ตอนที่ 58 เอกสารจากตำรวจ(อ่านฟรี)
ตอนที่ 58 เอกสารจากตำรวจ
ลุคเดินไปหามุมเงียบสงบที่ไม่มีใคร เขาเปิดระบบเครือข่ายไกอาและติดต่อไปหานิโคล หลังจากรอสายไม่กี่วินาทีแหวนก็ฉายภาพตัวครึ่งบนนิโคลขึ้นมา
“นายนั้นเอง ภารกิจที่หมู่บ้านผาริมธารเป็นยังไงบ้าง ฉันเห็นออกข่าวเรื่องอาชญากรรมด้วย ไอกะบอกว่านายรู้รายละเอียดมากที่สุด แต่หลังจากวันนั้นนายก็เงียบไปเลย” นิโคลถามเขาด้วยความอยากรู้
ลุคไม่ได้ตามข่าวที่ออกกันเรื่องการจับตัวสองอาชญากร แต่ว่าเขาได้รับการแจ้งเตือนเรื่องเงินค่าหัวที่ให้ไปรับกับทางตำรวจและสำนักงานเมืองส่วนหนึ่ง ที่ไม่ได้โอนเข้ามาในระบบเพราะเรื่องเงินค่าหัวไม่ได้เกี่ยวกับทางสำนักงานเหนือมนุษย์โดยตรง
“แค่สองอาชญากรที่วางแผนเข้ามาแทรกแซงภารกิจเพื่อหวังไปเก็บเกี่ยวพืชสมุนไพรเท่านั้นและฉันก็โชคดีจัดการมันได้...”
หลังจากเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นแบบคร่าว ๆ ให้นิโคลฟัง เขาก็เข้าประเด็นหลักในทันที
“ที่จริงฉันโทรหาเธอเพราะอยากจะตกลงบางอย่าง”
“ตกลง? เรื่องอะไร”
“เรื่องสำคัญมาก เอาไว้ฉันจะเล่าให้ฟังต่อหน้า วันนี้เธอมีเวลาว่างบ้างไหม”
ท่าทางของลุคจริงจังมากและจากคำพูดนิโคลเดาว่าเขาไม่ต้องการพูดกันผ่านเครือข่าย แต่ต้องการพูดคุยต่อหน้า
นิโคลฉุกคิดพักหนึ่ง ก่อนจะกล่าวว่า “คืนนี้น่าจะยังไม่ได้ ฉันต้องไปกับกิลด์เพื่อเคลียร์ชิ้นส่วนระดับ E ในรอบสุดท้าย แต่ว่าพรุ่งนี้น่าจะไปได้ นายจะพบกันที่ไหน”
“ที่บ้านฉัน ฉันจะส่งตำแหน่งไปให้”
หลังจากตกลงกันแล้วลุคก็ส่งตำแหน่งให้กับหญิงสาว
...
หลังจากกลับไปที่บ้านลุคก็พักผ่อนสักเล็กน้อย เขาตรวจสอบคลื่นพลังของตัวเองอีกครั้ง ผ่านการกินยายกระดับคลื่นพลังและยาโอสถผู้หิวกระหายได้ยกระดับคลื่นพลังเขาอยู่ที่ตัวเลข 600 หน่วย แต่หลังจากการตรวจในครั้งนี้เขาพบว่าตัวเลขเพิ่มไปที่ 603.3 หน่วยแล้ว
“3 หน่วยนี่มาจากไหน”
ลุคคิดด้วยความสงสัย อัตราการเติบโตตามธรรมชาติคือ 0.3 หน่วยต่อวันมันควรจะเพิ่มขึ้นมาแค่นี้ แต่เหมือนจะนึกขึ้นได้ว่าเมื่อเช้าเขากินเนื้อมอนสเตอร์ลงไปมากถึง 30 กิโลกรัม
“มาจากการกินเนื้อมอนสเตอร์ดูเหมือนการเพิ่มขึ้นนี้จะได้ผลเหมือนกัน ถ้าผลของยาไม่ได้ผลอีกฉันก็ควรหันมากินเนื้อมอนสเตอร์ แม้จะช้าแต่ก็ไม่ต้องกลัวร่างกายจะดูดซับไม่มีประสิทธิภาพเหมือนกับยา”
ถึงอย่างนั้นลุคก็ไม่ได้เปลี่ยนไปกินเนื้อมอนสเตอร์เลย เพราะการกินก็ยังใช้เวลามากเกินไปกว่าการดื่มยาที่เป็นสารยกระดับคลื่นพลังโดยตรงอยู่ดี
เขาอาศัยเวลาในกลางคืนกินยาโอสถผู้หิวกระหายเกรดสีเขียวไป 1 เม็ดและยายกระดับคลื่นพลังไปอีก 1 ขวด เพื่อต้องการดูว่าผลของยาลดลงมากแค่ไหน
“คุณได้รับการยกระดับคลื่นพลัง 0.5 หน่วย”
เสียงสะท้อนแห่งพลังดังขึ้นในหัว
“ผลของยาลดลงไปครึ่งหนึ่ง” ลุคเผยความหมดหนทางไว้เล็กน้อยและรู้ว่ายิ่งเวลาผ่านไปมันจะยิ่งเลวร้ายลงเรื่อย ๆ
เขาไม่ได้กินยาอีกปล่อยให้ร่างกายดูดซับยายกระดับคลื่นพลังไปเรื่อย ๆ เพราะจากพรุ่งนี้ยังต้องพบกับนิโคล
เวลาผ่านไป 1 คืนจนถึง 7 โมงเช้ายายกระดับคลื่นพลังถูกร่างกายของลุคดูดซับไปจนหมด เนื่องจากเป็นแค่ยาโอสถเกรดสีเขียวเท่านั้น
“คลื่นพลังอยู่ที่ 661 หน่วย แม้แต่พลังงานทั้งหมดที่ดูดซับก็น้อยลงไปด้วย”
ขณะที่กำลังคิดอะไรอยู่ในตอนนั้นก็มีเสียงกดออดที่หน้าบ้าน ลุครีบลงไปเปิดประตูเพราะคิดว่านิโคลมาถึงแล้ว แต่เขาพบว่าคนที่มากลับไม่ใช่นิโคล แต่เป็นตำรวจสองนายแทน
ลุคใจเต้นแต่ภายนอกก็ยังรักษาอาการสงบนิ่งไว้
“มีธุระอะไรครับ” ลุคสอบถาม
“ใช่คุณลุค ซันเดอร์หรือเปล่าครับ”
“ใช่ครับ”
“เราขอเข้าไปคุยกันด้านในได้ไหมครับ” ตำรวจที่ดูอาวุโสกว่าอีกคนกล่าวถามอย่างสุภาพ
สมองของลุคคิดอย่างรวดเร็ว คาดเดาว่าเกี่ยวกับที่เขาไปขู่ตำรวจที่สถานีในเขต 5 หรือจะเป็นเรื่องของไฟไหม้ที่โกดังมาเฟียและเขากลายเป็นผู้ต้องสงสัยไปแล้วหรือไม่ แต่จากท่าทางของตำรวจทั้งสองไม่เหมือนจะมาจับกุมเขาเลย ลุคตรวจสอบตำรวจทั้งสองคนที่ไม่ได้รู้ตัวว่ามีคลื่นพลังกวาดผ่านร่างกายก็พบว่าทั้งสองเป็นเพียงคนธรรมดาเท่านั้น
“เชิญด้านในครับ”
ลุคเปิดประตูให้ตำรวจทั้งสองเข้ามาในบ้าน เขาและตำรวจนั่งอยู่ที่โซฟาคนละฝั่ง
“ต้องการน้ำไหม”
“ไม่เป็นไรครับ เราแค่มาคุยแป๊บเดียวเดี๋ยวก็กลับแล้ว” ตำรวจอาวุโสค่อนข้างระวังตัวไม่ปล่อยโอกาสให้ตำรวจคู่หูที่อายุน้อยกว่าอีกคนพูดเลย
ลุคสังเกตเห็นว่าตำรวจอีกคนอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็โดนตำรวจอาวุโสกล่าวขัดไปซะก่อน
“ที่พวกเรามาวันนี้อยากจะถามเรื่องหนึ่งกับคุณรับ”
ตำรวจอาวุโสหยิบเอาซองเอกสีน้ำตาลออกมาและเปิดเอาเอกสารออกมาวางไว้บนโต๊ะ ลุคมองไปที่เอกสารด้วยสีหน้าตื่นตกใจและยื่นมือไปคว้าเอกสารพวกนั้นมาอย่างควบคุมไม่ได้
“เอกสารของพ่อแม่และน้องสาว มีของผมด้วย” ลุคเปิดดูเอกสารและละฉบับมันเป็นเอกสารประวัติส่วนตัวของเขาที่ไม่ควรมีใครเอาออกมาได้ง่าย ๆ
ต้องรู้ก่อนว่าถ้าเป็นคนธรรมดาอาจจะพอใช้เส้นสายได้ แต่ตอนนี้เขากลายเป็นเหนือมนุษย์แล้วคนที่มีสิทธิ์เข้าถึงข้อมูลเหนือมนุษย์คนอื่นมีเพียงระดับผู้อำนวยการสำนักงานเหนือมนุษย์เท่านั้นและยังต้องมีเงื่อนไขความจำเป็น ปัญญาประดิษฐ์ไกอาจึงจะยอมให้เข้าถึงข้อมูลด้วย
‘ถ้าอย่างนั้นก็มีความเป็นไปได้เดียว มันถูกเอามาก่อนที่ฉันจะเป็นเหนือมนุษย์’ ลุคคิดได้ดังนั้นก็ขมวดคิ้วทันที
“พวกคุณพบเอกสารนี่ที่ไหนแล้วมีเรื่องอะไรกันแน่”
“คืออย่างนี้ครับคุณลุค พวกเราพบมันที่หนึ่งในตู้เซฟของมาเฟียแก๊งวีตัส ไม่รู้ว่าคุณรู้จักแก๊งมาเฟียนี้หรือเปล่า”
“ทำไมเหรอครับ” ลุคไม่ยอมรับและปฏิเสธ
ซึ่งตำรวจอาวุโสก็ไม่ได้ถามซ้ำ แต่เล่าต่อว่า
“ตอนนี้มาเฟียแก๊งวีตัสโดนฆ่าตายไปเกือบหมดในเหตุเพลิงไหม้เมื่อ 4 วันก่อน ส่วนพวกที่เหลือก็หลบหนีไปแล้ว ทำให้ทางสน.ในพื้นที่ของเขต 5 ประสานมาทางเราเพื่อหาคนที่เกี่ยวข้องและอาจจะเป็นคนฆ่าคนนับร้อยในเหตุการณ์ครั้งนี้ เราเลยไล่ดูหลักฐานจากที่หาเจอ จนมาเจอเอกสารชุดนี้และดูเหมือนมาเฟียพวกนั้นจะให้ความสำคัญครอบครัวของคุณมาก เราคิดว่ามามาเฟียแก๊งนี้ได้จับตาดูคุณอยู่ พวกเราเลยมาสอบถามเพราะคุณเผื่อจะคุณจะพอให้ข้อมูลถึงการตายของคนพวกนี้ได้”
คำพูดของตำรวจอาวุโสคนนี้เห็นชัดว่ารู้ข้อมูลมามากกว่าที่กล่าว แต่ดูเหมือนเขาจะไม่กล้ากล่าวหาลุคโดยตรง
“ผมไม่รู้เรื่องอะไรของแก๊งพวกนี้เลยครับ” ลุคตอบไปด้วยใบหน้านิ่งเฉย
“น่าเสียดาย แต่ก็ต้องขอบคุณที่ยอมพูดคุยและให้ข้อมูลกับเราครับ ถ้าอย่างนั้นพวกเราขอตัวก่อน” ตำรวจยืนขึ้นเคารพเล็กน้อยตามมารยาท
ตำรวจอีกนายกำลังจะหยิบแฟ้มเอกสาร แต่ลุคก็พูดขึ้นมาว่า
“ผมขอเอกสารพวกนี้เก็บคืนไว้ได้ไหมครับ ยังไงตอนนี้ผมเป็นเหนือมนุษย์แล้ว เอกสารพวกนี้ถือเป็นข้อมูลของเหนือมนุษย์ที่มีความสำคัญมาก ผมไม่อยากให้คนนอกได้ไหมอีก” ลุคกล่าวเป็นนัย
“เรื่องนี้มัน...” ตำรวจหนุ่มคู่หูกล่าวขึ้น แต่ก็มีมือของตำรวจอาวุโสเข้ามาจับบ่าไว้ก่อนจะหันไปพูดกับลุค
“แน่นอนครับ”
“ขอบคุณ”
ตำรวจทั้งสองเดินออกมา ขณะที่ตำรวจหนุ่มคู่หูขมวดคิ้วไม่พอใจเล็กน้อยกับท่าทีของคู่หูอาวุโสของเขา พอทั้งสองนายเข้ามาในรถตำรวจหนุ่มก็ถามทันที
“หัวหน้าเราจะไปจับเขาไปสอบปากคำเหรอ มีคนถ่ายรูปได้ตอนเกิดเพลิงไหม้ ชายคนนี้น่าจะเกี่ยวข้องกับแก๊งมาเฟียวีตัสที่ตายไปจำนวนมากแน่นอน นี่ไม่ใช่คดีเล็ก ๆ เลยนะ แถมเขายังเป็นเหนือมนุษย์มีพลังที่จะฆ่าคนพวกนั้นได้แน่นอน ชายคนนี้เป็นผู้ต้องสงสัยอันดับต้น ๆ ของเราเลยนะ”
“นายมีหลักฐานที่เห็นใบหน้าชัดเจนว่าเป็นเขาเหรอ”
“ไม่ครับ”
“ถ้าอย่างนั้นก็อย่าไปกล่าวหาเขา ฟังฉันนะ ถึงการตายของมาเฟียจะเป็นคดีใหญ่ แต่ไม่มีใครจริงจังในการทำคดีนี้หรอก อย่างแรกมาเฟียพวกนี้เป็นพวกผิดกฎหมาย การตายของพวกเขาเป็นเรื่องดีของตำรวจ ทางสน.เขต 5 ยื่นหน้าไปรับผลงานกวาดล้างมาเฟียพวกนี้แล้ว อย่างที่สองชายคนนั้นเป็นเหนือมนุษย์แล้วยิ่งเราไม่มีหลักฐานชัดเจนด้วย ยิ่งไม่อาจจะกล่าวหาเขาลอย ๆ ได้ แถมถ้าเกิดเราจับเขาไปคนที่ซวยจะเป็นเราซะอีก มีหวังผู้กำกับได้ลงโทษเรา เพราะการที่คดีที่กำลังจะปิดเข้าไปเกี่ยวกับเหนือมนุษย์มันจะยุ่งยากขึ้นหลายเท่า ผู้กำกับไม่อยากเห็นคดีนี้ยุ่งเหยิงไปมากกว่านี้ ส่วนเหนือมนุษย์คนนั้นคงโดนปล่อยตัวทันทีเหมือนกัน”
“ทำไมเป็นแบบนั้นเหนือมนุษย์ก็ยังต้องปฏิบัติตามกฎหมายเหมือนพวกเรามนุษย์ธรรมดาไม่ใช่หรือยังไง”
“นายนี่นะไม่เข้าใจจริง ๆ ไว้รอนายเผชิญหน้ากับมอนสเตอร์แล้วจะเข้าใจว่าเหนือมนุษย์และคนธรรมดาต่างกันแค่ไหน”
“ถ้าเป็นอย่างที่หัวหน้าพูดแล้วเราจะมาหาเขาทำไมกัน”
“ก็แค่มาพอเป็นพิธีแค่นั้น อย่าถามมากน่ะไปกลับกันได้แล้ว”
รถตำรวจขับออกไปผ่านหญิงสาวผมดำที่มองมาจากข้างทาง ก่อนที่เธอจะเดินตรงไปที่บ้านลุคด้วยความสงสัยว่าตำรวจมาทำอะไรที่นี่
...
ลุคในตอนนี้กำลังจ้องเอกสารจนคิ้วเขาแทบจะชนกัน เขาไม่เข้าใจ เอกสารของพ่อและแม่ดูเหมือนจะเป็นฉบับเก่า แต่ของเขาเป็นของใหม่ เพราะดูจากสีของกระดาษที่สำคัญในเอกสารของพ่อและมีกลับมีการปั๊มสัญญาลักษณ์บางสิ่งไว้อีกทีหนึ่ง
สัญญาลักษณ์นี้ดึงดูดลุคเป็นอย่างมากทำให้เขาต้องขอเอกสารจากพวกตำรวจเก็บไว้
“มันเหมือนกับเราเคยเห็นมาก่อน จี้สร้อยคอ”
ออด...
ขณะที่ลุคคิดออกในตอนนั้นก็มีเสียงออดดังขึ้น เขาจึงเก็บเอกสารทั้งหมดไปไว้ที่ตู้ลิ้นชัก ก่อนที่จะไปเปิดประตูและพบว่าเป็นนิโคล
“ตำรวจมาหานายเมื่อกี้นี้หรือว่านายมีปัญหา”
“เปล่าไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก เข้ามาด้านในก่อน”
“อืม” นิโคลไม่ได้ถามต่อ เพราะดูเหมือนลุคไม่ต้องการจะพูดถึงมัน เธอเดินเข้ามาภายในบ้าน ก่อนจะมองไปรอบตัวด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“บ้านของนายน่าอยู่ดี”
“ขอบคุณ”
“แล้วน้องสาวนาย เจนไม่อยู่บ้านเหรอ” นิโคลถามหาน้องสาวของลุค
“เรื่องนี้ฉันจะคุยกับเธอพอดี” ลุคพูดด้วยสีหน้าอึมครึม ทำให้ท่าทางของนิโคลกลับมาจริงจังในทันที
...