ตอนที่ 7
เฉิงอวี้ชี้ไปที่วีแชตของเจี่ยงซวี่แล้วพูดว่า “ฉันบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าเขาไม่ชอบฉัน ดังนั้นตอนที่เราคบกัน ฉันเลยกังวลมาตลอดว่าเขาจะแยกพวกเราออกจากกัน”
“ในตอนนั้นนายบอกฉันว่าไม่หรอก ถ้าเขายืนกรานจะแยกพวกเราจริงๆ นายจะไม่สนใจเขา”
เฉิงอวี้มองเข้าไปในดวงตาของหลินอันหลาน แล้วพูดโดยไม่เปลี่ยนสีหน้าว่า “นายบอกฉันว่าในเมื่อฉันเป็นแฟนของนายแล้ว เพื่อนของนายก็ควรจะให้เกียรติฉัน ให้เกียรติความสัมพันธ์ของเรา ถ้าไม่ให้เกียรติฉัน นายก็ไม่ต้องการให้เขาเป็นเพื่อนอีกต่อไป”
เฉิงอวี้เขย่าโทรศัพท์ในมือแล้วพูดอีกว่า “แล้วนายก็ทำมันจริงๆ”
เขาขยับเข้าไปหาหลินอันหลาน ความจริงมันไม่มีอะไรเลย แต่เฉิงอวี้ก็เล่าได้เปี่ยมไปด้วยมิตรภาพจริงๆ “ตอนแรกฉันคิดว่าพวกนายเป็นเพื่อนกันมาตั้งหลายปี นายคงจะเข้าข้างเขามากกว่า แต่คิดไม่ถึงเลยว่านายจะอยู่ข้างฉัน”
หลินอันหลานมองเข้าไปในแววตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความจริงใจ เมื่อได้ฟังเหตุผลของเฉิงอวี้ หลินอันหลานก็จับใบหน้าอีกฝ่ายแล้วพูดว่า “คิดอะไรแบบนั้นเล่า นายคือแฟนของฉันนะ ฉันต้องอยู่ข้างนายแน่นอน แล้วอีกอย่าง ฉันอยู่กับนายมาตั้งหลายปี เขาก็ไม่ควรจะเพ่งเล็งมาที่นายแบบนั้น”
เฉิงอวี้รู้สึกเหมือนตัวเขากำลังจะลอย ตั้งแต่เกิดมา เขาไม่เคยคิดเลยว่าจะได้ยินคำพูดแบบนี้มาจากปากของหลินอันหลาน ที่บอกว่าจะอยู่ข้างเขาไม่ใช่เจี่ยงซวี่
ต่อให้หลินอันหลานแสร้งทำ หรือเจี่ยงซวี่ตั้งใจวางแผนมาแบบนี้เพื่อให้เขาเชื่อใจหลินอันหลาน แต่เขาก็ยอม ยอมหมดแล้ว
ได้อยู่ใกล้ๆ หลินอันหลานแบบนี้ ไม่ว่าเจี่ยงซวี่จะให้หลินอันหลานมาที่นี่เพื่ออะไร เขาก็จะยกให้ทั้งหมด
เฉิงอวี้เอื้อมมือไปกอดหลินอันหลาน จากนั้นก็หอมแก้มของอีกฝ่ายอย่างห้ามใจไว้ไม่อยู่
“นายดีกับฉันจังเลย” เฉิงอวี้พูด “อันอันของฉันเป็นภรรยาที่ดีที่สุดในโลกเลย”
หลินอันหลานหัวเราะ ตอนนี้ชื่อของเขาเปลี่ยนเป็นอันอันอีกแล้ว
เฉิงอวี้กอดอยู่สักพักหนึ่งจึงเอาโทรศัพท์คืนให้หลินอันหลาน ให้หลินอันหลานอ่านข้อความด้วยตัวเอง แล้วตัวเขาก็ไปช่วยหลินอันหลานเก็บเสื้อผ้าแทน
แต่หลินอันหลานไม่ชินที่จะให้คนอื่นมาเก็บเสื้อผ้าให้ เขาเลยวางโทรศัพท์ทิ้งไว้ก่อน แล้วไปช่วยเฉิงอวี้จัดของพร้อมกัน
จากนี้หลินอันหลานมาอาศัยอยู่ที่บ้านเฉิงอวี้โดยสมบูรณ์แล้ว ส่วนเฉิงอวี้มีเพียงเงื่อนไขเดียวเท่านั้น คือ “อย่าปลดบล็อกเจี่ยงซวี่เด็ดขาด ถ้าเขารู้ว่านายความจำเสื่อม เขาจะต้องพานายไปจากฉันแน่นอน ฉันรู้จักเขาดี”
หลินอันหลานก็ไม่ได้คัดค้านอะไร ตอนนี้ความทรงจำของเขาสูญหาย มีหลายสิ่งที่เขาไม่รู้ หากคนอื่นจะมาหลอกก็เป็นเรื่องที่ง่ายมาก
ดังนั้นตอนนี้คนที่หลินอันหลานเชื่อใจมากที่สุดก็มีเพียงเฉิงอวี้ เพราะในความทรงจำของเขามีเพียงเฉิงอวี้
ในความทรงจำที่ขาดหายและว่างเปล่าของหลินอันหลาน มีเพียงชื่อของเฉิงอวี้เท่านั้นที่ชัดเจน
ดังนั้นมีเพียงเฉิงอวี้คนเดียวเท่านั้นที่เขาจะเชื่อ
เมื่อหลินอันหลานคิดได้เช่นนั้น เขาก็รู้สึกโชคดีที่ยังมีคนไว้ใจได้อยู่ข้างกาย ไม่เช่นนั้นเขาจะต้องไปผจญภัยกับโลกใบนี้ใหม่ และมันคงไม่ง่ายขนาดนี้แน่นอน
หลินอันหลานเงยหน้าขึ้นจูบปลายคางเฉิงอวี้เบาๆ เฉิงอวี้ตกใจมาก
หลินอันหลานไม่เข้าใจว่าเฉิงอวี้จะตกใจอะไร แล้วเขาก็นึกได้อย่างรวดเร็วว่าเขาเพิ่งเจอเฉิงอวี้เมื่อวาน วันนี้ก็เริ่มจูบอีกฝ่ายก่อนแล้ว
จะต้องเป็นเพราะว่าเฉิงอวี้น่ะ เดี๋ยวกอด เดี๋ยวจูบ ดังนั้นเขาก็เลยรู้สึกเคยชินแล้วทำตามน่ะสิ
แต่หลินอันหลานก็คิดได้ว่านี่ถือเป็นบททดสอบว่าพวกเราเป็นแฟนกันจริงๆ นั่นแหละนะ
ดังนั้นต่อให้ความจำเสื่อม แต่เขาก็ยังรู้สึกสนิทกับฝ่ายตรงข้ามอยู่ หลินอันหลานจึงไม่สามารถยับยั้งความใกล้ชิดเหล่านี้ได้
เขาปล่อยมือด้วยความเขินอาย “ฉันจะไปดูของในตู้เย็นก่อนว่ามีอะไรกินไหม ตอนนี้ฉันหิวนิดหน่อย”
เฉิงอวี้รีบจับไหล่ของหลินอันหลานเอาไว้ ไม่ยอมปล่อยให้เขาไป “จูบอีก”
นี่เป็นครั้งแรกที่หลินอันหลานเริ่มจูบก่อน เฉิงอวี้รู้สึกตกใจและดีใจมาก ก็เลยอยากได้มากกว่านี้
แต่หลินอันหลานรู้สึกเขินอายมาก “ฉันหิวแล้ว”
“ฉันจะไปทำกับข้าวให้ แต่นายต้องจูบฉันอีกทีก่อน”
หลินอันหลานกะพริบตาปริบๆ เขาอยากให้เฉิงอวี้ปล่อยเขาไป
เมื่อเฉิงอวี้เห็นดังนั้นก็ไม่อยากจะทำให้หลินอันหลานลำบากใจ “งั้นฉันจูบเอง”
เมื่อพูดจบ เขาก็ก้มหน้าลงมาจูบที่หน้าผากของหลินอันหลาน
จากนั้นก็ผละออกมาอย่างไม่เต็มใจ ตอนที่เพิ่งผละออกมายังจูบซ้ำอีกรอบด้วย เขากอดหลินอันหลานด้วยความอ่อนโยนแล้วถามเบาๆ ว่า “นายอยากกินอะไร”
“หมูผัดพริกหยวก” หลินอันหลานตอบ
“ได้” เฉิงอวี้โอบไหล่หลินอันหลานไปที่ตู้เย็น
หลินอันหลานเห็นเฉิงอวี้สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เลยโบกมือไปด้านหน้าของเขาเบาๆ “มองอะไรเหรอ เหม่ออยู่หรือไง”
เฉิงอวี้ที่เพิ่งได้สติก็หันไปมองคนด้านข้าง พร้อมหัวเราะเบาๆ และกล่าวว่า “มองนายไง ภรรยาของฉันดูดีขนาดนี้”
หลินอันหลานคีบเนื้อใส่ชามของเขาแล้วพูดว่า “รีบกินเถอะ”
เฉิงอวี้พยักหน้าและเริ่มทานข้าว
หลังจากกินเสร็จ หลินอันหลานรับผิดชอบเช็ดโต๊ะ เฉิงอวี้จัดการเก็บครัวและเอาผักกับเนื้อสัตว์ที่ยังกินไม่หมดเก็บไว้ในตู้เย็น
เฉิงอวี้เห็นว่าในตู้เย็นยังมีแอปเปิลอยู่หลายลูก ก็เลยหยิบออกมา เอาไปล้างในห้องครัว
ตอนที่เฉิงอวี้กำลังหั่นแอปเปิลอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์ของหลินอันหลานดังขึ้น หลินอันหลานรับแล้วถามว่า “มีอะไรเหรอ”
“รายการอะไร”
“ถ่ายเมื่อไหร่”
“งั้นก็ได้ ช่วงนี้ฉันไม่ถ่ายหนัง ถ้าอัดรายการวาไรตี้ก็น่าจะได้อยู่”
เฉิงอวี้ที่กำลังปอกแอปเปิลชะงักไปทันที เขามองแอปเปิลที่อยู่ในมือ ยืนคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็เริ่มหั่นต่อ เขาหั่นจนเป็นเสี้ยวเล็กๆ ขนาดพอดีคำ
เขาเอาแอปเปิลที่หั่นแล้ววางไว้ในจาน
หลินอันหลานที่วางสายโทรศัพท์แล้วเดินกลับเข้ามา เห็นเฉิงอวี้กำลังหั่นแอปเปิลอยู่ ก็เลยหยิบแอปเปิลหนึ่งชิ้นป้อนคนหั่น
เฉิงอวี้เคี้ยวแอปเปิลที่อยู่ในปากแล้วถามว่า “นายจะไปถ่ายรายการวาไรตี้เหรอ”
หลินอันหลานพยักหน้า “เป็นรายการกลางแจ้ง มีเที่ยว ปีนเขา เล่นเกม ค่าตัวที่ให้มาก็โอเค ตอนนี้ฉันไม่ได้รับซีรีส์ก็เลยตกลงไป”
“อย่างนี้นี่เอง ไม่แน่นะว่าพวกเราอาจจะได้เจอกัน” เฉิงอวี้พูดเหมือนไม่ใส่ใจ
หลินอันหลานถามอย่างตกใจ “นายก็จะถ่ายรายการวาไรตี้เหรอ”
“เมื่อเช้ามีรายการหนึ่งติดต่อมาตอนที่นายยังไม่ตื่น ผู้จัดการส่วนตัวส่งให้ฉัน บอกว่ากำลังคุยอยู่เพราะทางด้านนั้นก็กำลังลังเล”
“รายการแบ็กแพ็กบอยหรือเปล่า”
“ไม่แน่ใจ ทางนั้นบอกว่ากำลังลังเล ฉันก็เลยไม่ได้ถามมาก”
เฉิงอวี้ยื่นแอปเปิลป้อนหลินอันหลาน แล้วถามอย่างหยั่งเชิงว่า “ถ้าเป็นรายการนี้จริงๆ นายจะโอเคไหมที่ฉันอยู่รายการเดียวกับนาย”
หลินอันหลานเคี้ยวแอปเปิลพร้อมพยักหน้า “โอเคสิ”
เขามองเฉิงอวี้ “แต่ว่าในรายการนายจะทำตัวเหมือนตอนอยู่ที่บ้านไม่ได้นะ ไม่อย่างนั้นคนทั้งประเทศจะหาว่าพวกเราเป็นเกย์”
เฉิงอวี้ถอนหายใจด้วยความโล่งอก หยิบแอปเปิลป้อนให้หลินอันหลานอีก เขาพูดอย่างดีใจว่า “วางใจเถอะ ยิ่งพูดมากก็ไม่ค่อยมีคนเชื่อมากเท่านั้น”
“แต่ก็จะโจ่งแจ้งเกินไปไม่ได้นะ”
เฉิงอวี้พยักหน้า “ได้ ฉันจะเชื่อฟังภรรยา”
“ห้ามเรียกแบบนี้ในรายการนะ” หลินอันหลานพูดต่อ “แล้วก็ห้ามเรียกว่าที่รักด้วย”
“งั้นก็เรียกว่าอันอันได้”
หลินอันหลานพยักหน้า
เฉิงอวี้ถอนหายใจ “ฉันน่าสงสารมากเลย”
หลินอันหลานหัวเราะแล้วป้อนแอปเปิลให้เขา “กินแอปเปิลซะ”
เฉิงอวี้เงยหน้ามองหลินอันหลาน จากนั้นก็ออกแรงลากเข้ามาอยู่ในอ้อมกอด “ฉันจะกินแอปเปิลทำไม กินนายดีกว่า เหมือนกับแอปเปิลนั่นแหละ”
พูดจบก็ก้มหน้าลงจูบหลินอันหลาน
ในปากของหลินอันหลานยังมีกลิ่นของแอปเปิลอยู่ เฉิงอวี้จูบอยู่นานมาก จนรู้สึกว่าเขาได้ดูดกลิ่นของแอปเปิลไปจนหมดสิ้นแล้ว เลยต้องผละออกอย่างไม่เต็มใจ เพื่อเป็นการชดเชย เฉิงอวี้เลยป้อนแอปเปิลไปที่ปากของหลินอันหลานอีกครั้ง
หลินอันหลานซบไหล่เขาและค่อยๆ กินแอปเปิลอย่างช้าๆ
เมื่อกัดคำสุดท้าย เขาก็กัดไปที่นิ้วของเฉิงอวี้ที่กำลังป้อนแอปเปิลให้อย่างซุกซน
เฉิงอวี้ไม่ได้ว่าอะไร เพียงแต่ใช้นิ้วโป้งถูไปที่ริมฝีปากของหลินอันหลาน
หลินอันหลานจับมือของอีกฝ่ายไว้ แล้วกัดไปที่นิ้วโป้งของเฉิงอวี้เพื่อเป็นการแก้แค้น
ไม่เจ็บ เหมือนลูกแมวกำลังหยอกล้อเท่านั้น
เฉิงอวี้ปล่อยให้หลินอันหลานกัดนิ้วไป ส่วนตัวเองก็หันไปจูบกลุ่มผมของอีกฝ่ายด้วยความรักใคร่
หลินอันหลานเล่นกับเขาอยู่สักพักก็รู้สึกง่วง และหลับไปในอ้อมกอดของเฉิงอวี้