้ภูมิภาคนี้กลายเป็นภูมิภาคแห่งสันติภาพ
ชนเผ่ารัตติกาลที่เบื่อหน่ายการต่อสู้หรือขาดความสามารถในการต่อสู้จะมารวมตัวกันที่นี่และกลายเป็นคนรับใช้ของราชาเป่ยเยว่ด้วยความเต็มใจ นี่หมายถึงการออกจากกลุ่มเดิมของพวกเขา ในช่วงเวลาที่หลี่ฉิงซานปิดประตูบ่มเพาะ คนรับใช้ของเขาก็เพิ่มจำนวนขึ้นมาก
เย่หลิวซูยิ้ม นางพิสูจน์แล้วว่าชนเผ่ารัตติกาลไม่จำเป็นต้องเข่นฆ่ากันเองเพื่อเอาชีวิตรอด พวกเขาสามารถใช้ชีวิตอย่างสงบและมีความสุขได้เช่นกัน
“หลิวป๋อ จัดตั้งค่ายกล!”
เย่หลิวป๋อกระตุ้นใช้ธงค่ายกลและสร้างเกราะป้องกันขึ้นรอบๆเมือง
เย่หลิวซูพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ ตอนนี้แม้พวกนางจะถูกโจมตีจากผู้ฝึกตนมนุษย์ที่โง่เขลา พวกนางก็ยังมีเวลาเพียงพอสำหรับการขอกำลังเสริม
“นายท่านจะออกมาเมื่อใด?” เย่หลิวป๋อเตะก้อนกรวด
“อย่ากังวล เขาจะตื่นไม่ช้าก็เร็ว” ดวงตาของเย่หลิวซูส่องประกาย เมื่อเขาตื่น นางจะขอบคุณเขาเป็นการส่วนตัวและบอกเขาว่า “ท่านพูดถูก ข้าเป็นคนพิเศษ!”
ก้อนกรวดลอยหายไปในความมืดแต่หลังจากนั้นก็ไม่เกิดเสียงใดๆ
การแสดงออกของเย่หลิวซูเปลี่ยนไป “ระวัง หลิวป๋อ!”
ก้อนกรวดพุ่งกลับมาด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้นสิบเท่า แต่มันแตกละเอียดเมื่อปะทะกับค่ายกล
ทันใดนั้นหินหล็กเพลิงก็โผล่ออกมาจากความมืดและตะโกนว่า “เป่ยเยว่อยู่ที่ใด?”