ตอนที่ 25 : ขออภัย (อ่านฟรี)
เมื่อฮูหยินอันหยวนลงจากรถม้า สตรีสูงศักดิ์หลายคนเข้ามาทักทายและชมเชยเธอ
“ท่านหญิงอันหยวนมาถวายเครื่องหอมด้วยหรือเจ้าคะ? นี่คงเป็นคุณหนูรองสินะเจ้าคะ? นางช่างงดงามนัก”
“ฮูหยินอัน ท่านทั้งสองดูราวกับถูกแกะออกมาจากแม่พิมพ์เดียวกันเลยนะเจ้าคะ แค่มองเพียงแวบเดียวก็บอกได้เลยว่านางคือบุตรสาวของท่าน”
บรรดานายหญิงต่างได้ข่าวที่ว่าฮูหยินอันสั่งลงโทษบุตรสาวคนเล็กของเธอ ผู้ที่คาดว่าน่าจะได้เป็นพระชายาไปที่โถงบรรพบุรุษเพื่อบุตรสาวที่มาจากชนบทคนนี้
เห็นได้ว่าเธอรักลูกสาวคนนี้มากเพียงใด ดังนั้นพวกเขาจึงพากันยกยอเฉียวจินเหนียง
ในหมู่พวกเขา มีบางคนต้องการจับคู่เฉียวจินเหนียงกับลูกชายของตัวเอง เนื่องจากพระในวัดหยวนซีแห่งนี้มีชื่อเสียงมากในเรื่องการส่งเสริมการแต่งงาน
เฉียวจินเหนียงอายุ 18 ปีแล้ว ดังนั้นฮูหยินคงไม่อาจรั้งเธอไว้ได้นานกว่านี้และจำเป็นที่จะต้องเลือกคู่หมั้นให้เธอ
แม้ว่าเฉียวจินเหนียงจะได้รับการเลี้ยงดูจากคนรับใช้ แต่เห็นได้ชัดว่าฮูหยินรักเธอมาก หากลูกชายของพวกเขาสามารถแต่งงานกับเฉียวจินเหนียงได้ ย่อมต้องได้รับการสนับสนุนจากหวังอันหยวนแลพวกเขาจะมีอาชีพการงานที่สดใสอย่างแน่นอน
นอกจากนี้ เฉียวจินเหนียงยังมีรูปโฉมที่ดีและท่วงท่าที่สง่างาม คงจะดีถ้าลูกชายของพวกเขาได้แต่งงานกับเธอ
ในช่วงเวลานั้น ภริยาของขุนนางในกรมต่างประเทศพูดว่า “ถ้าบุตรชายของข้าสามารถแต่งภรรยาที่งดงามอย่างคุณหนูรองเฉียวได้ คงเป็นเพราะบรรพบุรุษของพวกเราอวยพรให้เขาเป็นแน่”
เฉียวจินเหนียงขมวดคิ้ว คำพูดนี้ค่อนข้างหยาบคาย
ฮูหยินจับมือเฉียวจินเหนียงและพูดว่า “ฮูหยินท่านนี้ ข้าเกรงว่าข้าอาจจะทำให้ท่านต้องผิดหวัง ลูกสาวของข้าต้องทนทุกข์ทรมานมานานหลายปีเพราะอนุ ดังนั้นผู้ชายที่ต้องการแต่งงานกับเฉียวจินเหนียงจะรับอนุหรือบ่าวอุ่นเตียงคนใดไม่ได้!”
เฉียวจินเหนียงมองไปที่ฮูหยินใหญ่ด้วยความรู้สึกขอบคุณ ในขณะนี้เธอเชื่อแล้วว่าคงมีการเชื่อมต่อทางกระแสจิตระหว่างท่านแม่และเธอ
ฮูหยินคนอื่นๆมองหน้ากันด้วยความลำบากใจ
นอกจากลูกเขยของราชวงศ์แล้ว มีขุนนางในฉางอันคนใดบ้างที่ไม่มีอนุหรือบ่าวอุ่นเตียง?
ในไม่ช้าพวกนางก็จากไปอย่างงุ่มง่าม
ฮูหยินตบมือของเฉียวจินเหนียง “จินเหนียง พี่สาวของเจ้าและแม่ต่างก็ต้องทนทุกข์เพราะอนุพวกนั้น
“เพราะฉะนั้น ข้าหวังว่าสามีในอนาคตของเจ้าจะไม่มีอนุ แม้ว่าตระกูลของเขาจะไม่มีอำนาจเท่ากับจวนหวังของเรา และไม่สำคัญว่าตระกูลของเขาจะร่ำรวยหรือไม่ แม่และพ่อจะช่วยปกป้องเจ้าเสมอ”
เฉียวจินเหนียงยิ้มและพูดว่า “ท่านแม่ ข้าก็คิดอย่างนั้นเช่นกันเจ้าค่ะ”
เมื่อมาถึงวัดก็มีคนมามากขึ้น
หลังจากวาดไม้ทำนายเสร็จแล้ว ฮูหยินต้องการขอให้เจ้าอาวาสช่วยอธิบาย แต่เจ้าอาวาสอยู่ในที่ประชุมธรรม ฮูหยินจึงตัดสินใจเข้าร่วมชุมนุมธรรมก่อน แล้วจึงขอให้เจ้าอาวาสอธิบายไม้ทำนายให้ในภายหลัง
เฉียวจินเหนียงไม่ค่อยสนใจการประชุมธรรมนัก เธอจึงตัดสินใจไปหาพระสงฆ์ที่ตั้งแผงในวัดเพื่อถามว่าวันไหนเป็นวันดีที่จะเปิดโรงเตี๊ยมของเธอ
ฮูหยินใหญ่บอกกับเธอว่า "ระวังตัวด้วย เมื่อเสร็จแล้วเจ้าก็ไปรอแม่ที่หน้าประตูวิหาร”
เฉียวจินเหนียงพยักหน้า
วันนี้ในวัดมีคนมาเป็นจำนวนมาก ดังนั้นเฉียวจินเหนียงจึงต้องรอสักครู่ก่อนจะถึงตาของเธอ
“ท่านอาจารย์ ผู้น้อยต้องการเลือกฤกษ์เปิดโรงเตี๊ยมเจ้าค่ะ”
เฉียวจินเหนียงส่งไม้ทำนายที่เธอวาดให้
พระมองดูแล้วพูดว่า “วันที่ 28 เดือน 4 เป็นวันดี”
เฉียวจินเหนียงยื่นตั๋วเงินให้และพูดว่า “ขอบสำหรับคำอธิบายเจ้าค่ะ พระอาจารย์”
“เจ้าเชื่อเรื่องพวกนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”
เมื่อได้ยินเสียง เฉียวจินเหนียงหันกลับมาและเห็นลู่เฉิน
และต้วนเอ๋อร์ที่อยู่ในอ้อมแขนของเขา
โชคดีที่สตรีและหญิงสาวผู้สูงศักดิ์ในเมืองฉางอันไปชุมนุมธรรมกันหมดแล้ว ดังนั้นผู้คนที่นี่ล้วนแล้วแต่เป็นสามัญชนที่ไม่รู้จักองค์รัชทายาท
วันนี้เฉียวจินเหนียงพาหงหลิงและลู่เหอมาด้วย ทั้งคู่เคยพบองค์รัชทายาทมาก่อนจึงรีบถวายบังคม
ด้วยความกลัวว่าเฉียวจินเหนียงไม่รู้ว่าชายผู้นี้คือองค์รัชทายาท หงหลิงจึงกระซิบข้างหูของเฉียวจินเหนียงว่า “คุณหนูเจ้าคะ ท่านผู้นี้คือองค์รัชทายาทเจ้าค่ะ”
เฉียวจินเหนียงทำความเคารพเขาอย่างไม่เต็มใจ
ทันทีที่ต้วนเอ๋อร์เห็นเฉียวจินเหนียงเขาก็จ้องไปที่จินเหนียงด้วยดวงตากลมโต แต่คราวนี้เขาไม่ได้เรียกเธอว่า "ท่านแม่"
เฉียวจินเหนียงอยากกอดต้วนเอ๋อร์จริงๆแต่เพราะมีสาวใช้อีกสองคนที่นี่ เธอจึงทำได้เพียงหักห้ามใจไม่ให้ทำเช่นนั้น
ลู่เฉินมอบต้วนเอ๋อร์ให้กับเฉียวจินเหนียง “ส่งเขาคืนให้กับองครักษ์ลับของข้าในอีกครึ่งชั่วยาม”
เฉียวจินเหนียงรีบกอดต้วนเอ๋อร์และทำความเคารพลู่เฉิน "เพคะ"
ทั้งหงหลิงและลู่เหอตกใจกับท่าทีขององค์รัชทายาท หลังจากที่พระองค์จากไปแล้ว หงหลิงก็ถามว่า “เหตุใดองค์รัชทายาทจึงไ้ส่งองค์ชายน้อยให้คุณหนูล่ะเจ้าคะ”
“บ่าวจะไปแจ้งนายหญิงนะเจ้าคะ” ลู่เหอพูด
เฉียวจินเหนียงรีบหยุดเธออย่างรวดเร็ว “ไม่จำเป็น ข้าเคยพบกับองค์ชายน้อยมาก่อนที่จวนของ อ๋องหรง และดูเหมือนพวกเราจะถูกชะตากัน ข้าเห็นว่ามีงานออกร้านข้างนอกวัด พวกเราพาเขาไปชมอะไรสนุกๆที่นั่นกันเถอะ”
หงหลิงรู้สึกว่ามันไม่เหมาะสม แต่เนื่องจากเฉียวจินเหนียงเป็นเจ้านายของเธอ เธอจึงไม่สามารถขัดอะไรได้
ทันใดนั้นต้วนเอ๋อร์ก็กระซิบที่หูของเฉียวจินเหนียง "ท่านแม่ขอรับ"
เสียงของเขาแผ่วเบาราวกับเสียงหึ่งของยุง จึงมีเพียงเฉียวจินเหนียงเท่านั้นที่ได้ยิน เมื่อได้ยินเช่นนี้ เธออดไม่ได้ที่จะกอดต้วนเอ๋อร์ให้แน่นขึ้น
เมื่อหงหลิงและลู่เหออยู่ที่นี่ เฉียวจินเหนียงไม่สะดวกที่จะพูดคุยกับต้วนเอ๋อร์ ดังนั้นเธอจึงพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อทำให้ต้วนเอ๋อร์หัวเราะในขณะที่พาเขาเดินชมงาน
งานแสดงสินค้าในฉางอันมีชีวิตชีวามาก มีของกระจุกกระจิกขายทุกชนิด
เมื่อเทศกาลเรือมังกรใกล้เข้ามา ถุงหอมและสิ่งที่คล้ายกันก็ถูกวางขายในงานด้วย
ในอดีต เฉียวจินเหนียงจะทำถุงหอมสำหรับต้วนเอ๋อร์ในเทศกาลแข่งเรือมังกรแต่ละครั้ง และตอนนี้เธอก็พบต้วนเอ๋อร์แล้ว เธอจึงวางแผนที่จะทำถุงหอมให้เขาอีกครั้ง ดังนั้นเธอจึงไปที่ร้านผ้า
“ฮูหยินท่านนี้ มิทราบว่ามองหาสิ่งใดอยู่หรือขอรับ”
หงหลิงกล่าวว่า “คุณหนูของข้ายังไม่ได้แต่งงาน!”
ลูกจ้างของร้านจับหัวของเขาและพูดอย่างเคอะเขิน “เด็กชายตัวน้อยดูคล้ายกับคุณหนูท่านนี้มาก ดังนั้นบ่าวจึงคิดว่าพวกท่านเป็นแม่ลูกกัน ต้องขออภัยด้วยขอรับ”
จินเหนียงมองไปที่ต้วนเอ๋อร์และพูดว่า "ที่ผ่านมามีแต่คนบอกว่าเด็กคนนี้ดูเหมือนท่านพ่อของเขา ทำไมเจ้าถึงบอกว่าเขาหน้าเหมือนข้าล่ะ”
“ตาของเด็กน้อยไม่เหมือนของคุณหนู แต่โครงหน้าและจมูกของเขาเหมือนท่านมากขอรับ พวกท่านเป็นพี่ชายและน้องสาวกันหรือขอรับ? ถ้าอย่างนั้นบ่าวอยากจะขอแนะนำผ้าไหมสีแดงพับนี้ห้ มันเหมาะกับท่านมากขอรับ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หงหลิงและลู่เหอก็มองไปที่จินเหนียงและต้วนเอ๋อร์ ก่อนจะรู้สึกประหลาดใจที่พบว่าพวกเขาดูคล้ายกันจริงๆ
ตั้งแต่ที่ต้วนเอ๋อร์เกิด ทุกคนบอกว่าเขาเหมือนลู่เฉินมาก นี่จึงเป็นครั้งแรกที่มีคนบอกว่าต้วนเอ๋อร์ดูเหมือนเธอ
นั่นมันทำให้เธออารมณ์ดีเป็นอย่างยิ่ง เธอจึงซื้อผ้าไหมสองพับอย่างไม่ตระหนี่
แต่ก็มีเสียงเย้ยหยันดังขึ้นข้างหลังเธอ “ฮึ่ม มีคนคิดว่าตัวเองจะเปลี่ยนจากนกกระจอกเป็นหงส์ได้ แต่นกกระจอกยังไงก็ยังเป็นนกกระจอกอยู่วันยังค่ำ แม้แต่บ่าวรับใช้ของข้าก็ยังไม่ใช้ผ้าเนื้อหยาบเช่นนี้มาทำรองเท้าเลย!”
เฉียวจินเหนียงหันกลับไปมอง ผู้หญิงที่พูดดูคุ้นเคยเล็กน้อย แต่เธอจำไม่ได้ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใคร
หงหลิงและลู่เหอชำเลืองมองกันและกัน พวกนางต่างก็จำผู้หญิงคนนี้ไม่ได้เช่นกัน
เฉียวจินเหนียงไม่รู้จักนาง ดังนั้นเธอจึงไม่ได้ให้ความสนใจ
แต่ผู้หญิงคนนั้นยังพูดต่ออีกว่า “เจ้านี่ช่างมีฝีมือในการแสดงจริงๆ ด้วยกลอุบายเล็กๆน้อยๆของเจ้าก็สามารถทำให้หรูฉีถูกลงโทษได้ ซ้ำตัวเจ้ายังมีหน้ามาสนุกอยู่ที่นี่ได้อีก”
เมื่อมาถึงจุดนี้ เฉียวจินเหนียงก็จำได้แล้วว่าผู้หญิงคนนี้เป็นสหายของเฉียวหรูฉี ท่านพ่อของเธอน่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ระดับล่างในกรมกลาโหม ดังนั้นนางจึงไม่รู้ด้วยซ้ำว่าต้วนเอ๋อร์เป็นใคร
“ถงเอ๋อร์ อย่าสร้างปัญหา” ในขณะนั้นเองก็ได้มีชายหนุ่มในวัยประมาณยี่สิบปีได้เดินเข้ามาเพื่อดุหยูถง
จากนั้นเขาก็หันไปทำความเคารพเฉียวจินเหนียงอย่างสุภาพ “คุณหนูเฉียว ข้าขอโทษแทนน้องสาวของข้าด้วยนะขอรับ นางเป็นห่วงสหายของนางมาก เลยพาลไปทำให้คุณหนูต้องขุ่นเคืองใจ.. ได้โปรดให้ข้าได้ขออภัยแทนนางด้วยเถิดขอรับ”