ตอนที่ 8
เฉิงอวี้อยากอุ้มหลินอันหลานไปที่ห้องนอน แต่กลัวจะทำให้อีกฝ่ายตื่น จึงเอนตัวที่โซฟาและกอดหลินอันหลานไว้
มือข้างหนึ่งของเขากอดหลินอันหลานไว้ ส่วนอีกมือก็ส่งวีแชตไปหาผู้จัดการตัวเอง
เฉิงอวี้ : ไปติดต่อรายการแบ็กแพ็กบอย ฉันต้องการเข้าร่วมรายการนี้
เฉิงอวี้ : ค่าตัวไม่สำคัญ ดูว่าใครเป็นแขกรับเชิญ ถ้ามีหลินอันหลานก็เซ็น ถ้าไม่มีไม่ต้องเซ็น
เฉิงอวี้ : ถ้ามีปัญหาอะไรก็พิมพ์มา ไม่ต้องโทร เขากำลังนอนอยู่
ซุนเมิ่ง : ...
แค่เห็นข้อความไม่กี่ประโยค ซุนเมิ่งก็รู้สึกปวดหัวแล้ว เขาคิดว่าบรรพบุรุษท่านนี้เป็นคนที่ไม่สนใจเรื่องพรสวรรค์และความสามารถของตัวเองที่สุดเท่าที่เคยเห็นมาแล้ว
ซุนเมิ่ง : จะอ่านบทของผู้กำกับจางไหม
ซุนเมิ่ง : ไม่แสดงหนังของผู้กำกับจางแต่จะไปอัดรายการวาไรตี้ นายอยากให้แฟนคลับของนายส่งข้อความมาด่าฉันเหรอ
ซุนเมิ่ง : ฉันจะติดต่อทีมงานรายการแบ็กแพ็กบอยให้ แต่นายต้องไปอ่านบทของผู้กำกับจางที่ฉันส่งให้ในอีเมล ขอแค่นี้คงไม่ยากเกินไปใช่ไหม
เฉิงอวี้รู้สึกว่าอีกฝ่ายดื้อรั้นมาก
เฉิงอวี้ : เข้าใจแล้ว
ซุนเมิ่ง : สาบานนะว่านายจะอ่าน
เฉิงอวี้ : ...ฉันอ่านแน่ นายรีบไปติดต่อเถอะน่า
ซุนเมิ่งยอมแพ้ จากนั้นเขาก็ไปติดต่อทีมงานของรายการแบ็กแพ็กบอย
เฉิงอวี้เห็นว่าหลินอันหลานยังหลับอยู่ก็เข้าไปที่อีเมลตัวเอง และค้นหาบทของผู้กำกับจางตามคำสั่งซุนเมิ่ง
ภาพยนตร์เรื่องนี้มีชื่อว่า “อวิ๋นอวิ๋น” ที่แปลว่าสรรพสิ่งมีชีวิต ดูเหมือนจะธรรมดาแต่ไม่ธรรมดา
ในเรื่องมีตัวละครเอกอยู่สามตัว ชายสองหญิงหนึ่ง แต่ไม่ใช่เรื่องที่ชายทั้งสองจะแย่งผู้หญิง เป็นเรื่องการเติบโตของตัวละครแต่ละตัว
ในเรื่องนี้บทบาทสำคัญที่สุดคือ กู้ซูอวี่ นักแสดงชายหมายเลขหนึ่ง
กู้ซูอวี่เป็นเด็กเรียนดี ครอบครัวมีฐานะ
พ่อแม่ของเขาเป็นเจ้าของกิจการ มีเงิน แต่มีเวลาอยู่ร่วมกับลูกน้อย
กู้ซูอวี่เข้าใจว่าพ่อแม่ทำเพื่อเขาจะได้มีชีวิตที่ดีขึ้น แต่กู้ซูอวี่ก็หวังว่าพ่อแม่จะมีเวลาอยู่กับเขามากกว่านี้
สมัยมัธยมปลายเขาเคยโดนโจรดักปล้น แต่มีผู้ชายคนหนึ่งมาช่วยได้ทัน ผู้ชายคนนั้นชื่อว่า จิ่งฮ่วน
ที่บ้านของจิ่งฮ่วนยากจนมาก เขาเลยต้องลาออกจากโรงเรียนเพื่อมาทำงาน กู้ซูอวี่อยากจะช่วยเขา แต่ว่าจิ่งฮ่วนก็มีเงินเดือนเป็นของตัวเอง ดังนั้นเขาจึงไม่รับความช่วยเหลือของกู้ซูอวี่
บังเอิญว่าครอบครัวของจิ่งฮ่วนล้มป่วย จิ่งฮ่วนจึงไปขอยืมเงินจากกู้ซูอวี่อย่างเร่งรีบ
กู้ซูอวี่ก็เอาเงินให้เขายืม ตั้งแต่นั้นมาทั้งสองคนก็สนิทกันมากขึ้น
หลังจากกู้ซูอวี่ขึ้นมหาลัย ก็ได้พบกับซุนซินซินที่มีนิสัยร่าเริง
ทั้งสองต่างชอบกัน และเมื่อเรียนจบ ทั้งสองคนก็มีความคิดขัดแย้งกัน จึงเลิกรากันในที่สุด
ห้าปีต่อมา กู้ซูอวี่ก็แต่งงาน จิ่งฮ่วนและซุนซินซินก็ได้มาร่วมงานแต่งงานของเขา
พวกเขาต่างมาร่วมอวยพร และแยกย้ายกันเมื่องานเลี้ยงจบ
กลางสี่แยก สามคนเดินไปสามทาง กู้ซูอวี่เดินเข้าไปในฝูงชนและกลายเป็นแค่คนธรรมดา
แต่กู้ซูอวี่ไม่รู้ว่าจิ่งฮ่วนชอบเขา ในช่วงเวลาวัยรุ่นที่แสนกดดัน มีเพียงกู้ซูอวี่ที่เป็นแสงสว่างนำทางเขา
จิ่งฮ่วนชอบคนคนนี้มาก เพราะแบบนี้ ทั้งชีวิตของเขาคงไม่เคยพูดคำว่าชอบออกไป
กู้ซูอวี่เห็นจิ่งฮ่วนเป็นแค่เพื่อน ดังนั้นจิ่งฮ่วนจึงอยู่ในมุมของเพื่อนอย่างเงียบๆ มองกู้ซูอวี่มีความรักครั้งแล้วครั้งเล่า และมอบความปรารถนาที่สุดให้เขาเท่านั้น
จิ่งฮ่วนหวังว่าอีกฝ่ายจะมีความสุขขึ้นไปอีก
แต่จิ่งฮ่วนคงไม่รู้ว่าซุนซินซินก็รู้สึกดีกับเขามากเช่นกัน
เธอก็เคยคิดอยากจะช่วยเขาเหมือนกัน อยากให้เขาได้รับความอบอุ่นบ้าง
แต่เธอก็พบว่าจิ่งฮ่วนไม่ได้ต้องการความอบอุ่นจากเธอ
จิ่งฮ่วนเปิดใจให้แค่กู้ซูอวี่ เหมือนเขาจะยอมรับการช่วยเหลือของกู้ซูอวี่เท่านั้น
ดังนั้นเธอจึงเอาเวลาให้จิ่งฮ่วนกับกู้ซูอวี่ได้อยู่ด้วยกันมากขึ้น หวังแค่ให้จิ่งฮ่วนมีความสุขมากขึ้นอีกนิด ให้มิตรภาพของพวกเขายังคงอยู่
ถ้าอย่างนั้น มีอะไรที่ซุนซินซินไม่รู้บ้าง
แน่นอนว่ามี เธอไม่รู้ว่าเงินลงทุนครั้งแรกเมื่อตอนเธอเพิ่งเรียนจบนั่นมาจากกู้ซูอวี่
ในตอนนั้นไม่มีใครเชื่อใจเธอเลย แต่เธอก็ไม่อยากยอมแพ้ ทุกวันซุนซินซินจะไปเยี่ยมเยือนบริษัทที่สามารถทำสัญญากับเธอได้ ตอนนั้นเธอบอกกับตัวเองเสมอว่าจะต้องยืนหยัดต่อไป
กู้ซูอวี่รู้ถึงความฝันของเธอ เขาหวังว่าเธอจะสามารถยืนหยัดและมั่นใจในตัวเองเช่นนี้ไปตลอด ดังนั้นเขาจึงขอร้องเพื่อนเก่า ใช้ชื่อของเพื่อนคนนั้นเพื่อลงทุนกับโครงการของซุนซินซิน
จากนั้นกู้ซูอวี่ก็ได้เห็นรอยยิ้มสดใสที่เขาชอบ ได้เห็นเธอยืนใต้แสงตะวันอันร้อนแรง เติบโตขึ้นอย่างมั่นใจ
พวกเขาล้วนเป็นคนธรรมดา แต่ว่าพวกเขาจะเป็นคนพิเศษสำหรับอีกฝ่าย
เมื่อพวกเขาเดินท่ามกลางฝูงชน เขาก็กลายเป็นแค่สรรพสิ่งมีชีวิต
แบบนี้แหละที่เรียกว่าชีวิต
เฉิงอวี้อ่านบทในโทรศัพท์อย่างเงียบๆ จนจบ จากนั้นก็หันไปอ่านประวัติของตัวละครอีกครั้ง
เขาอ่านอย่างละเอียด จากนั้นก็ส่งข้อความหาซุนเมิ่ง : ผู้กำกับจางอยากให้ฉันแคสบทเป็นใคร
ซุนเมิ่งเห็นเขาตอบแบบนี้ก็แปลว่าเขาอ่านแล้วจริงๆ จึงรีบตอบว่า “แน่นอนว่าต้องเป็นกู้ซูอวี่สิ เขาคิดว่านิสัยของนายเหมาะกับบทนี้มาก”
เฉิงอวี้ก็เดาไว้แบบนั้นเหมือนกัน แต่เขาไม่อยากแสดงเป็นกู้ซูอวี่ เมื่อเฉิงอวี้ก้มมองคนที่อยู่ในอ้อมกอดตอนนี้ ก็เอื้อมมือไปลูบแก้มอีกฝ่ายเบาๆ แล้วกดจูบที่ริมฝีปากอย่างห้ามใจไม่อยู่
เขามองอีกฝ่ายอย่างหลงใหล แววตาเปี่ยมไปด้วยความรัก
เฉิงอวี้หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาตอบซุนเมิ่งว่า : ฉันไปแคสได้ แต่ต้องไม่ใช่บทกู้ซูอวี่ ฉันจะแคสบทจิ่งฮ่วน
เฉิงอวี้ : ถ้าหลินอันหลานยอมแสดงบทกู้ซูอวี่ ฉันจะแสดงบทจิ่งฮ่วน แต่ถ้าเขาไม่แสดง ฉันก็ไม่แสดงเหมือนกัน
ซุนเมิ่ง : ...
ซุนเมิ่ง : ฉันโทรหานายตอนนี้ได้ไหม
เฉิงอวี้ : ไม่ได้ เขานอนอยู่
ซุนเมิ่ง : ...