ตอนที่ 5 สวนสัตว์หลินไห่
ทะลุมิติมาสร้างสวนสัตว์ในฝัน ตอนที่ 5 สวนสัตว์หลินไห่
เมื่อฟางเย่กําลังจะเดินออกจากกรง เจียวเจียวก็รีบวิ่งมายืนขวางที่ประตูเหล็ก แล้วมองเขาราวกับจะบอกว่า “อย่าเพิ่งไป! มาเล่นกันต่อ!!”
ฟางเย่รู้สึกพูดไม่ถูก ใช้มือทั้งสองข้างกุมหัวของเจียวเจียว พยายามดันเธอออกไป จนในที่สุดเขาก็แทรกตัวออกไปได้สําเร็จ
โฮกก!
ฟางเย่มองเจ้าเสือตัวใหญ่ แล้วโบกมือให้มันด้วยรอยยิ้ม
“เดี๋ยวมาเล่นด้วยวันอื่นน่ะ!”
ฟางเย่เดินออกมาจากกรงแล้ว แต่ความรู้สึกตื่นเต้นที่ได้เล่นกับเจ้าแมวยักษ์ยังฉายชัดอยู่เลย ทําให้คนรักสัตว์แบบเขารู้สึกราวกับกําลังตกอยู่ในห้วงฝันที่แสนสุข แม้กระทั่งตอนเดินออกมาก็ราวกับกําลังล่องลอย
ถึงตอนแรกเขาจะยังกังวลและกลัวอยู่หน่อยๆ ก็เถอะ
แถมรางวัลที่เขาได้รับคือลูกเสือโคร่งขาวเบงกอลที่แสนหายากอีกด้วย! เมื่อฟางเย่คิดถึงรางวัลที่ได้รับ เขาก็ถามระบบที่อยู่ในหัวทันที
‘ระบบ ฉันจะได้ลูกเสือขาวเบงกอลยังไง? ถ้าเสือขาวหายากแบบนี้มาโผล่ที่สวนสัตว์ของฉัน มันจะไม่น่าสงสัยงั้นเหรอ?!’
[ระบบจะส่งในรูปแบบการจัดส่งวัสดุ ขอให้มั่นใจในระบบว่าจะสร้างเส้นทางการจัดส่งที่สามารถตรวจสอบได้จากโลกจริง ยกตัวอย่าง ลูกเสือขาวเบงกอลตัวนี้จะได้รับบริจาคจากสวนสัตว์ต่างประเทศ และจะไม่มีใครหาแหล่งที่มาของมันถ้าไม่เกิดอะไรผิดปกติขึ้น]
เขาคิดในใจว่าหากระบบสามารถปิดความผิดปกติได้ก็ไม่จําเป็นที่จะต้องกังวลอะไร
“แล้วจะส่งมาเมื่อไหร่?”
[ในอีก 3 วัน]
ฟางเย่มองหน้าจอ แล้วพบว่ามีตัวเลขนับถอยหลัง [71:55:40 ชั่วโมง] ที่ข้างหลังของรูปลูกเสือ และเวลาก็กำลังนับถอยหลังลงเรือย ๆ
แจ๋ว!!!
หลานลี่ที่ยืนอยู่ตรงหน้าประตู ได้เห็นว่าฟางเย่เดินออกมาอย่างปลอดภัยก็รู้สึกโล่งอก เมื่อกี้เธอกังวลมากว่าจะมีอะไรไม่ดีเกิดอะไรตอนเจียวเจียวคำราม เธอถึงกับร้องกรี๊ดลั่นออกมาอย่างตกใจ
หลานลี่คิดว่าผู้อําานวยการจะกลายเป็นอาหารเสือไปซะแล้ว แต่กลับกลายเป็นว่าเขาสามารถเข้ากับเสือโคร่งตัวใหญ่ได้อย่างรวดเร็ว จนทําเอาเธอสงสัยว่าผู้อํานวยการไม่กลัวบ้างเลยเหรอ? และทําไมเจียวเจียวถึงชอบเขาถึงขนาดนี้กัน?
ผู้ช่วยตัวน้อยรู้สึกเครียดลงท้อง ในขณะเดียวกัน ผู้อํานวยการกลับเล่นอย่างมีความสุข ความแตกต่างนี้ทําเอาเธอรู้สึกพูดไม่ออก
หลังจากยืนมองหัวหน้าของตัวเองที่ยืนอยู่ตรงหน้าซักพัก เธอก็พูดออกมาว่า “ผู้อํานวยการ....คุณสุดยอดมากเลย!!”
น้ําเสียงของเธอเต็มไปด้วยความชื่นชม จนทําเอาฟางเย่ยิ้มออกมา “เรื่องแค่นี้ไม่ถือว่าสุดยอดอะไรหรอก”
หลังจากที่ให้อาหารเสือเสร็จ งานของวันนี้ก็เสร็จสิ้น
ฟางเย่กลับไปยังห้องพัก แต่เพราะความตื่นเต้น เขาจึงหยิบดัมเบลมาออกกําลังกายเพื่อลดความตื่นเต้น
หลังจากที่ออกแรงจนขยับตัวไม่ไหว เขาก็นั่งลงพลางหยิบน้ํามาดื่ม และจึงรู้สึกว่าอารมณ์เย็นลงมากทีเดียว
แม้เขาจะเป็นผู้อํานวยการ แต่ห้องพักของเขากลับเรียบง่ายมาก ในห้องเป็นพื้นที่โล่งกว้างที่มีอุปกรณ์ออกกําลังกายวางประปราย เตียงแข็งๆ กับโน้ตบุ๊กและชั้นวางหนังสือเท่านั้น
เนื่องจากสวนสัตว์หลินไห่เป็นสวนสัตว์ขนาดเล็ก เพราฉะนั้น อุปกรณ์อํานวยความสะดวกต่างๆ ย่อมมีจํากัด ส่วนชั้นวางหนังสือก็มีแต่หนังสือที่เกี่ยวข้องกับสัตว์ป่าหมด
ฟางเย่หลับตา พยายามดึงความทรงจําของเจ้าของร่างเดิม แล้วเดินไปเปิดลิ้นชักชั้นที่ 2 ของโต๊ะและหยิบไดอารี่ออกมา
ไดอารี่นี้ไม่ได้เขียนเกี่ยวกับเรื่องของเขา แต่เป็นการเขียนเกี่ยวกับการสํารวจพฤติกรรมของสัตว์ที่อยู่ในสวนสัตว์ ไม่ว่าจะเป็นการกินอาหาร อารมณ์ รวมถึงการทํากิจกรรมต่างๆ
[วันที่ 2 กรกฎาคม : ท้องฟ้าแจ่มใส
ฉันไปที่กรงเสือเพื่อตรวจตราตอน 12.00 น. เห็นว่าเจียวเจียวนอนอยู่ใต้เงาบนพื้นคอนกรีตอย่างเบื่อหน่าย อาจเป็นเพราะอากาศร้อน ฉันเลยใช้น้ำล้างกรงเพื่อให้เธอเย็นสบายขึ้น วันนี้เธอกินเนื้อไป 15 กิโลกรัม ซึ่งน้อยกว่าเมื่อวาน 2 กิโลกรัม แต่เสียงคํารามของเธอก็ยังดูสุขภาพดีอยู่]
เนื่องจากที่โลกใบนี้ การบริหารจัดการสัตว์ยังล้าสมัย ทําให้มีไม่กี่สวนสัตว์เท่านั้นที่มีการทํา “บันทึกประจําวัน” ซึ่งเจ้าของร่างเดิม แม้จะเป็นสวนสัตว์ขนาดเล็ก แต่ก็ได้ทำการบันทึกแบบนี้ไว้ แสดงให้ห็นถึงเขาเป็นคนใส่ใจและมีความรู้
แต่ในสายตาของกึ่งผู้เชี่ยวชาญอย่างฟางเย่ที่ศึกษาทฤษฎีมามากมาย บันทึกที่เจ้าของร่างเดิมนับว่ายังหยาบอยู่บ้าง เพราะการเขียนบันทึกประจําวันยังต้องมีการบันทึกน้ําหนักและขนาดตัว ลักษณะทางกายภาพของสัตว์ เพศ วันเกิดและ สถานะตอนเกิด อาหารที่ให้ ลักษณะของมูลสัตว์ ลักษณะของพื้นที่จัดแสดง การบันทึกเหตุการณ์พิเศษ และอื่นๆ อีกมากมาย
เพราะฉะนั้น บันทึกประจําวันแบบนี้นับเป็นสิ่งที่สําคัญมาก!
เพราะถ้าวันหนึ่ง ลิงตัวหนึ่งเกิดอาการเบื่อหรือเศร้า ผู้ดูแลที่ไม่ได้จดบันทึกประจําวันสามารถทําได้แค่คาดเดาว่ามันเป็นอะไรเท่านั้น
แต่ถ้าเขาทําการจดบันทึกอย่างละเอียด แล้วกลับไปเปิดดูรายละเอียดและคำนวณการเปลี่ยนแปลงของสัตว์ก็อาจจะคาดเดาสาเหตุของอาการเหล่านั้นได้ ยกตัวอย่าง อาหารที่เปลี่ยนไป ช่วงเวลาให้อาหารที่ต่างจากเวลาเดิม จะทําให้สัตว์รู้สึกไม่อึดอัด
“การจดบันทึกประจําวันของสัตว์เป็นแค่ขั้นตอนพื้นฐาน ผู้ดูแลทุกคนควรจะทําอยู่แล้ว อีกอย่าง ขั้นตอนการจดบันทึกก็สามารถเรียนรู้ค่อยเป็นค่อยไปได้” ฟางเย่ลูบคางตัวเองพลางคิดแผนการพัฒนาสวนสัตว์ในหัว
“การจดบันทึกประจําวันดูล้าหลังไปซักหน่อย ไม่รู้ว่าจะมีคนสร้างระบบการจัดการสวนสัตว์ได้มั้ย? แต่ช่างมันก่อน เพราะตอนนี้ขนาดของสวนสัตว์หลินไห่ยังเล็กและจํานวนสัตว์ก็มีไม่มาก การจดบันทึกก็พอแล้วสำหรับตอนนี้”
เมื่อฟางเย่อ่านบันทึก เขาก็มีความเข้าใจในสวนสัตว์หลินไห่มากขึ้น
สวนสัตว์หลินไห่ตั้งอยู่บริเวณชานเมือง และมีพื้นที่ประมาณ 30,000 ตารางเมตร ซึ่งเทียบได้กับขนาดของโรงเรียนทั่วๆ ไปที่จุนักเรียนได้สองพันคน
เดิมทีมีสัตว์อยู่จํานวนหนึ่ง แต่ด้วยการบริหารจัดการที่แย่ จึงทําให้สัตว์ป่าถูกขายออกไปบางส่วนจนกระทั่งฟางเย่เข้าซื้อกิจการ นั่นคือสาเหตุที่กรงหลายแห่งว่างเปล่า
ในตอนนี้เขาเหลือสัตว์อยู่ไม่กี่ชนิด เช่น เสือโคร่ง หมาป่าเทา จิ้งจอกแดง อัลปาก้า ลิงแสม และนกยูงสีน้ำเงินเท่านั้น
ด้วยจํานวนเท่านี้ สวนสัตว์หลินไห่จึงแทบจะกลายเป็นสวนสัตว์ร้างอยู่แล้ว
นักท่องเที่ยวส่วนมากที่มาก็เพื่อดูเจียวเจียวกับลิงแสม ซึ่งในช่วงวันหยุดจะมีนักเท่าเที่ยวประมาณหลักร้อย ส่วนในวันธรรมดาอาจมีคนมาไม่ถึง 10 คน
ราคาตั๋วอยู่ที่ 10 หยวน หนำซ้ำนักท่องเที่ยวยังต้องใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงเพื่อเดินทางจากตัวเมืองมายังสวนสัตว์ ซึ่งอาจต้องจ่ายเงินให้รถบัสเพิ่มอีกประมาณ 2-3 หยวน
รายได้จากค่าตั๋ว 1 เดือนนั้นไม่พอกับรายจ่ายค่าอาหารด้วยซ้ํา
ถ้าไม่ใช่เพราะนโยบายของทางเมือง สวนสัตว์หลินไห่คงปิดตัวลงไปนานแล้ว
สรุปได้ว่าสถานการณ์ของสวนสัตว์ในปัจจุบันย่ําแย่มาก และต้องได้รับการเปลี่ยนแปลงทันที!
ฟางเย่ขมวดคิ้ว แล้วพูดกับตัวเองเบาๆ “ถ้าเป็นเกม ใช้เวลาสร้างแป๊บเดียวก็เสร็จแล้ว”
สวนสัตว์ในเกมที่เขาสร้างนั้นเต็มไปด้วยความงดงาม และยังได้รับรางวัลจากการสร้างสวนสัตว์ในธีมต่างๆ ด้วย
ในฐานะผู้เล่นที่มีความสามารถ สวนสัตว์ในตอนนี้ทําให้ฟางเย่รู้สึกไม่สบายใจ ไม่ว่าจะกรงขังที่แสนคับแคบ พื้นคอนกรีตสีเทาที่สัตว์ป่าเหล่านี้ถูกขังอยู่
ระบบจะมีตัวช่วยอะไรไหมน่ะ?