ตอนที่ 10
ขณะที่จัวซือย่ากำลังคิดอยู่นั้น เขาก็ได้ยินเสียงแจ้งเตือนจากวีแชต เมื่อก้มหน้ามองก็เห็นเป็นข้อความตอบกลับจากหลินอันหลาน ‘ได้สิ’
ได้? ได้เหรอ?
เปลวไฟแห่งความหวังของจัวซือย่าดับมอดทันที แต่เขาไม่กล้าโน้มน้าวให้หลินอันหลานปฏิเสธ หลังจากคิดอยู่นาน จัวซือย่าก็ตอบไปแค่ว่า ‘โอเค เข้าใจแล้ว’
หลังจากความทรงจำกลับคืนมาแล้ว ก็อย่ามาโทษเขาแล้วกัน
จัวซือย่าถอนหายใจยาวๆ ตอนนี้เขาปลอบตัวเองได้แค่ว่าหลินอันหลานไม่ได้เกลียดเฉิงอวี้ เขาแค่เป็นห่วงความรู้สึกของเจี่ยงซวี่ ก็เลยไม่เคยร่วมงานกับอีกฝ่ายเลย
เมื่อคิดได้แบบนั้นจัวซือย่าก็ค่อยสบายใจขึ้นหน่อย
จัวซือย่าแค่สงสัยว่า ตอนนี้เจี่ยงซวี่ไปอยู่ที่ไหนแล้ว
เขารู้หรือเปล่าว่าหลินอันหลานความจำเสื่อมและตอนนี้กำลังเป็นแฟนกับเฉิงอวี้ นี่เขาไม่ได้ติดต่อหลินอันหลานเลยเหรอ
จัวซือย่ารู้สึกสงสัยมาก คิดถึงตอนก่อนที่หลินอันหลานจะความจำเสื่อม เขาเป็นคนที่อยู่กับหลินอันหลานเป็นคนสุดท้าย
เห็นได้ชัดว่าตอนนั้นหลินอันหลานอารมณ์ไม่ดี ประโยคสุดท้ายก่อนที่เขาจะหายไปก็คือ ‘ฉันไม่ไปถ่ายโฆษณาอันนั้นแล้ว ต้องจ่ายค่าฉีกสัญญาเท่าไหร่ก็จ่ายไปเลย ฉันขอตัว’
ตอนนั้นเขาตกใจมาก โฆษณานั้นเจี่ยงซวี่ก็เข้าร่วม แฟนคลับของทั้งสองคนและคู่ชิปเปอร์ต่างก็รอคอยวันนี้มานาน แต่จู่ๆ หลินอันหลานก็มาพูดว่าไม่ไป ระหว่างหลินอันหลานกับเจี่ยงซวี่เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่
ตอนแรกจัวซือย่าคิดว่ารอให้อีกฝ่ายอารมณ์ดีก่อนค่อยถาม แต่ใครมันจะไปรู้ว่าเมื่อเจอหน้ากันอีกครั้ง หลินอันหลานจะมาพูดกับเขาว่าตัวเองความจำเสื่อมแล้ว
หลินอันหลานพูดอย่างไม่สะทกสะท้าน ราวกับว่าความจำเสื่อมไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร คนที่น่าสงสารที่สุดก็เป็นจัวซือย่า เรื่องน่าสงสัยก่อนหน้านี้ก็กลายเป็นความลับของยุคสมัยนั้นไปแล้ว
ช่างเถอะ จัวซือย่าเก็บมือถือลง เรื่องความรักของคนอื่น เขาจะไปยุ่งทำไม
ถ้าเจี่ยงซวี่มีใจให้ ก็ต้องน่าจะรู้ถึงความผิดปกติแล้ว
แต่ถ้าเขาไม่มีใจ ก็ถือว่าสมควรแล้ว
จัวซือย่าเดินเข้าห้องนอน เตรียมตัวเข้านอนกับภรรยา
ในตอนที่เฉิงอวี้อาบน้ำเสร็จ เขาเห็นหลินอันหลานกำลังนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่บนเตียง จึงเอนตัวไปนั่งข้างหลินอันหลาน
หลินอันหลานเห็นว่าเฉิงอวี้ยังเอาผ้าขนหนูเช็ดหัวอยู่ ก็ลุกขึ้นนั่งคุกเข่า จากนั้นก็หยิบผ้าขนหนูในมืออีกฝ่ายมาเพื่อช่วยเช็ดผมและบอกกับเฉิงอวี้ว่า “เมื่อกี้ผู้จัดการของฉันส่งวีแชตมาบอกว่าพวกเราน่าจะได้ถ่ายวาไรตี้รายการเดียวกัน”
เฉิงอวี้ไม่รู้สึกแปลกใจกับเรื่องนี้ แต่เขาแกล้งทำเป็นตกใจ “จริงเหรอ?”
“อื้อ” หลินอันหลานพยักหน้า “ดังนั้นฉันเลยกำลังคิดเรื่องหนึ่งอยู่”
เขาหยุดเช็ดผม จากนั้นก็เอียงคอมองหน้าเฉิงอวี้ “อีกเดี๋ยวพวกเราต้องไปถ่ายรายการวาไรตี้ด้วยกัน ตอนนั้นผู้จัดการของพวกเราก็ต้องรู้เรื่องที่พวกเราคบกันแล้วสิ ถ้าพวกเขาไม่รู้ แล้วจากนี้เกิดเรื่องไม่ดีขึ้นจะทำยังไง”
เฉิงอวี้คิดไม่ถึงว่าหลินอันหลานจะพูดอย่างนี้ขึ้นมาเอง เขาจึงดึงอีกคนเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดแล้วบอกอย่างดีใจว่า “ถ้านายโอเค ฉันก็ยินดี”
หลินอันหลานหัวเราะ “ฉันโอเคอยู่แล้ว แม้ว่าเรื่องนี้จะให้ชาวเน็ตรู้ไม่ได้ แต่จำเป็นต้องให้ผู้จัดการรู้ เวลาเกิดปัญหาจะได้จัดการกันง่ายๆ”
“งั้นอัดรายการตอนไหนก็ค่อยบอกพวกเขาแล้วกัน”
“อื้อ”
เฉิงอวี้จูบหลินอันหลานอย่างดีใจ เขาบีบปลายจมูกอีกฝ่ายเบาๆ แล้วพูดว่า “ที่รักดีกับฉันจังเลย”
หลินอันหลานปล่อยให้เขาจูบตามใจและเช็ดผมให้อีกฝ่ายต่อ
เฉิงอวี้มองหลินอันหลาน เขาสัมผัสได้ถึงมือของหลินอันหลานที่กำลังลูบผมเขาอยู่ตลอด จึงก้มหน้าลงไปหอมแก้มหลินอันหลาน
เขาไล่จูบหลินอันหลานไปเรื่อยๆ ตั้งแต่ใบหน้า คอ ไหล่ หลินอันหลานสัมผัสได้ถึงอันตราย จึงพูดอย่างอ่อนโยนว่า “ผมยังไม่แห้งเลย”
“ไม่เช็ดแล้ว” เฉิงอวี้ปลดกระดุมเสื้อของเขาออก แล้วจูบลงไปที่คางและกระดูกไหปลาร้า “ไม่ว่ายังไง ฉันคงยังไม่ได้นอนเร็วๆ นี้”
เฉิงอวี้กอดหลินอันหลานแน่น จากนั้นก็ละเลียดจูบอย่างละมุนละไม เสื้อผ้าก็ตกไปอยู่ข้างเตียง ภายใต้แสงไฟสีนวล เฉิงอวี้มองเห็นผิวขาวๆ อยู่บนที่นอนและผ้าห่ม
หลินอันหลานกอดอีกฝ่าย แล้วเงยหน้ารับจูบของเขา
ขนตาของหลินอันหลานสั่นเล็กน้อย แววตาเต็มไปด้วยหยาดน้ำ เขากัดริมฝีปากแล้วครางไปที่ข้างหูของเฉิงอวี้อย่างแผ่วเบา
หลินอันหลานลูบใบหน้าของเฉิงอวี้ เฉิงอวี้จับมือนั้นไว้แล้วจูบลงที่ริมฝีปากของเขา
หลินอันหลานสอดมือประสาน แล้วพูดเบาๆ ว่า “เบาหน่อย”
“ได้” เฉิงอวี้ตอบกลับอย่างนุ่มนวลและชะลอแรงของตัวเองลง
มือข้างหนึ่งของหลินอันหลานสอดประสานกับเฉิงอวี้ ส่วนมืออีกข้างก็กอดเขาไว้ หลังจากทุกอย่างจบลง เขาก็ลูบหัวเฉิงอวี้แล้วพูดเบาๆ ว่า “จูบฉันหน่อย”
เฉิงอวี้จูบหลินอันหลานทันทีโดยไม่รอช้า กอดไว้แน่น และยกมือขึ้นมาลูบเอวอีกฝ่ายอย่างอดทน
เฉิงอวี้มองใบหน้าแดงก่ำของหลินอันหลานแล้วรู้สึกว่ามันยังไม่พอ ความปรารถนาในใจมันยังไม่เติมเต็ม เขารู้สึกต้องการเพิ่มอีกครั้ง อีกครั้ง และอีกหลายๆ ครั้ง
แต่เมื่อเห็นว่าหลินอันหลานง่วงมากแล้ว เฉิงอวี้ก็ไม่ต้องการทรมานอีกฝ่าย ดังนั้นจึงขังสัตว์ร้ายในใจเอาไว้แล้วสงบสติตัวเองช้าๆ
“จะไปอาบน้ำไหม” เฉิงอวี้ถาม