ตอนที่ 438 กองยานคุ้มกัน
ตอนที่ 438 กองยานคุ้มกัน
แวมไพร์ออกเดินทางได้อย่างรวดเร็วเนื่องมาจากว่ามันได้ติดตั้งเครื่องยนต์แบล็คเซอร์เพนท์ 130 ซึ่งเป็นเครื่องยนต์ระดับแนวหน้า มันจึงทำให้ยานรบลำนี้สามารถเคลื่อนที่ได้เร็วกว่ายานรบโดยทั่วไปประมาณ 20% และสามารถเดินทางมาจนถึงบริเวณฐานทัพสกอร์เปียนพูลได้ก่อนกำหนดการของกองยานคุ้มกันถึง 3 วัน
ชานี่เก็บตัวอยู่แต่ภายในห้องและไม่ค่อยออกไปไหน ซึ่งชายชราก็จะพูดคุยกับเซี่ยเฟยในระหว่างมื้ออาหารเท่านั้น ส่วนหมิงจี้ยังคงถูกขังเอาไว้ในโกดัง โดยมีกระป๋องคอยดูแลการใช้ชีวิตประจำวันของเธออยู่เช่นเดิม
การดูแลของกระป๋องไม่ได้จำกัดอยู่แค่การเสิร์ฟน้ำเสิร์ฟอาหารเท่านั้น แต่มันยังรวมถึงการช่วยเธออาบน้ำ, หวีผมและเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วย ซึ่งในครั้งหนึ่งที่เซี่ยเฟยได้เดินเข้าไปดูเธอนั้น เขาก็ได้พบว่าเธอใส่ชุดตัวเก่าของเขาและกำลังนั่งหลบอยู่บริเวณมุมห้องด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวล
พูดตามตรงการที่เขาได้พบกับมนุษย์ในดินแดนเซิร์กก็ทำให้เขาค่อนข้างที่จะรู้สึกเห็นใจหมิงจี้ด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะการที่เธอเป็นคนพิการและมีรูปร่างเหมือนไม่ได้รับประทานอาหารที่ดี มันก็ยิ่งเรียกความเห็นใจจากเขาได้มากเข้าไปใหญ่
แต่อารมณ์เห็นใจก็ถูกบดบังด้วยความระแวดระวังอย่างรวดเร็ว และถึงแม้ว่าในปัจจุบันเซี่ยเฟยจะตัดสินใจไม่สังหารเธอแล้วแต่เขาก็ยังคงไม่ไว้วางใจเธออยู่ดี
โดยสรุปคือเซี่ยเฟยไม่ได้รู้สึกเกลียดหมิงจี้อีกต่อไปแล้ว เพราะกระป๋องคอยเป็นตัวกลางการสื่อสารระหว่างเขากับเธอทุกวัน แล้วมันก็มักจะมีคำถามเกี่ยวกับมนุษย์และพันธมิตรถูกส่งมาถามเขาอยู่เสมอ
ชายหนุ่มตอบคำถามของหมิงจี้ทุกเรื่องอย่างจริงจัง นอกจากนี้เขายังดาวน์โหลดหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ 2-3 เล่มไปไว้ให้กับหมิงจี้เพื่อที่เธอจะได้เอาไว้อ่านในช่วงเวลาว่างอีกด้วย
อย่างไรก็ตามเนื่องมาจากว่ากระดานสื่อสารของเธอใช้เทคโนโลยีของเซิร์ก ซึ่งไม่รองรับข้อมูลของทางพันธมิตร เซี่ยเฟยจึงต้องใช้เวลาในการดัดแปลงอุปกรณ์ชิ้นนั้นเป็นเวลากว่า 20 นาที เขาถึงจะสามารถใส่ข้อมูลของพันธมิตรลงไปในกระดานสื่อสารของเธอคนนี้ได้
หนังสือคือเพื่อนที่ดีที่สุดของมนุษย์ในทุกยุคทุกสมัย ซึ่งหนังสือก็เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้อดีตเด็กยากจนอย่างเซี่ยเฟยกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องเครื่องจักรได้อย่างในปัจจุบัน และการที่หมิงจี้ได้อ่านหนังสือมันก็จะช่วยให้เธอได้เรียนรู้มุมมองของมนุษย์ผู้ที่เขียนหนังสือเล่มนั้น แต่ความเอาใจใส่นี้ก็ทำให้เธอหวังว่าจะได้พบกับเซี่ยเฟยทุก ๆ วัน แต่โชคไม่ดีที่หลังจากเซี่ยเฟยเข้ามาแก้กระดานอิเล็กทรอนิกส์ให้เธอในวันนั้น เขาก็ไม่เคยปรากฏตัวขึ้นมาอีกเลย
นักสู้ทุกคนรู้ดีว่าไม่ควรสนิทสนมกับศัตรูมากเกินไป อย่างน้อยตอนนี้สถานะของหมิงจี้ก็ยังคงเป็นศัตรูของเขา มันจึงเป็นเรื่องปกติที่เขาจะต้องรักษาระยะห่างจากเธอ เผื่อว่าในวันหนึ่งที่เขาจำเป็นจะต้องลงมือ มันจะได้ไม่มีความลังเลปรากฏขึ้นมารบกวนจิตใจของเขา
อย่างไรก็ตามเซี่ยเฟยไม่รู้เลยว่ากระป๋องมักที่จะฉายวิดีโอการใช้ชีวิตประจำวันและการต่อสู้ของเขาให้หมิงจี้ดูเป็นครั้งคราว และทำให้ภาพของเขาถูกสลักลงไปในจิตใจของเด็กสาวอย่างชัดเจนมากขึ้นเรื่อย ๆ
—
ชานี่เดินออกมาจากห้องพักและมุ่งหน้าตรงไปยังห้องบัญชาการ ก่อนที่เขาจะได้พบกับเซี่ยเฟยยืนอยู่หน้าช่องหน้าต่างเพื่อมองไปยังยานรบที่แน่นขนัดในระยะไกล แต่เนื่องมาจากพวกเขาซ่อนตัวอยู่ใกล้กับฐานสกอร์เปียนพูลมาก มันจึงทำให้พวกเขาสามารถมองเห็นยานบัญชาการบนฐานได้อย่างชัดเจน แม้ว่าพวกเขาจะใช้เพียงแค่สายตาปกติในการมองก็ตาม
“แม้ว่ายานลำนี้จะมีระบบล่องหนและฉันได้ช่วยเอาความมืดมาปกคลุมล้อมรอบยานเอาไว้อีกชั้นหนึ่งแล้ว แต่เราก็อยู่ใกล้กับฐานสกอร์เปียนพูลมากเกินไป หากเราโชคร้ายพวกเขาก็อาจจะตรวจพบเจอเราโดยบังเอิญ” ชานี่กล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว
ในความเป็นจริงสาเหตุหลักที่แวมไพร์ยังไม่ถูกตรวจจับ นั่นก็เพราะระบบล่องหนของเอสทาเมล ส่วนพลังความมืดของชานี่ก็ช่วยเพิ่มการป้องกันอีกชั้นเท่านั้น แต่มันยังไม่สามารถที่จะปิดกั้นความผันผวนของพลังงานที่เกิดขึ้นมาจากการใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ได้
“ผมแค่เข้ามาสังเกตการเคลื่อนไหวภายในฐาน เผ่าพันธุ์ของพวกคุณช่างน่าทึ่งจริง ๆ ถึงแม้ว่าพวกคุณจะส่งกองยานเป็นจำนวนมากเข้าไปรบในพันธมิตร แต่มันก็ยังมียานบัญชาการคอยปกป้องดินแดนของพวกคุณอยู่อีกมากมาย” เซี่ยเฟยกล่าว
“ยานพวกนั้นถูกแลกมาด้วยเลือดและหยาดเหงื่อของประชาชนมากมาย ประชากรทั้งหมดถูกบังคับให้ทำงานอย่างหนักเป็นเวลาหลายพันปีเพื่อสร้างยานรบขึ้นมาเป็นจำนวนมาก แต่ฉันก็หวังมาโดยตลอดว่าสักวันหนึ่งเซิร์กของเราจะหันมาพัฒนาวัฒนธรรม เพื่อสักวันพวกเราจะได้มีประวัติศาสตร์ที่หลากหลายเหมือนกับมนุษย์ ไม่อย่างนั้นถ้าหากว่าเซิร์กยังคงพัฒนาในแนวทางนี้ต่อไป ในอนาคตประวัติศาสตร์ของเราก็คงจะไม่มีเรื่องอื่นระบุไว้เว้นแต่เรื่องของสงคราม” ชานี่กล่าว
เซี่ยเฟยเริ่มควบคุมแวมไพร์อีกครั้งให้บินออกห่างจากฐานทัพออกมาเรื่อย ๆ
“เราได้รับสถานที่ที่แน่ชัดสำหรับการพบปะแล้วหรือยัง?” เซี่ยเฟยถาม
“ท่านชิววี่กำลังพยายามอย่างหนักแต่การพยายามสืบหาความลับในเรื่องนี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ อูดี้มีนิสัยขี้ระแวงมาโดยตลอด และใครก็ตามที่เขาไม่เชื่อใจก็แทบที่จะไม่มีทางเข้าถึงความลับของเขาได้เลย” ชานี่กล่าวพร้อมกับส่ายหัว
“ช่วยบอกให้เขาเร่งมือหน่อย พวกเราเหลือเวลาอีกแค่ 48 ชั่วโมงเท่านั้น” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับพยักหน้า
—
กาลเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วและเวลาที่กองยานคุ้มกันจะเดินทางมาถึงก็ใกล้เข้ามามากขึ้นทุกที แต่ชิววี่ก็ยังไม่สามารถระบุตำแหน่งของจุดรวมพลที่เฉพาะเจาะจงได้
การวาร์ปแต่ละครั้งสามารถเคลื่อนที่ได้ประมาณ 50,000 ปีแสงเท่านั้น แล้วมันก็จำเป็นจะต้องใช้เวลาในการชาร์จพลังหลายนาที และพวกเขาก็จำเป็นจะต้องมีเวลาเหลือพอที่จะลอบเข้าไปภายในกองยานคุ้มกันด้วย
ขณะเดียวกันกองยานคุ้มกันก็จะเสียเวลารวมพลกันไม่เกิน 1 ชั่วโมงเท่านั้น ซึ่งถ้าหากว่าพวกเขาพลาดโอกาสในครั้งนี้ไปพวกเขาก็อาจจะไม่สามารถช่วงชิงของสิ่งนั้นได้อีกเลย
ชานี่รู้สึกวิตกกังวลมากขึ้นเรื่อย ๆ เขาจึงเดินไปเดินมาภายในห้องบัญชาการและมองไปยังเครื่องสื่อสารภายในมือ ขณะที่เซี่ยเฟยยังคงนั่งอยู่ด้านหน้าคอมพิวเตอร์เพื่อพยายามวิเคราะห์ข้อมูลทั้งหมดที่เขาได้รับมาอย่างละเอียดอีกครั้ง
“เวลาเหลืออยู่อีกแค่ 6 ชั่วโมง ท่านชิววี่กำลังทำอะไรอยู่กันแน่? ทำไมเขาถึงยังไม่แจ้งตำแหน่งที่แน่นอนมาแบบนี้?” ชานี่อุทานขึ้นมาอย่างร้อนรน
“ยังไม่ต้องรีบร้อนหรอก เพราะยานที่ฐานสกอร์เปียนพูลก็ยังไม่ขยับเหมือนกัน” เซี่ยเฟยกล่าวขึ้นมาเบา ๆ
“พวกเขามีตำแหน่งอยู่ในมือและการวาร์ปเพียงแค่ไม่กี่ครั้งก็มากพอจะทำให้พวกเขาเดินทางไปยังจุดรวมพลแล้ว แต่ถ้าหากว่าเราไม่เดินทางไปยังจุดรวมพลล่วงหน้า มันก็จะทำให้เราไม่สามารถทำตามแผนการที่พวกเราได้วางเอาไว้ได้” ชานี่กล่าว
เมื่อชายชราเดินไปหาเซี่ยเฟยเขาก็ได้พบว่าหน้าจอคอมพิวเตอร์เต็มไปด้วยตัวเลขอย่างมากมาย และมันก็มีเวลาที่กำลังเดินถอยหลัง ซึ่งมันแสดงให้เห็นถึงเวลาการมาถึงของกองยานคุ้มกัน
“นี่มันคืออะไร?” ชานี่ถามด้วยความสงสัย
“ฐานทัพสกอร์เปียนพูลส่งยานลาดตระเวนออกไปลาดตระเวนในพื้นที่โดยรอบเป็นครั้งคราวและนี่ก็คือบันทึกการลาดตระเวนของพวกเขา”
“บันทึกพวกนี้มันมีประโยชน์อะไร?”
“การขนส่งในครั้งนี้เป็นงานที่สำคัญมากและอูดี้ก็ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เหนือสิ่งอื่นใด ถ้าผมเป็นผู้บัญชาการของฐานทัพนี้ผมก็คงจะรู้สึกประหม่ามาก ซึ่งผมก็คงจะต้องส่งหน่วยลาดตระเวนออกไปเพื่อระวังความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น สิ่งที่ผมหาอยู่คือพื้นที่บริเวณไหนที่มีการลาดตระเวนมากผิดปกติ และพื้นที่บริเวณนั้นก็มีโอกาสสูงมากที่มันจะเป็นจุดนัดพบสำหรับการรวมพล” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
คำอธิบายนี้ทำให้ชานี่ผงะไปเล็กน้อย เพราะสิ่งที่เซี่ยเฟยพูดมีเหตุผลมากแล้วมันก็มีโอกาสที่พวกเขาจะคาดเดาจุดรวมพลได้
“แล้วเป็นยังไงบ้าง? คุณได้พบเส้นทางลาดตระเวนไหนที่ผิดปกติไหม?” ชานี่กล่าวถามด้วยน้ำเสียงที่จริงจังและภายในใจของเขาก็รู้สึกชื่นชมเซี่ยเฟยมากยิ่งขึ้น
“ภายใน 24 ชั่วโมงที่ผ่านมาการลาดตระเวนของฐานสกอร์เปี้ยนพูลมีความเข้มข้นสูงกว่าเดิมมาก ซึ่ง 3 จุดนี้ก็เป็นพื้นที่ที่มีการลาดตระเวนมากที่สุดพอ ๆ กัน” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับพยักหน้า
“3 จุดเลยงั้นเหรอ?” ชานี่อุทานขึ้นมาเบา ๆ แต่ก่อนที่เขาจะทันได้พูดจบระบบเรดาร์ก็ตรวจพบว่ากองยานในฐานสกอร์เปียนพูลเริ่มทำการเคลื่อนไหวแล้ว
จุดแสงบนหน้าจอเรดาร์แสดงให้เห็นว่ามีกองยาน 3 กองกำลังเคลื่อนที่ออกจากฐานทัพพร้อม ๆ กัน ซึ่งจุดมุ่งหมายของพวกเขาก็คือสถานที่ที่มีทิศทางแตกต่างกันอย่างชัดเจน เพียงแต่องค์ประกอบภายในกองยานพวกนี้กลับเหมือนกันทุกประการ
“อูดี้จะขี้ระแวงเกินไปแล้ว! นี่แม้แต่ภายในดินแดนของตัวเองเขาก็ยังคิดจะใช้กลยุทธ์พรางตางั้นเหรอ?” เซี่ยเฟยกัดฟันพูดอย่างหงุดหงิด
“มันเป็นเพราะว่าคุณเคยระเบิดกาแล็กซีไปครั้งหนึ่งนั่นแหละ มันเลยทำให้อูดี้ระวังตัวมากขึ้นกว่าเดิมเพราะกลัวว่าคุณจะใช้อาวุธลับนั้นอีกครั้ง” ชานี่ยักไหล่อย่างช่วยไม่ได้
“ถ้ากองยานทั้งสามออกเดินทางพร้อมกันแบบนี้ นายก็มีโอกาสเดาถูกเพียงแค่ 1 ใน 3 เท่านั้น ฉันว่าปล่อยสมบัติชิ้นนั้นกันเถอะแล้วระเบิดฐานทัพนี่ทิ้งไปเลย อย่างน้อยในฐานทัพก็มียานรบอยู่อย่างมากมาย และการสูญเสียฐานนี่ย่อมสร้างผลกระทบขนาดใหญ่กับอูดี้แน่นอน” อันธกล่าวขึ้นมาจากด้านข้าง
“นายลองสังเกตดี ๆ ยานรบทุกลำกระจายตัวกันอยู่ทั่วทุกที่ และถึงแม้ว่าฉันจะใช้ดาวพิฆาต แต่อย่างมากที่สุดฉันก็สามารถทำลายยานได้เพียง 1 ใน 12 เท่านั้น ฉันว่าอูดี้น่าจะเตรียมแผนการนี้เอาไว้รับมือดาวพิฆาตโดยเฉพาะ ยิ่งไปกว่านั้นฉันยังเหลือดาวพิฆาตอยู่อีกเพียงแค่ 2 ชิ้น และฉันก็จำเป็นจะต้องเก็บพวกมันเอาไว้ใช้ในสถานการณ์ที่วิกฤตที่สุดเท่านั้น” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับส่ายหัว
อูดี้เป็นเซิร์กที่ฉลาดที่สุดในเผ่าพันธุ์และเขาก็ได้เตรียมการจัดกระบวนทัพแปลก ๆ นี้เอาไว้รับมือกับดาวพิฆาตของเซี่ยเฟยอย่างแน่นอน
“กองยานสนับสนุนเริ่มออกเดินทางแล้ว แบบนี้พวกเราควรจะทำยังไงดี?” ชานี่ถามอย่างกระวนกระวาย
“ตามพวกนั้นไป” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้มพร้อมกับสั่งการให้แวมไพร์ตามกองยานกองหนึ่งไป
แวมไพร์ติดตามกองยานนั้นไปอย่างไม่เร่งรีบ ซึ่งหลังจากผ่านการวาร์ปทั้งสิ้น 3 ครั้ง พวกเขาก็เดินทางมาจนถึงตำแหน่งที่เซี่ยเฟยได้วิเคราะห์เอาไว้ในก่อนหน้านี้
“คุณรู้ได้ยังไงว่ากองยานนี้จะเป็นกองยานสนับสนุนที่แท้จริง?” ชานี่กล่าวถาม
“ผมลองคำนวณจากเวลาดูน่ะ กองยานพวกนี้ออกเดินทางล่วงหน้ากองยานคุ้มกัน 6 ชั่วโมง หมายความว่ากองยานคุ้มกันควรจะอยู่ห่างจากสถานที่นัดพบประมาณ 5 วาร์ป ซึ่งถ้าหากคำนวณจากจุดนัดพบทั้ง 3 จุด พื้นที่บริเวณนี้ก็น่าจะมีความเป็นไปได้มากที่สุด” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างผ่อนคลาย
คำอธิบายนี้ทำให้ชานี่พูดไม่ออกและถึงแม้ว่าเหตุผลนี้จะพอเป็นไปได้ แต่เขาก็รู้สึกว่ามันน่าจะมีอะไรบางอย่างขาดหายไป
เซี่ยเฟยลุกยืนขึ้นปล่อยให้ชานี่ครุ่นคิดอยู่เพียงแค่ลำพัง จากนั้นเขาก็เดินไปยังห้องติดตั้งทุ่นระเบิดพร้อมกับหยิบดาวพิฆาตมาติดตั้งเอาไว้กับทุ่นระเบิดที่พร้อมจะปล่อยออกไปใส่ศัตรู
หากว่าเขาคำนวณแล้วว่าเขาไม่สามารถที่จะบุกเข้าไปขโมยสมบัติชิ้นนั้นกลับมาได้ เขาก็จะใช้ดาวพิฆาตระเบิดกองยานคุ้มกันทิ้งไปในทันที เพียงแต่ว่าเซี่ยเฟยไม่คิดจะใช้วิธีการนี้เว้นแต่ว่ามันจะไม่มีทางเลือกอื่นแล้วจริง ๆ เพราะวัตถุลึกลับชิ้นนั้นดึงดูดความสนใจของเซี่ยเฟยมาก และเขาก็ไม่อยากจะทำลายมันทิ้งเว้นแต่ว่าเขาจะไม่เหลือทางเลือกอื่นแล้ว
หลังจากเวลาได้ผ่านพ้นไปอีก 3 ชั่วโมง ในที่สุดมันก็มีรูหนอนที่สดใสถูกเปิดออกเป็นจำนวนหลายร้อยรู พร้อมกับกองยานคุ้มกันพิเศษที่เริ่มเดินทางผ่านรูหนอนออกมาทีละลำ
***************