ตอนที่ 9 ยอดชายชาตรี
ทะลุมิติมาสร้างสวนสัตว์ในฝัน ตอนที่ 9 ยอดชายชาตรี
จุดมุ่งหมายของสวนสัตว์คืออะไร?
หนึ่งในนั้นคือการทําให้คนทั่วไปได้ทําความเข้าใจกับเหล่าสัตว์ป่า ทําให้รู้สึกรักและเคารพพวกมัน และทําให้ต้องการที่จะรักษาธรรมชาติ
จากสถานการณ์ปัจจุบัน ทําให้ฟางเย่เกิดความคิดหนึ่ง “หลานลี่ ช่วยสมัครบัญชี Douyin ให้ผมหน่อย”
หลานลี่ได้ยินก็ตกใจ “ผู้อํานวยการจะไลฟ์สดเหรอค่ะ?”
“ใช่ครับ เอาชื่อเป็น”สวนสัตว์หลินไห่“เดี๋ยวคุณรับหน้าที่เป็นตากล้องนะ”
ฟางเย่วางแผนที่จะไลฟ์สดวิถีชีวิตประจําวันของสัตว์ในสวนสัตว์ ซึ่งไม่เพียงแค่การแสดงเสน่ห์ของสัตว์ แต่ยังเป็นแผนการตลาดเพื่อให้มีคนรู้จักสวนสัตว์มากยิ่งขึ้น
หลังจากที่ตั้งบัญชีเสร็จ เขาก็รีโพสต์ของหลานลี่บนเว่ยป๋อและเขียนข้อความไว้ว่า “สวัสดีทุกคน ผมคือผู้อํานวยการของสวนสัตว์หลินไห่ที่อยู่ในรูปนี้ เสือตัวนี้คือเจียวเจียวที่เป็นดาวเด่นของสวนสัตว์เรา พวกเรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากที่มีคนมากมายให้ความสนใจเราและสวนสัตว์ของเรา ถ้าใครมีข้อสงสัยอะไรสามารถเข้ามาพูดคุยกับผมได้ที่ห้องไลฟ์สวนสัตว์หลินไห่ได้!
หลานลี่ที่เห็นว่าฟางเย่ทําอะไรก็พูดขึ้นมาอย่างตื่นเต้น “ผู้อํานวยการ ฉันลงทะเบียนบัญชีเสร็จแล้ว ตอนนี้เราสามารถไลฟ์สดได้แล้ว คุณจะไปที่ไลฟ์ไหนค่ะ?”
ฟางเย่ยิ้มด้วยรอยยิ้มที่ดูชั่วร้าย “เดี๋ยวกินข้าวเสร็จเราจะไปไลฟ์กันประมาณ 8 โมงเช้า และตั้งชื่อห้องว่า ‘มาดูผู้อํานวยการทําความสะอาดกรงและให้อาหารเสือกัน’”
ผู้ช่วยตัวน้อยพูดอย่างกังวลใจ “จะมีคนเข้ามาดูเหรอค่ะ?”
“ไม่ต้องห่วง” ฟางเย่ตอบกลับไปอย่างมั่นใจ
เวลา 8 โมง 10 นาที ในห้องไลฟ์สดที่ว่างเปล่า มีคนรออยู่ราว 5 คน
พวกเขาเป็นคนที่อ่านข้อความจากเว่ยป๋อ แต่เนื่องจากฟางเย่มัวแต่ไปบอกพวกผู้ดูแลเกี่ยวกับการทําบันทึกประจําวัน ทําให้เขามาช้าเล็กน้อย แต่นั่นมันไม่ใช่ปัญหา
หลังจากที่หลานลี่เปลี่ยนชื่อห้องเป็น “มาดูผู้อํานวยการทําความสะอาดกรงและให้อาหารเสือกัน” จากนั้นก็มีคนเข้ามาเพิ่มอีก 3 คน
ชื่อห้องจะดูเรียบๆ แต่เพียงแค่คําว่า “เสือ” กลับมีแรงดึงดูดให้คนเข้ามาแล้ว!
ฟางเย่ยืนอยู่ในกล้องแล้ว เขายิ้มและแนะนําตัว “สวัสดีครับทุกท่าน ทุกคนเห็นผมชัดไหม? ผมชื่อฟางเย่ เป็นผู้อํานวยการของสวนสัตว์หลินไห่”
พอพูดจบก็มีคอมเมนต์โผล่มาแบบประปราย
“ผู้อํานวยการมาแล้ว!”
“เห็นแล้ว!”
“สวัสดีตอนเช้าผู้อํานวยการ!”
“สวนสัตว์หลินไห่ มันอยู่ในเมืองหลินไม่งั้นเหรอ ฉันพึ่งเข้ามาทํางานที่เมืองหลินไห่เลยไม่ค่อยรู้อะไรมาก”
ฟางเย่ถือโทรศัพท์ไว้มือหนึ่งเพื่ออ่านข้อความที่คนดูพิมพ์เข้ามาได้สะดวก “สวนสัตว์ของเราอยู่ในพื้นที่ชานเมืองหลินไห่ มันค่อนข้างกันดานและไม่ค่อยมีสัตว์ให้ดูมากนัก ส่วนใหญ่เป็นคนในท้องที่ที่จะมาเที่ยวที่นี่ ที่จริงก็มีผู้ปกครองหลายคนที่พาลูกหลานมาเที่ยวเล่นที่เมือง จากนั้นก็พึ่งมารู้ว่าที่หลินไห่มีสวนสัตว์ด้วย”
เขาพูดอย่างสบายๆ และหลานลี่ก็ตามถ่ายเขาอย่างกระตือรือร้น
คนดูบางคนสังเกตเห็นถังน้ําและไม้กวาดจึงถามขึ้น “คุณกําลังจะล้างกรงเหรอ?”
“นี่นายไม่ได้อ่านชื่อห้องรึไง”
“รูปเมื่อวานใช่เจียวเจียว เจ้าเสือไซบีเรียนรึเปล่า?”
คนดูบางคนที่ไม่รู้เรื่องราวก็พิมพ์ถาม “รูปอะไรเหรอ?”
“ผู้อำนวยการเลี้ยงเสียอะ นายไม่เห็นเหรอ?”
“เชี่ย ทําไมฉันไม่เห็นรู้เรื่องเลย!?”
พอพวกเขามองที่ฟางเย่อีกครั้งก็รู้สึกเหมือนต่างจากเดิม
ยอดชายชาตรี!
ทั้งสองเดินมาถึงกรงของเจียวเจียว แล้วพบว่าเธอกําลังนอนอยู่ในกรง แต่พอเห็นว่าฟางเย่เดินเข้ามาเธอก็เดินเข้ามาหาเขาอย่างช้าๆ
เธอหยุดอยู่ตรงหน้ากรงเหล็ก มองไปยังเขาพลางหรี่ตาราวกับพึ่งตื่น แม้ระยะห่างของทั้งสองจะถูกกั้นไว้ด้วยกรง แต่ภาพที่เห็นกลับดูสวยงาม
เมื่อเจียวเจียวเห็นว่ามีคนยืนถือโทรศัพท์อยู่ เธอก็มองไปยังกล้องอย่างสงสัยว่ากําลังทําอะไรอยู่
พวกคนดูต่างก็พิมพ์ข้อความกันอย่างตื่นเต้น
“อ้าว! ฉันโคตรชอบเจ้าแมวยักษ์เลย!”
“ว้าว เจ้าตัวโต! โคตรดุดัน!”
“นี่มันน่าสนใจยิ่งกว่าดูสาวสวยอีก!”
เจียวเจียวมองไปที่โทรศัพท์ก่อนจะเลิกสนใจ และหันกลับมาดมหัวเข่าของฟางเย่ราวกับต้องการคัดกรองกลิ่นของเขาว่ามีกลิ่นอื่นรึไม่
ฟางเย่มองเจียวเจียวแล้วรู้สึกว่าวันนี้เธอดูอารมณ์ดี จากนั้นก็เปิดใช้งานทักษะดวงตาสังเกตการณ์ และหน้าต่างข้อมูลของเจียวเจียวก็ปรากฏขึ้น
[เสือโคร่งไซบีเรียน: เจียวเจียว
อายุ: 3 ปี
อารมณ์: มีความสุข]
เจียวเจียวขยับเข้ามาอีก แต่กลับไม่ถึงตัวฟางเย่ เธอจึงร้องเสียงครางต่ําๆ ออกมา จากนั้นก็ยกสองขาหน้าขึ้นเกาะกรงและถูกหน้าตัวเองกับกรงเหล็กด้วยท่าทางที่ดูเป็นกุลสตรี
“โว้ว อยู่ๆ ก็คํารามแบบนี้มันตกใจน่ะ!”
“พระเจ้า! นี่มันภาพลวงตารึเปล่า!? ทําไมเสือตัวนี้ถึงทําตัวเหมือนเด็กเลย”
“เหมือนฉันจะไม่ได้คิดไปเองคนเดียวสินะ มันทําตัวเหมือนแมวของฉันตอนอ้อนเลย!”
“ฮ่าฮ่า เสือก็คือแมวนั่นแหละ! แค่ตัวใหญ่กว่า!”
“เหมือนว่าเสือตัวนี้จะชอบผู้อํานวยการมาก”
ฟางเย่หันมาแนะนําเจ้าแมวยักษ์ให้กล้อง “นี่คือเจียวเจียว เอาละ ทุกคนคงจะสงสัยใช่ไหมว่าเราทําความสะอาดกรงกันยังไง”
ไปที่ประตูกรง
ฟางเย่เอื้อมมือไปที่เอวแล้วหยิบกุญแจออกมา จากนั้นก็นําไปไขประตูเหล็กอย่างลื่นไหลและเปิดประตูเข้าไป
ประตูเหล็กถูกแง้มเปิดขึ้น จากนั้นเจียวเจียวก็พยายามแทรกตัวออกมาอย่างรวดเร็ว จนครึ่งหัวของมันโผล่ออกมานอกกรงแล้ว
คนดูที่รับชมอยู่ชะงักค้าง “!!!”
“ชิบแล้ว!”
“แม่จ๋า!”
“หนี! เสือหลุดจากกรง!”
หลานลี่ที่อยู่ข้างๆ แทบเข่าทรุด แทบทำโทรศัพท์หลุดมือ และโทรศัพท์ก็ส่งเสียงร้องต่อเนื่องราวกับยุงชุม
อันตราย!!
การล้างกรงมันไม่ใช่แบบนี้นี่!!
“เจียวเจียว เด็กดี ให้ฉันเข้าไปก่อนน่ะ!”
ฟางเย่ไม่ได้ร้อนรนอะไร เขาจับประตูไว้ด้วยมือเดียวและอีกมือที่ถือถังน้ําก็ใช้ดันหัวเจียวเจียวเบาๆ
“เอ้า หลบเร็ว! อย่าเบียดสิ!”
เจียวเจียวรู้สึกตกตะลึง แต่ก็ส่ายหัวและหมุนตัวออกมา เธอไม่ได้จะหนีออกจากกรง ที่จริงเธอแค่อยากเล่นกับฟางเย่เท่านั้น ไม่ได้จะหนีแต่อย่างใด
ฟางเย่ใช้โอกาสนี้เดินเข้าไปในกรงอย่างรวดเร็วและรีบล็อคประตู ฉากตรงหน้าทําให้คนดูพิมพ์ข้อความรัวๆ ด้วยความตื่นเต้น
“โคตรน่ากลัว! แทบทำโทรศัพท์หลุดมือแล้วแล้วเมื่อกี้”
“ตากล้องอยู่ใกล้กับเสือมาก ตอนที่มันจะออกมา ฉันถึงกับถอยหนีเลย....”
“ออกมาข้างนอกแล้ววิ่งเล่น!”
“ผู้ดูแลสัตว์ต้องทํางานกันอย่างนี้เหรอเนี่ย ชื่นชม! นับถือๆ!”
“เมนต์บน! นายเข้าใจผิดแล้ว ปกติเขาจะแบ่งกรงออกเป็น 2 ส่วนและแยกสัตว์กับผู้ดูแลออกจากกัน ไม่อย่างนั้น สวนสัตว์คงได้เปลี่ยนผู้ดูแลทุกวัน!”
“แล้วทําไมผู้อํานวยการถึงเข้าไปได้ละ?”
“เพราะว่า....เขาเป็นชายชาตรียังไงละ!!”