บทที่ 69 สระน้ำตก
“อะไรนะ!? หลินเป้ยมีสัตว์เลี้ยงจิตวิญญาณเป็นราชาหมาป่าสีครามระดับสาม? สิ่งนี้เตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมเจ้าไม่บอกเราก่อนหน้านี้!”โจวห่าวตกใจเมื่อได้ยินสิ่งนี้ ดังนั้นเขาจึงอดไม่ได้ที่จะพูด
ผางชงมองโจวห่าวอย่างว่างเปล่า คำพูดของโจวห่าวทำให้เขาค่อนข้างไม่พอใจ
เจ้าจะโทษข้างั้นเหรอ?
เจ้าอยากให้ข้ารับผิดชอบเรื่องนี้?
ตลกละ ทำไมสมาคมเงามืด ต้องรับผิดชอบต่อความสูญเสียของตระกูลโจว?
“ผู้อาวุโสโจวห่าว เราไม่รู้จักกันดีนัก เราได้คุยกันแค่สองสามคำ และเจ้าก็ไม่ได้ถามข้า ข้าจะบอกเจ้าได้อย่างไร” ผางชงพูดเรียบๆ
โจวห่าวตระหนักว่าเขาพูดผิด ถ้าเขาทำให้ผางชงขุ่นเคือง มันจะไร้ประโยชน์
ตอนนี้ที่ภูเขาเทียนหยางนั้นใหญ่มาก ถ้าเขาเข้าร่วมกองกำลังกับผางชง โอกาสที่จะสังหารหลินเป้ยก็จะสูงขึ้นมาก
สองวันก่อน หลังจากการแข่งขันจบลง ผางชงไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับราชาหมาป่าสีครามของหลินเป้ยและตระกูลโจวก็ไไม่ได้สอบถามเกี่ยวกับเรื่องนี้
นี่คือ ความประมาทเลินเล่อของตระกูลโจว!
หากพวกเขารู้ว่าหลินเป่ยมีราชาหมาป่าสีครามระดับสาม พวกเขาคงใช้มาตรการที่นัดกุมกว่านี้ และสายลับทั้งสามอาจไม่ตาย!
การสูญเสียนักรบแท้จริงทุกครั้ง จะทำให้ความแข็งแกร่งของตระกูลโจวลดลง
โจวห่าวรู้สึกรำคาญว่า ทำไมหลินเป้ยถึงโชคดีอย่างนี้
เด็กน้อยคนหนึ่ง อยู่ขอบเขตนักรบฝึกหัด กลับมีสัตว์เลี้ยงจิตวิญญาณเป็นราชาหมาป่าสีครามระดับสาม
แต่ในฐานะเขาที่เป็นปรมาจารย์นักรบที่แข็งแกร่ง เขาไม่มีแม้แต่สัตว์เลี้ยงวิญญาณที่ทรงพลังเช่นนี้ .
“รองผู้นำผางชง ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น ข้ากล่าวผิดไป ข้าต้องขอบคุณท่าน ที่แจ้งข่าวนี้ ไม่เช่นนั้น ตระกูลโจวของเราจะสูญเสียมากกว่านี้” โจวห่าวรีบอธิบาย
“ฮึ!” ผางชงแค่นเสียงอย่างเย็นชา ซึ่งหมายความว่าเขาไม่สนใจอีกต่อไป
เมื่อเห็นว่าผางชงไม่ได้สนใจแล้ว โจวห่าวก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
เขาจึงพูดต่อไปว่า "หลินเป้ยเข้าไปในภูเขาเทียนหยางและหายตัวไป งั้นกองกำลังของเราสองคนน่าจะรวมกัน ด้วยวิธีนี้ โอกาสในการค้นหาหลินเป้ยจะสูงขึ้นมาก ”
“นั่นแแหละคือสิ่งที่เราต้องการ ดังนั้นเรามารวมพลังกัน เนื่องจากมีราชาหมาป่าสีครามอยู่ข้างๆหลินเป้ยเราจึงประมาทไม่ได้ หากเราค้นหาเป็นทีม แต่ละทีมควรมีปรมาจารย์นักรบที่แข็งแกร่งอย่างน้อยสองคนนำ ราชาหมาป่าสีครามตัวนี้อยู่ขั้นไหน ความแข็งแกร่งเป็นยังไง ข้ายังไม่รู้เลย?” ผางชงกล่าว
เมื่อหลินเป้ยสังหารสมาชิกของสมาคมเงามืดในวันนั้น ไม่มีผู้ชมคนใดที่มีระดับถึงปรมาจารย์นักรบ
แน่นอนว่า พวกเขาไม่สามารถรู้ระดับเฉพาะของเสี่ยวเฮยได้
พวกเขารู้แค่ว่า ลมปราณที่ทรงพลังเช่นนี้ ต้องเป็นสัตว์อสูรระดับสามเท่านั้น สำหรับระดับสามขั้นไหน พวกเขาไม่แข็งแกร่งพอที่จะรู้สึกได้
“เราจะทำตามคำแนะนำของท่าน เรามีปรมาจารย์การต่อสู้ 3 คนที่นี่ และท่านมี 4 คน รวมเป็นเจ็ดปรมาจารย์นักรบ งั้น เราจะแบ่งออกเป็นสี่ทีม และหนึ่งในนั้นจะไม่เข้าร่วมการค้นหา ทีมนั้นจะกลับไปที่เมืองชิงหลินเพื่อรอหลินเป้ย ถ้าหลินเป้ยกลับมาที่เมืองชิงหลิน ทีมนี้จะเข้าทำการซุ่มโจมตีเพื่อสังหารเขาทันที!”โจวห่าวกล่าว
“เป็นความคิดที่ดี ตกลงตามนั้น” ผางชงเห็นด้วยกับข้อเสนอ
จะเป็นอย่างไรหากพวกเขาไม่พบหลินเป้ย และหลินเป้ยกลับไปที่เมืองชิงหลินก่อนเวลา?
การส่งทีมมาคุ้มกัน ก็เผื่อไว้เช่นกัน และถ้าเตรียมตัวดีๆ เมื่อหลินเป้ยมาถึง แล้วโดนซุ่มโจมตี เขาจะต้องตายอย่างแน่นอน
แม้ว่าหลินเป้ยจะหลบหนีได้ ทีมที่รับผิดชอบการซุ่มโจมตี สามารถแจ้งพวกเขาล่วงหน้า โดยบอกว่าหลินเป้ยออกจากภูเขาเทียนหยางแล้ว ดังนั้นงานของพวกเขาจะไม่เสียเปล่า
ดังนั้น โจวห่าวจึงร่วมมือกับผู้อาวุโสสิบหกของตระกูลโจว
ผู้อาวุโสสิบเก้า ร่วมมือกับปรมาจารย์นักรบสู้ที่แข็งแกร่งจากสมาคมเงามืด และผางชงกับปรมาจารย์นักรบของเขาอีกหนึ่งคน
ปรมาจารย์นักรบที่เหลือของสมาคมเงามืด อยู่บนเส้นทางที่จะกลับไปยังเมืองชิงหลิน
โดยจะทำการซุ่มโจมตี และเมื่อหลินเป้ยปรากฏตัว เขาจะต้องโจมตีหลินเป้ยถึงตาย
ในเวลานี้ หลินเป้ยไม่ทราบว่าสมาคมเงามืดและตระกูลโจวรวมกันแล้ว
ดังนั้นเขาจึงเดินต่อไปยังส่วนลึกของภูเขาเทียนหยาง
ไม่มีทางเลือก ถ้าเขาไม่เข้าไปลึกพอ หลินเป้ยจะไม่หาสัตว์อสูรระดับสี่ได้
“ข้าไม่รู้ว่ากลุ่มนักรบรับจ้างสีโลหิตออกไปหรือยัง ถ้ายัง ฮิฮิ ข้าก็ไม่รังเกียจที่จะเล่นกับพวกเขา”หลินเป้ยคิดกับตัวเอง
ความแข็งแกร่งของหลินเป้ยนั้นเคยอ่อนแอมาก่อน และเขาไม่กล้าเข้าไปพัวพันกับกลุ่มนักรบรับจ้างสีโลหิตมากเกินไป
แต่ตอนนี้ หลินเป้ยมีราชาหมาป่าสีคราม 11 ตัว และความแข็งแกร่งของเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก
ครั้งต่อไปที่เขาเผชิญหน้ากับทีมระดับ 20 คน แบบฉินหลิน เขาจะสามารถทำลายคู่ต่อสู้ได้โดยไม่ต้องแลกกับยันต์หุ่นเชิด!
ครั้งสุดท้ายที่ฉินหลินหลบหนีไปได้ หลินเป้ยยังคงรู้สึกว่ามันน่าเสียดาย
อย่างน้อย ปรมาจารย์นักรบที่แข็งแกร่ง ก็สามารถมอบคะแนนประสบการณ์หลายร้อยคะแนนาให้เขา และทำให้กลุ่มทหารรับจ้างกระหายเลือดรู้สึกเจ็บปวดได้!
คนอื่นอาจกลัวกลุ่มนักรบรับจ้างสีโลหิต แต่ไม่ใช่หลินเป้ย!
สมาชิกของกลุ่มนักรบรับจ้างสีโลหิตไม่รอดพ้นจากความตาย พวกเขายังคงถูกสังหารได้หากถูกแทงด้วยมีด
เป็นเพียงว่าความแข็งแกร่งโดยรวมของกลุ่มนักรบรับจ้างสีโลหิตนั้นแข็งแกร่ง และพฤติกรรมของพวกเขาก็โหดเหี้ยม
เพื่อจัดการกับคนประเภทนี้เราจำเป็นต้องโหดเหี้ยมกว่าพวกเขา
ครั้งสุดท้ายที่หลินเป้ยไม่แข็งแกร่งพอ เขาถอยกลับมาอย่างน่าสมเพช
แต่ตอนนี้หลินเป้ยจะกลับมา หลังจากที่เขาพัฒนาได้ดีขึ้นแล้ว
หลินเป้ยตอนนี้ แตกต่างจากเขาเมื่อสิบวันก่อน!
ราชาหมาป่าสีคราม ยังรับผิดชอบในการหาตำแหน่งของสัตว์อสูรระดับสี่
นี่คือจุดประสงค์ของหลินเป้ย ที่เข้าสู่ภูเขาเทียนหยางในครั้งนี้
ตอนนี้อากาศค่อนข้างร้อน หลินเป้ยเดินทางเป็นระยะทางไกล และเขายังคงขี่อยู่บนหลังของเสี่ยวเฮย
อุณหภูมิร่างกาย และเส้นขนของเสี่ยวเฮยยิ่งทำให้รู้สึกร้อน
ในตอนนี้เขาเห็นแอ่งน้ำตก เขาจึงอยากอาบน้ำ และเปลี่ยนเสื้อผ้าที่สะอาดเพื่อให้เขารู้สึกสบายตัวขึ้น
ดังนั้นหลินเป้ยจึงมาที่สระ และพบว่ามีช่องว่างด้านหลังน้ำตก
มีทางเดินเล็กๆ เพื่อเข้าไป หลินเป้ยพบว่ามีธารน้ำตกลงมาข้างในด้วยและอัตราการไหลของน้ำ ก็เพียงพอสำหรับการอาบน้ำ
“เสี่ยวเฮยแกไปตรวจดูสถานการณ์รอบๆหน่อย” หลินเป่ยขอให้เสี่ยวเฮยสำรวจสถานการณ์โดยรอบเหมือนหมาป่าสีครามตัวอื่นๆ
เมื่อเข้ามาที่นี่ เขายังไม่พบกลุ่มนักรบรับจ้างสีโลหิตเลย
ตามข่าวที่หมาป่าสีครามส่งกลับมา พบหญิงสาวเพียงคนเดียวในบริเวณนี้
หญิงสาวคนนี้ดูอายุ 15 หรือ 16 ปี แต่ความแข็งแกร่งของนางถึงขอบเขตนักรบแท้จริงขั้น 3 แล้ว
พรสวรรค์แบบนี้ ถือเป็นอัจฉริยะในเมืองชิงหลินอย่างแน่นอน
แต่หลินเป่ยไม่รู้จักนาง และนางไม่มีรอยสักใดๆ บนร่างกาย
ดังนั้นจึงไม่สามารถบอกได้ว่ านางเป็นคนของกองกำลังนั้นหรือเปล่า หรืออาจจะเป็นคนจากกองกำลังนอกเมืองชิงหลิน
ไม่ใช่แค่ผู้คนจากเมืองชิงหลิน ที่เข้าในเทือกเขาเทียนหยางเท่านั้น
ยังมีผู้คนจำนวนไม่น้อย จากเมืองใกล้เคียงอีกด้วย
นางไม่มีเครื่องหมายของสมาชิกกลุ่มนักรบรับจ้างสีโลหิตบนร่างกายของนาง ดังนั้นหลินเป้ยจึงไม่สนใจนาง
หญิงสาวคนนี้มีความสามารถมาก บางทีนางอาจจะมาจากตระกูลใหญ่เพื่อเที่ยวเล่น
แต่หลินเป้ยไม่สนใจว่าทำไมนางถึงมาที่นี่
ผู้คนเข้าและออกจากภูเขาเทียนหยางเกือบทุกวัน
หลินเป่ยจึงไม่ใส่ใจ!
เขารู้สึกได้ว่าหญิงสาวไม่ใช่ศัตรู และหลินเป้ยก็มีกลุ่มราชาหมาป่าสีคราม
ดังนั้นหลินเป้ยจึงบอกราชาหมาป่าสีครามว่า อย่ายั่วยุนาง
ตราบใดที่นางไม่ขัดขวางเขา หลินเป้ยจะไม่รบกวนนาง
ดังนั้นราชาหมาป่าสีคราม ไม่สนใจหญิงสาวคนนี้อีกต่อไป
ตราบใดที่นางไม่คุกคามหลินเป้ย ราชาหมาป่าสีครามก็จะไม่สนใจนาง
ด้วยความแข็งแกร่งของหญิงสาว นางจึงไม่พบว่าราชาหมาป่าสีครามกำลังจ้องมองนางในความมืด
หากหลินเป้ยสั่งการโจมตี หญิงสาวอาจตายได้เลย!
อย่างไรก็ตาม เด็กสาวคนนี้ก้ค่อนข้างโชคดี เพราะมีราชาหมาป่าสีครามระดับสามกลุ่มใหญ่เดินตรวจตราอยู่รอบๆ
สัตว์อสูรหลายตัวรับรู้กลิ่นของราชาหมาป่าสีคราม ทุกตัวหนีจากบริเวณนี้ไปทีละตัว และราชาหมาป่าสีครามก็ไม่รบกวนหญิงสาวเลย
ทำให้นางไม่พบอันตรายใดๆ!