ตอนที่ 437 ฐานสกอร์เปียนพูล
ตอนที่ 437 ฐานสกอร์เปียนพูล
“ทุกคนฉันมีข่าวร้ายจะมาแจ้งให้ทราบ สิ่งที่อูดี้สั่งการให้ทาดินี่ค้นหาในนครหลวงของมนุษย์ถูกหาเจอแล้ว และตอนนี้ทาดินี่ก็กำลังมุ่งหน้าตรงกลับมาที่เมืองหลวง” ชิววี่กล่าวด้วยใบหน้าที่เศร้าหมอง
“ของสิ่งนั้นมันสำคัญสำหรับเขาจริง ๆ เหรอ?” ชานี่กล่าวถามด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความกลัว
“ไม่มีใครรู้ว่าสิ่งนั้นคืออะไรนอกจากอูดี้กับทาดินี่แค่สองคน แต่ถ้าหากพิจารณาจากความเอาใจใส่ของพวกเขาแล้ว ของสิ่งนั้นย่อมสำคัญกับอูดี้มากอย่างไม่ต้องสงสัย” ชิววี่กล่าว
“อูดี้กลัวความตายมากกว่าใคร ของสิ่งนั้นอาจจะเป็นสมุนไพรที่เอาไว้ช่วยชีวิตของเขาหรือเปล่า?” ชายชราคนหนึ่งกล่าวขึ้นมาเบา ๆ
ทันใดนั้นสายตาของทุกคนก็จับจ้องมองไปยังเซี่ยเฟยเป็นตาเดียว เพราะท้ายที่สุดชายหนุ่มก็เป็นคนขโมยกรงเล็บภูติโลหิตมา แต่เนื่องมาจากว่าสมุนไพรชนิดนี้ยังเติบโตไม่เต็มที่ มันก็เท่ากับว่าชายหนุ่มยังไม่สามารถที่จะเก็บเกี่ยวสมุนไพรชนิดนี้ได้
“บางทีมันอาจจะเป็นอาวุธอะไรสักอย่างหรือเปล่า? ของสิ่งนั้นถูกฝังอยู่ในนครหลวงของมนุษย์ซึ่งมันเป็นสถานที่ที่มนุษย์โบราณในยุครุ่งเรืองได้อาศัยอยู่ แล้วมันก็ไม่รู้ว่ามนุษย์พวกนั้นได้ฝังสมบัติอะไรไว้ให้กับลูกหลานของพวกเขาบ้าง แต่ฉันก็ไม่รู้จริง ๆ ว่าอูดี้ไปล่วงรู้ความลับเรื่องในพันธมิตรมนุษย์ได้ยังไง” ชายชราอีกคนกล่าว
“ข้อมูลที่เรารู้มีเพียงแค่ภารกิจนี้เป็นภารกิจพิเศษที่อูดี้แอบมอบให้กับทาดินี่ แต่เรายังไม่รู้รายละเอียดเบื้องลึกเบื้องหลังมากกว่านั้น ซึ่งตอนนี้สายลับที่อยู่กับทาดินี่ก็ได้แจ้งข่าวมาว่าเขาได้พบกับของสิ่งนั้นจริง ๆ และพวกเขาก็กำลังใช้กองยานคุ้มกันส่งมันกลับมายังเต็นท์ทองคำเพื่อมอบมันให้กับอูดี้” ชิววี่กล่าวพร้อมกับส่ายหัว
“ผมไม่รู้หรอกนะว่าของสิ่งนั้นคืออะไรและผมก็ไม่อยากรู้ด้วย แต่ผมรู้อยู่อย่างหนึ่งคืออูดี้จะต้องพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้เขาได้รับของสิ่งนั้นอย่างแน่นอน และเราก็ไม่ควรปล่อยให้ของสิ่งนั้นไปถึงมือของเขาอย่างเด็ดขาด” เซี่ยเฟยกล่าวเสนอความคิดเห็น
“คุณหมายถึงว่าเราควรจะดักปล้นของสิ่งนั้นก่อนงั้นเหรอ?” ชานี่อุทานพร้อมกับชะงักค้างไปเล็กน้อย
“ใช่” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับพยักหน้า
“ใครคือคนรับผิดชอบกองยานคุ้มกัน?” ชานี่หันไปถามชิววี่
“แยงกี้หลานชายของอูดี้กับบลอสซี่รองผู้บัญชาการคณะสำรวจ” ชิววี่กล่าว
“แยงกี้เป็นเพียงแค่ตัวไร้ประโยชน์ที่ได้รับตำแหน่งสำคัญเพียงเพราะแค่ว่าเขามีความสัมพันธ์กับอูดี้เท่านั้น แต่การจัดการกับบลอสซี่คงไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เพราะเขาเป็นถึงนักรบศักดิ์สิทธิ์อันดับ 7” ชานี่กล่าว
“บลอสซี่เป็นผู้ใช้พลังพิเศษคลื่นหยุดชะงักระดับ 6 ที่สามารถลดความเร็วของคู่ต่อสู้ที่อยู่รอบ ๆ ตัวของเขาได้ใช่ไหม?” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างเฉยเมย
“พลังพิเศษของเขาถูกออกแบบมาเพื่อต่อต้านพลังความเร็วของคุณโดยเฉพาะ แต่เราก็ไม่สามารถเคลื่อนไหวด้วยตัวเองได้เหมือนกัน ดังนั้นการดักปล้นครั้งนี้เราก็คงจำเป็นจะต้องพึ่งพาคุณ” ชานี่กล่าว
“พวกคุณพอจะมีข้อมูลของกองยานคุ้มกันให้ผมหรือเปล่า?” เซี่ยเฟยกล่าวหลังจากหยุดใช้ความคิดอยู่ครู่หนึ่ง
“ขอเวลาสักครู่ แล้วเดี๋ยวฉันจะส่งข้อมูลไปให้” ชิววี่กล่าวก่อนที่เขาจะตัดการเชื่อมต่อไปชั่วคราว
“นายควรคิดดี ๆ นะเซี่ยเฟย พลังพิเศษของเขาเป็นปฏิปักษ์กับพลังความเร็วของนายโดยเฉพาะ และถ้าหากว่าความเร็วของนายลดลงมันก็เหมือนกับนายได้เสียเกราะป้องกันที่ดีที่สุดของนายไป แล้วมันก็ยิ่งเสี่ยงมากขึ้นไปใหญ่ถ้าหากว่านายจะแอบลักลอบเข้าไปในกองยานของศัตรู” อันธกล่าว
“บลอสซี่มีพลังสูงกว่าฉันเพียงแค่ระดับเดียว และถึงแม้ว่าเขาจะปล่อยพลังออกมาทั้งหมดแต่ฉันก็ยังมั่นใจว่าฉันน่าจะเหลือความเร็วไม่น้อยกว่า 500 เมตรต่อวินาที ซึ่งความเร็วเพียงแค่นี้มันก็มากพอที่ฉันจะจัดการกับเขาแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นนี่ยังเป็นโอกาสสำคัญที่ฉันจะสังหารนักรบคนนี้ลง” เซี่ยเฟยกล่าว
“โอกาส? โอกาสอะไร?”
“โอกาสที่ฉันจะได้ต่อสู้กับเขาโดยลำพัง เพราะถ้าหากว่ามันมีผู้มีพลังคนอื่น ๆ อยู่ใกล้ ๆ กับเขา ฉันย่อมไม่มีทางเอาชนะพวกเขาได้อย่างแน่นอน แต่ถ้าหากว่ามันเป็นการต่อสู้แบบ 1 ต่อ 1 อย่างน้อยฉันก็มั่นใจว่าฉันจะไม่ใช่ฝ่ายที่พ่ายแพ้”
“นายกำลังบุกเข้าไปในกองยานคุ้มกันที่มียานรบนับสิบลำนะ! แล้วมันจะไม่มีใครอยู่ใกล้ ๆ เขาได้ยังไง? ฉันว่านายควรตรวจสอบข้อมูลทุกอย่างโดยละเอียดแล้วค่อยตัดสินใจอีกครั้งจะดีกว่า” อันธกล่าว
เซี่ยเฟยพยักหน้ารับโดยไม่พูดอะไรตอบกลับไปอีก
ชิววี่คงจะไม่สามารถหาข้อมูลได้ในเร็ว ๆ นี้ ชานี่จึงเชิญเซี่ยเฟยไปรับประทานอาหารด้วยกัน ท้ายที่สุดในตอนนี้พวกเขาก็ยกย่องเซี่ยเฟยว่าเป็นผู้รับสารจากเทพเจ้าแล้ว การปฎิบัติตัวระหว่างพวกเขากับเซี่ยเฟยจึงดีกว่าเมื่อก่อนมาก
ตลอด 3 วันที่ผ่านมาชายหนุ่มได้ใช้เวลาในโลกเสมือนจริงโดยใช้เพียงแค่ผลน้ำค้างขาวเพื่อแก้ความหิว ดังนั้นเขาจึงไม่ปฏิเสธอาหารมื้อใหญ่ แน่นอนว่าอาหารของเซิร์กย่อมไม่ใช่อาหารที่หรูหรา แต่ชายหนุ่มก็ไม่ใช่คนจู้จี้จุกจิกเรื่องอาหารตั้งแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว ดังนั้นตราบใดก็ตามที่มันเป็นอาหารที่ทำให้เขาอิ่มท้องได้ เขาย่อมกินอาหารพวกนั้นเข้าไปได้โดยไม่มีปัญหา
ในระหว่างมื้ออาหารทุกคนเอาแต่ถามเซี่ยเฟยถึงเรื่องของเทพเจ้าดำ ซึ่งเซี่ยเฟยก็ตอบกลับอย่างคลุมเครือและยิ่งเขาทำให้เทพเจ้าดำดูลึกลับมากเท่าไหร่ คนพวกนี้ก็ยิ่งเชื่อถือคำพูดของเขามากขึ้นเท่านั้น
หลังจากรอจนเวลาล่วงเลยผ่านมาถึงช่วงพระอาทิตย์ตกดิน ในที่สุดชิววี่ก็ส่งข้อมูลกลับมา เซี่ยเฟยจึงนำข้อมูลเหล่านี้กลับไปที่ห้องเพื่อทำการศึกษาอย่างละเอียด
—
ห้องพักที่สมาพันธ์นักปราชญ์มอบให้เซี่ยเฟยทั้งกว้างใหญ่และหรูหรา แต่เมื่อเซี่ยเฟยได้ก้าวเท้าเข้ามาทุกสิ่งทุกอย่างก็ถูกเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ซึ่งในตอนนี้ชายหนุ่มได้ติดแผนที่ดวงดาวเรียงต่อกันบนผนัง พร้อมกับแผนผังการจัดกระบวนทัพของกองยานคุ้มกัน, แผนที่เส้นทางการเดินทางรวมถึงข้อมูลภาพถ่ายของบลอสซี่
ชายหนุ่มนั่งอยู่บนเก้าอี้พร้อมกับพ่นควันออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยดวงตาของเขายังคงจดจ่ออยู่กับเอกสารที่ติดอยู่บนผนัง
เซี่ยเฟยมีนิสัยชอบนำข้อมูลทั้งหมดออกมาแสดงในครั้งเดียว เพราะเขาเชื่อว่ามันจะทำให้เขาสามารถมองภาพรวมเหตุการณ์ทั้งหมดได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง แล้วมันก็เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเขาจึงนำกระดาษมาติดอยู่บนผนังแทนที่จะเรียกดูข้อมูลผ่านทางหน้าจอโฮโลแกรม
“นี่ไม่ใช่ภารกิจง่าย ๆ เลยนะ” อันธกล่าว
“กองยานคุ้มกันประกอบด้วยยานบัญชาการ 1 ลำ, ยานประจัญบาน 12 ลำ, ยานครุยเซอร์ 36 ลำและยานฟริเกตอีก 36 ลำ มันช่างเป็นกองยานคุ้มกันที่แข็งแกร่งมากจริง ๆ”
“แต่ถึงแม้ว่ามันจะมีกองยานคุ้มกันที่แข็งแกร่งขนาดนี้อูดี้ก็ยังรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ ก่อนที่จะเข้าสู่เมืองหลวงของจักรวรรดิมันจึงมีกองยานคุ้มกันอีก 2 กองเข้าร่วมกองยานนั้นด้วย โดยกองแรกจะเข้าไปสมทบในตอนที่กองยานคุ้มกันเข้าสู่ดินแดนเซิร์ก ส่วนกองยานที่ 2 จะเข้าร่วมกองยานคุ้มกันหลังจากที่พวกเขาผ่านฐานสกอร์เปียนพูล”
“นอกเหนือจากการหยุดรอกองยานมาสมทบ 2 ครั้งนั้นแล้ว พวกเขาก็ไม่คิดที่จะหยุดกองยานอีก ดังนั้นฉันจึงมีโอกาสที่จะลอบเข้าไปในกองยานเพียงแค่ 2 ครั้งเท่านั้น แต่เมื่อพิจารณาจากเวลาการเดินทางแล้ว โอกาสของฉันก็เหลืออยู่เพียงแค่ครั้งเดียวคือการลอบเข้าไปในระหว่างที่กองยานหยุดรอที่ฐานสกอร์เปียนพูล” เซี่ยเฟยวิเคราะห์สถานการณ์
“แต่ฐานสกอร์เปียนพูลเป็นฐานทัพสำคัญก่อนเข้าเมืองหลวงของจักรวรรดินะ ในฐานนั้นมียานรบจอดอยู่หลายหมื่นลำ การพยายามบุกปล้นบริเวณนั้นมันไม่เสี่ยงเกินไปหน่อยงั้นเหรอ?” อันธกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว
“กองยานคุ้มกันมีเวลาปรับตัวหลังจากออกจากรูหนอนเพียงแค่ 10 นาที และพวกเขาก็จะจอดรอกองยานจากฐานสกอร์เปียนพูลเพียงแค่ 1 ชั่วโมง ซึ่งถ้าหากว่าฉันจะลงมือทุกสิ่งทุกอย่างก็จะต้องเกิดขึ้นภายในเวลาเพียงแค่ 1 ชั่วโมงนั้น”
“ที่สำคัญคือถ้าหากชิววี่สามารถระบุตำแหน่งที่พวกเขานัดกันได้ เราก็แค่ต้องเดินทางไปยังสถานที่แห่งนั้นล่วงหน้าและมองหาโอกาสที่จะลงมือ” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับยักไหล่อย่างสบาย ๆ
“ฐานสกอร์เปียนพูลอยู่ห่างจากเมืองหลวงของเซิร์กไม่ถึง 24 ชั่วโมงเองนะ และยิ่งมันอยู่ใกล้กับเมืองหลวงมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งมีการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดมากขึ้นเท่านั้น ถ้าหากว่านายไม่สามารถจบทุกอย่างได้ในเวลาสั้น ๆ มันก็จะทำให้นายได้เจอกับอันตราย” อันธกล่าวขึ้นมาอย่างไม่มั่นใจ
“นี่เป็นโอกาสที่ดีที่เราจะขโมยสมบัติของอูดี้ และการที่ทาดินี่จัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเองมันก็แสดงว่าของชิ้นนั้นย่อมเป็นของล้ำค่าอย่างแน่นอน ที่สำคัญคือมันดันถูกขุดขึ้นมาจากนครหลวงของพันธมิตรมนุษย์ ดังนั้นการที่มันได้มาตกอยู่ในมือของฉันมันก็เหมือนกับการส่งของสิ่งนั้นกลับคืนเจ้าของนั่นแหละ” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้มพร้อมกับหยิบดาวพิฆาตออกมาจากแหวนมิติ
“อย่างเลวร้ายที่สุดฉันก็สามารถใช้ดาวพิฆาตทำลายของสิ่งนั้นไปพร้อมกับกองยานคุ้มกันได้ และไม่ว่ายังไงฉันก็จะไม่มีทางยอมให้ของสิ่งนั้นตกไปอยู่ในมือของอูดี้ได้เด็ดขาด”
“แต่ผลกระทบของการใช้ดาวพิฆาตมันรุนแรงมากเลยนะ แล้วมันก็คงจะไม่ใช่เรื่องตลกถ้าหากว่ามันมีปรากฏการณ์อะไรเกิดขึ้นในระหว่างนั้น” อันธกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว
“เรื่องนั้นฉันไม่เถียง แต่ฉันไม่สามารถที่จะปล่อยให้ของสิ่งนั้นไปอยู่ในมือของอูดี้ได้จริง ๆ” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับถอนหายใจ
—
หลังจากเตรียมการทุกอย่างจนเสร็จเซี่ยเฟยก็ขึ้นแวมไพร์มุ่งหน้าตรงไปยังบริเวณฐานทัพสกอร์เปียนพูลในทันที
นอกเหนือจากเซี่ยเฟยแล้วชานี่กับหมิงจี้ก็ขึ้นมาบนยานลำนี้ด้วย เพราะก่อนหน้านี้ชิววี่ได้ตกลงที่จะแบ่งปันข้อมูล แต่มันก็มีเงื่อนไขว่าเซี่ยเฟยจะต้องนำชานี่เดินทางไปด้วยอีกครั้ง ซึ่งเหตุผลที่เขานำมาอ้างนั่นก็คือเรื่องของความปลอดภัย
ชานี่เป็นผู้ใช้พลังความมืด ดังนั้นถึงแม้ว่าเซี่ยเฟยจะประสบพบกับภัยพิบัติแต่ชายชราคนนี้ก็สามารถที่จะหลบหนีออกไปโดยไม่ต้องกังวลว่าเขาจะถูกตรวจพบโดยคนอื่น เขาจึงกลายเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในสมาคมนักปราชญ์ที่จะสามารถเดินทางไปพร้อมกับเซี่ยเฟยได้อย่างไม่มีความเสี่ยง
ชิววี่พยายามพูดอย่างจริงใจว่าพวกเขาเป็นห่วงเซี่ยเฟยมากจริง ๆ พวกเขาจึงต้องการที่จะส่งชานี่มาดูแลรักษาความปลอดภัยในระหว่างที่เขาทำภารกิจ แน่นอนว่าเซี่ยเฟยย่อมรู้ดีว่าชานี่เดินทางมาเพียงแค่จับตามองเขาเท่านั้น และเหตุผลที่ชานี่ต้องเดินทางมาด้วยนั่นก็เพราะว่ามันยังไม่มีใครเชื่อใจเซี่ยเฟยแม้แต่คนเดียว
อย่างไรก็ตามเซี่ยเฟยก็ไม่คิดที่จะคัดค้าน เพราะไม่ว่ายังไงก็ตามชายชราเหล่านี้ก็คงจะไม่ยอมอยู่ฝ่ายเดียวกับเขาโดยปราศจากเงื่อนไข ส่วนหมิงจี้ก็ต้องเดินทางตามมาเพียงเพราะว่าชานี่ต้องเดินทางมากับเขาเท่านั้น ซึ่งมันก็มีเพียงแต่พลังความมืดของชานี่เพียงคนเดียวที่สามารถตัดการสื่อสารระหว่างเธอกับเลยูตี้ได้
หลังจากกำหนดเส้นทางแล้วแวมไพร์ก็เดินทางผ่านจักรวาลอย่างเงียบงัน ขณะที่เซี่ยเฟยยกเท้าขึ้นมาวางบนโต๊ะพร้อมกับพึมพำกับตัวเองว่า
“ของที่ขุดขึ้นมาได้จากกาแล็กซีวีนอลงั้นเหรอ? ของชิ้นนั้นมันจะเป็นอะไรกันแน่?”
***************