ตอนที่แล้วตอนที่ 7 อวดซะหน่อย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 9 ยอดชายชาตรี

ตอนที่ 8 ค่าชื่อเสียงเพิ่มขึ้น  


ทะลุมิติมาสร้างสวนสัตว์ในฝัน ตอนที่ 8 ค่าชื่อเสียงเพิ่มขึ้น

วันต่อมา เวลา 6 โมงครึ่งก็มีเสียงของนาฬิการ้องปลุก

ฟางเย่บิดตัวเกียจคร้าน ลูบดวงตาปรือๆ แล้วไปล้างหน้าแปรงฟันเพื่อเตรียมตัวไปข้างนอก

เขาเดินไปยังโรงอาหารที่อยู่ตรงข้ามกับห้องพัก กลิ่นของซาลาเปาที่พึ่งอบเสร็จใหม่ๆ โชยมาแตะจมูก

“เหล่าจาง วันนี้ทำอะไรกินครับ” ฟางเย่เดินมานั่งที่โต๊ะประจําของตัวเอง แล้วตะโกนถามพ่อครัวอย่างเป็นกันเอง

ในโรงอาหารไม่มีใครนั่งอยู่เลยนอกจากฟางเย่ ทําให้ดูค่อนข้างเว้งว้าง เนื่องจากสวนสัตว์มีเจ้าหน้าที่อยู่ไม่ถึง 20 คน ซึ่งจํานวนนี้รวมถึงพนักงานต้อนรับ ขายตั๋ว ยาม และเหล่าจางที่เป็นพ่อครัวแล้ว

อีกหนึ่งเหตุผลที่คนยังน้อยอยู่ เพราะสวนสัตว์ตั้งอยู่ในพื้นที่ไกลจากตัวเมือง ทําให้นักท่องเที่ยวมักจะมาในช่วงสาย พวกเขาจึงไม่จําเป็นต้องรีบตื่นแต่เช้า

เหล่าจางยื่นหน้าอ้วนๆ ผ่านทางหน้าต่างของห้องครัว แล้วทักทายฟางเย่ด้วยสําเนียงท้องถิ่น “วันนี้ผู้อํานวยการตื่นเช้าจริงน่ะครับ! เช้านี้มีปลาท่องโก๋ ซาลาเปา ไข่ต้ม และเต้าหู้! ส่วนมื้อกลางวันผมจะทําของดอง มันฝรั่งทอด สลัด และหมู คุณอยากทานอะไรครับ?”

ฟางเย่ยิ้ม แล้วตอบกลับเป็นอาหารที่เขาอยากกิน ทําให้หน้าอ้วนๆ ของเหล่าจางปรากฏรอยบุ๋มของลักยิ้มและดวงตาที่โค้งมน

เหล่าจางเป็นพนักงานของสวนสัตว์หลินไม่ตั้งแต่ยังก่อตั้ง เขานับว่าเป็นหนึ่งในผู้อาวุโสของสวนสัตว์ที่ผ่านประสบการณ์ร่วมกับสวนสัตว์ในช่วงเวลาที่มันมีชื่อเสียงมากที่สุด!

ตอนนี้สถานะของสวนสัตว์กลับไม่ได้ดีนัก แต่เขาก็ยังตื่นแต่เช้าไปซื้อผักและเนื้อมาทําอาหารให้แก่พนักงาน รวมถึงอาหารให้แก่พวกสัตว์ และกลับมาทําอาหารกับภรรยาของเขาอย่างมีความสุข

นี่ทําให้ฟางเย่นับถือในตัวเหล่าจางเป็นอย่างมาก

เขาทานอาหารที่เหล่าจางทํามาให้พลางเปิดหน้าต่างระบบ แล้วต้องชะงักไปพักใหญ่

เอิ่ม....นี่เกิดอะไรขึ้น??

หลังจากฟางเย่เปิดระบบก็ไม่สามารถทราบสาเหตุว่าทําไมค่าชื่อเสียงของสวนสัตว์กลับกลายเป็น 352 ไปได้

ทําไมจู่ๆ ถึงเพิ่มขึ้นตั้งขนาดนี้ละ? เมื่อวานยังแค่ 43 เองไม่ใช่เหรอ?

ค่าชื่อเสียงที่เพิ่มขึ้นถือเป็นเรื่องดี เพราะนั่นหมายความว่าสวนสัตว์มีคนรู้จักมันมากขึ้น และเขาก็สามารถนําแต้มไปใช้ในการสุ่มลอตเตอรี่ได้ด้วย แต่ทําไมจู่ๆ ถึงเพิ่มขึ้นมาเฉยเลยแบบนี้?

แปลกมาก

ฟางเย่ขมวดคิ้วก่อนจะตระหนักว่าเกิดอะไรขึ้นก็ไม่รู้ตัวว่ากินอาหารหมดไปตั้งเมื่อไหร่

หลานสี่เดินไปเข้ามาในโรงอาหาร จากนั้นก็นั่งที่ตรงข้ามกับฟางเย่ แล้วอ้าปากจะพูดอะไรซักอย่าง แต่สุดท้ายก็เงียบไปและวางมือไว้บนตักอย่างคนมีความผิด

ฟางเย่มองไปยังอีกฝ่าย แล้วพูดขึ้นอย่างร่าเริง “หลานลี่! วันนี้คุณไปช่วยผมทําความสะอาดกรงของเจียวเจียวด้วยน่ะ”

พอพูดจบก็รู้สึกได้ว่ามีอะไรแปลกๆ กับผู้ช่วยของเขา “คุณเป็นอะไรรึเปล่า”

หลานลี่มองเขาอย่างกับจะร้องไห้ กํามือของตัวเองแน่น หลังจากนั้นซักพัก เธอก็ยอมเปิดปากพูด “ผู้อ่านวยการ~ ขอโทษนะค่ะ ฉันลงรูปที่คุณเล่นกับเจียวเจียวเมื่อวานแล้วไม่ได้ถามคุณ....คุณหักเงินเดือนฉันได้เลยคะ!”

“ผมก็นึกว่าอะไร ไม่ต้องห่วงหรอก” ฟางเย่โบกมืออย่างไม่คิดอะไรมาก จากนั้นเหมือนนึกอะไรได้

โอ้วว นี่สินะต้นเหตุของค่าชื่อเสียงที่เพิ่มขึ้น! ทําเราสงสัยตั้งนาน

หลานลี่พยายามอธิบายต่อ “ผู้อํานวยการ มันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดนะคะ เพื่อนของฉันบางคนเอารูปไปลงในเว่ยป๋อ แล้วตอนนี้ก็มีคนพูดถึงเต็มเลย แถมมีคอมเมนต์บางอันพูดแย่ๆ เกี่ยวกับคุณด้วย....ฉันขอโทษจริงๆ ค่ะ!”

เธอรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก เพราะไม่คิดว่ารูปภาพของเธอจะทําให้เกิดการวิจารณ์เป็นวงกว้างในสังคมออนไลน์แบบนี้

เธอค่อยๆ เหลือบมองฟางเย่ แต่เหมือนว่าสีหน้าของเขาจะแตกต่างจากที่เธอคิดไว้ เขาไม่ได้โกรธ แต่กําลังยิ้มราวกับว่า...มีความสุข?

“เยี่ยม! ผมกําลังหาทางเพิ่มชื่อเสียงให้สวนสัตว์ของเราอยู่เลย มีคนมารีโพสต์คุณเท่าไหร่ครับ!” ฟางเย่ตบหน้าขาตัวเอง แล้วเปิดเว่ยป๋ออย่างตื่นเต้นพลางค้นหาหัวข้อเกี่ยวกับเสืออย่างรวดเร็ว

“เอ่อ....มีรีโพสต์ไม่เท่าไหร่ แต่คอมเมนต์ประมาณ 100 กว่าคอมเมนต์ค่ะ....” เธอกระพริบตาปริบๆ แล้วมองมาที่เขาราวกับยังสงสัยอยู่

“ผู้อํานวยการ มันจะไม่เป็นอะไรจริงๆ เหรอค่ะ?”

ฟางเย่ไม่ตอบแล้วค้นหาต่อไปก่อนจะพบว่า “เห้อ ทําไมมีรีโพสต์แค่นี้เอง” จากนั้นเดาะลิ้มอย่างผิดหวัง คนสมัยนี้นี่ใช้ไม่ได้จริงๆ

แต่เมื่อคิดดูแล้ว เพียงแค่รูปภาพคงไม่เพียงพอที่จะสร้างชื่อเสียงให้สวนสัตว์หลินไหในชั่วข้ามคืน

อย่างน้อยก็ต้องสร้างโรงเสือให้เสร็จก่อนถึงจะมีสิทธิ์

เขามองไปยังผู้ช่วยของตัวเองที่นั่งตัวสั่น แล้วคิดกับตัวเองว่าเธอช่างซื่อสัตย์จริงๆ! และเมื่อเห็นเธอยังกังวลอยู่ก็พูดปลอบโยนให้คลายกังวล

“นี่เป็นเรื่องดีอยู่แล้วครับ อีกอย่างคุณก็ไม่ได้ตั้งใจใช่ไหมล่ะ”

“จริงเหรอคะ?” หลานลี่ยังไม่มั่นใจ แต่ได้ฟางเย่ก็พยักหน้ายืนยัน เธอจึงยิ้มออกมาพลางถอนหายใจอย่างโล่งอก

แล้วเธอก็ไปหาเหล่าจางเพื่อสั่งอาหารเช้ามานั่งทาน

ฟางเย่ที่นั่งอยู่ก็หาข้อมูลไปเรื่อย และพบกับภาพที่ให้เจียวเจียวนอนหนุนตักเขา ซึ่งกำลังลูบหัวและกอดคอของเธอเล่นอย่างมีความสุข ซึ่งคอมเมนต์ก็เข้ามาแสดงความคิดเห็นกันมากมาย

“เจ้าเหมียวตัวโตนั่นน่ารักจัง!”

“โว้ว โว้ว ไม่กลัวจะโดนงาบหัวรึไง?”

“ยอดชายตัวปลอมชอบโชว์กล้าม ยอดชายตัวจริงจะต้องเล่นกับเสือและรอยยิ้ม!!”

“ฉันมีเพื่อนที่เป็นเหมือนเขาอยู่คนหนึ่ง แต่ตอนนี้หญ้าขึ้นหลุมลึกฝังศพเขายาว 3 ฉื่อแล้ว!”

“น้องชายหล่อมาก!

ฟางเย่: มีคนพูดความจริง!!

แต่ก็อย่างที่หลานลี่บอก มีคอมเมนต์บางส่วนที่แสดงความเห็นแง่ลบอยู่

“รูปตัดต่อ? มีใครกล้าลูบเสือแบบนี้บ้างถามจริง!”

“คนเรานี่เนอะ ควรจะมีความซื่อสัตย์บ้างนะ”

“โฆษณาชวนเชื่ออะไรซักอย่างนั่นแหละ คนทําไม่เคยอ่านข่าวเสือกินคนรึไง?”

“[โกรธ] [โกรธ] คนสมัยนี้ทําทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองมีชื่อเสียง! ถึงขนาดยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อสร้างชื่อ!”

“ในฐานะนักสัตววิทยา ผมขอเตือนทุกคนว่าภาพนี้เป็นพฤติกรรมที่เสี่ยงเป็นอย่างมาก! ถึงภาพนี้จะดูอ่อนโยนและเสือตัวนั้นดูเชื่องและเป็นมิตร แต่นี่เป็นแค่ภาพลวงตา! เขาไม่มีการสวมอุปกรณ์ป้องกันอันตรายอะไรเลย แบบนี้เหมือนกับการเอาชีวิตตัวเองไปทิ้ง ลองคิดว่าถ้ามันหันมากัดคุณดูสิ!!”

“หมอนี่เป็นใครถึงเดินเข้าไปในกรงเสือได้! สวนสัตว์ที่ไหนถึงไร้ความรับผิดชอบแบบนี้เนี่ย!!”

คนในโลกนี้ยังมีความรู้เกี่ยวกับสัตว์ค่อนข้างน้อย และหวาดกลัวในข่าวที่ว่า “เสือกัดคนในสวนสัตว์” ‘เสือกัดคนจนตาย' ซึ่งทําให้ภาพลักษณ์ของพวกมันดูแย่ลง

ในใจของหลายคน ความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับสัตว์มีเพียงผู้ล่าและผู้ถูกล่าเท่านั้น!

เคารพในธรรมชาติและสิ่งมีชีวิตเหรอ? แบบนั้นมันไม่มีอยู่จริงหรอก!

ในความคิดของหลายคน ภาพความใกล้ชิดกันของมนุษย์กับเสือนั้นแปลกประหลาด

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด