[ตอนฟรี] ตอนที่ 56 : พวกเจ้าไร้สมองกันหมดเลยรึ?
กระทั่งจีเสวียนยังตึงมือกับสายเลือดบรรพกาลในขอบเขตหวนคืนหนึ่งเดียว
นับประสาอะไรกับจวินเซียวเหยาที่มีระดับการบ่มเพาะต่ำกว่า
แม้ว่าจีปังยิ่นจะไม่ได้พูดทำนองเยาะเย้ยหรือดูแคลนใดๆ แต่คำพูดของเขากลับให้ความรู้สึกเหมือนกำลังดูการแสดง
ใบหน้าอันเหี่ยวย่นของจวินจ้านเทียนยังคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลง เขากระทั่งยิ้มออกมา
เขาเข้าใจยิ่งกว่าเข้าใจในความแข็งแกร่งของจวินเซียวเหยา
ด้านนอกคลังสมบัติลับจ้าวเทวะ ใบหน้าอันหล่อเหลาของจวินเซียวเหยายังนิ่งเฉยขณะที่มองวานรเอื้อหมัวโจมตีเข้ามา
เมื่อเขายกมือขึ้น ทะเลจิตวิญญาณทองคำไร้ที่สิ้นสุดในร่างกายของเขาจึงเริ่มหมุนวน
พลังปราณทองคำอันน่าเกรงขามดุจมหาสมุทรกว้างใหญ่ถูกปลดปล่อยออกมา
ในความว่างเปล่า พลังปราณได้ควบแน่นแปรเปลี่ยนเป็นดาบ หอก กระบี่ ขวาน ตะขอ เคียว และศาสตราวุธชนิดอื่น
มันคือเคล็ดทักษะของตระกูลจวิน ศาสตราวุธสงคราม
“ไป!”
จวินเซียวเหยาระดมการโจมตีด้วยมือข้างเดียว ศาสตราวุธทุกชิ้นกลายเป็นกระแสคลื่นทองคำจู่โจมใส่วานรเอื้อหมัว
เห็นดังนี้ วานรเอื้อหมัวเงยหน้าคำรามสู่ท้องฟ้า จิตวิญญาณชั่วร้ายดำมืดจากทั่วทั้งร่างกายของมันแผ่ออกมาและควบแน่นเป็นเกราะดำทมิฬปกป้องบนผิวหนัง
ครืนน!
เกิดเสียงดังสนั่นราวกับผืนดินแตกหัก ศาสตราวุธสงครามได้ชนปะทะเข้ากับเกราะดำทมิฬบนตัวของวานรเอื้อหมัว แต่มันไม่ได้สร้างความเสียหายอะไรมากนัก
“ตามที่คาดไว้สำหรับสายเลือดบรรพกาล” จวินเซียวเหยาประหลาดใจเล็กน้อย
เมื่อเห็นแบบนี้ บนหน้าผากของวานรเอื้อหมัวจึงปรากฏให้เห็นเขาสีดำและมีอักขระดำสนิทลอยออกมากลายเป็นลำแสงแห่งความตาย มันพุ่งทะลวงตรงไปยังจวินเซียวเหยา
ผู้บ่มเพาะบางคนที่มุ่งหน้ามาจุดนี้ต่างก็เงยหน้ามอง
จีเสวียน เซียวเฉิน ผู้ที่เพิ่งมาถึง และอู่หมิงเยว่ที่เร้นกายอยู่ในเงามืดยังต้องให้ความสนใจ
แต่สีหน้าของจวินเซียวเหยายังคงนิ่งเหมือนบ่อน้ำ
เขากระตุ้นพลังเทพคชสารทลายโลกันตร์อีกครั้ง
ทันใดนั้นก็มีร่างเงาอันมืดมิดของเทพแห่งนรกแผ่ออกมาจากร่างกายของเขา
มันคือการป้องกันที่แข็งแกร่งที่สุดของพลังเทพคชสารทลายโลกันตร์ เทพนรกปกปัก!
ปังง!
ลำแสงแห่งความตายสีดำสนิทปะทะเข้ากับเทพนรกปกปัก ส่งผลให้เกิดคลื่นกระแทกหลายระลอก แต่มันก็ไม่สามารถทะลวงการป้องกันได้
แม้จะเป็นวานรเอื้อหมัวสุดแสนจะดุร้าย แต่ในดวงตาสีเลือดแดงก่ำของมันยังต้องตะลึง ชัดเจนว่ามันคาดไม่ถึงที่มนุษย์ตรงหน้าของมันที่มีระดับการบ่มเพาะต่ำกว่าจะสามารถรับมือกับทักษะโจมตีอันเป็นเอกลักษณ์ประจำตัวของมันได้
จวินเซียวเหยาสยายปีกมารออกจากแผ่นหลังเพื่อเสริมความเร็วให้ถึงขีดสุด และกะพริบตัวมาปรากฏต่อหน้าวานรเอื้อหมัวในทันที
เขากระตุ้นตราประทับในมือและสำแดงร่างเงาผู้ยิ่งใหญ่ที่สามารถขึ้นบนสวรรค์ชั้นฟ้าหรือลงล่างสู่ห้วงนรกกำลังยืนตระหง่านอยู่ระหว่างสวรรค์และโลก
แรงกดดันอันน่าสะพรึงที่สามารถสยบดวงดาราและเอกภพกำลังพวยพุ่งออกมาจากตัวจวินเซียวเหยา!
ด้วยร่างเงาจักรพรรดิยืนอยู่เบื้องหลัง เขาดูเหมือนบุตรพระเจ้าผู้ปกครองสวรรค์และโลก!
ทันทีที่ตราประทับราชาสำแดงออกมา จักรวาลจะต้องถูกสยบ!
ตูมม!
ราวกับขุนเขาโบราณศักดิ์สิทธิ์กำลังกดทับลงมา จวินเซียวเหยาระเบิดตราประทับออกไป มันทุบวานรเอื้อหมัวจมดินในทันที ส่งผลให้ผิวหนังของมันฉีกขาดและโลหิตไหลนอง
วานรเอื้อหมัวคำรามออกมา แต่จวินเซียวเหยาทุบลงมาอีกครั้ง
กระแสลมจากกำปั้นกว้างใหญ่ดูเหมือนจะก่อให้เกิดพายุอวกาศอันปั่นป่วน!
บึ้ม! บึ้ม! บึ้ม!
ด้วยการทุบเพียงสามครั้ง สายเลือดบรรพกาลอันยิ่งใหญ่นี้ก็สิ้นชีพอย่างสมบูรณ์
ผู้ชมหยุดนิ่ง!
เสียงเงียบสงัด!
เพราะฉากนี้น่าตะลึงเกินไป!
จวินเซียวเหยาราวกับเทพผู้หล่อเหลา ราวกับเทพผู้ไร้มลทินในโลกา
แต่เมื่อเขาจู่โจม มันรุนแรงอย่างยิ่งจนการทุบสามครั้งเปลี่ยนให้สายเลือดบรรพกาลกลายเป็นเนื้อบด
สายตาของจีเสวียนเป็นจริงเป็นจังยิ่งกว่าเดิม
เซียวเฉินกำหมัดแน่นด้วยความไม่ยินยอมในดวงตา และยิ่งไปกว่านั้น มันมีร่องรอยของความกลัว!
จวินเซียวเหยาแข็งแกร่งเกินไป
เซียวเฉินคิดว่าเขาไล่ตามจวินเซียวเหยาได้ทันอย่างสมบูรณ์แล้วหลังจากฝึกฝนอย่างหนักในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
แต่บัดนี้ดูเหมือนว่าความแข็งแกร่งของจวินเซียวเหยายังคงทำให้เขารู้สึกถึงความสิ้นหวัง
และอู่หมิงเยว่ผู้เร้นกายในความมืดก็มีความตกตะลึงในดวงตางามฤดูใบไม้ร่วงเช่นกัน
เมื่อคนหนึ่งมีชื่อเสียงโด่งดัง คนผู้นั้นก็ต้องมีความสามารถที่คู่ควรกับชื่อเสียงด้วย นี่เป็นความจริงแท้
เหนือความว่างเปล่าบนป่าไท่ฮวง
จีปังยิ่นอยากพูดอะไรบางอย่าง แต่ไม่อาจพูดออกมาได้
จวินจ้านเทียนลูบเคราและกล่าวอย่างชื่นชม “เฮ้อ หลานชายของข้านี่ยอดเยี่ยมทุกอย่างจริงๆ เสียอย่างเดียว เขาไม่รู้จักวิธีถ่อมตนนี่สิ”
เมื่อจีปังยิ่นได้ยินเข้า สีหน้าของเขาแข็งทื่อยิ่งกว่าเดิม เขารู้สึกเหมือนมีก้อนหินในลำคอ มันไม่ค่อยสบายตัวเท่าไหร่
โชคดีที่ผลงานของจีเสวียนไม่แย่เช่นกัน ไม่อย่างนั้นจีปังยิ่นคงไม่มีหน้าจะยืนอยู่ตรงนี้จริงๆ
“ในยุคแห่งความขัดแย้งอันยิ่งใหญ่นี้ ข้าเกรงว่ามันจะเป็นเวทีของบุตรพระเจ้าแห่งตระกูลจวินแต่เพียงผู้เดียว” ผู้อาวุโสตระกูลเจียงกล่าวด้วยอารมณ์
เขาไม่ได้มีความหมายซับซ้อน ท้ายที่สุดแล้ว จวินเซียวเหยาก็เป็นบุตรชายของเจียงโร่ว ซึ่งถือได้ว่าเขามีสายเลือดเจียงอยู่ครึ่งหนึ่ง
“ฮึ่ม ผลลัพธ์ยังไม่ปรากฏ มันยังเร็วเกินไปที่จะพูดเรื่องนี้” ผู้อาวุโสจากเชื้อสายชางหลงกล่าวอย่างเรียบเฉย
และในตอนนี้เองใกล้กับคลังสมบัติลับ ปรากฏเป็นหลงปี้ชรือจากรังจู่หลง
ยังมีเผ่าราชสีห์เก้าเศียรและเผ่านกนางแอ่นกลืนฟ้าที่มาจากทางอื่นของป่าไท่ฮวงเช่นกัน
ทันใดนั้น ด้านนอกคลังสมบัติลับจ้าวเทวะหยวนเทียน ผู้เข้าร่วมทุกกลุ่มก็ได้มารวมตัวกัน ทำให้บรรยากาศกลายเป็นตึงเครียดทันที
หลงปี้ชรือสังเกตเห็นจวินเซียวเหยาในคราแรก
นี่ไม่ใช่เพราะตั้งใจ
แต่ตราบใดที่จวินเซียวเหยายืนอยู่ตรงนั้น มันราวกับว่าเขากลายเป็นจุดศูนย์กลางของสวรรค์และโลก ทุกสายตาจะถูกดึงมาโดยไม่รู้ตัว
“เจ้าคือจวินเซียวเหยารึ?” หลงปี้ชรือถามเบาๆ ขณะที่จ้องมองจวินเซียวเหยา
“แล้วเจ้าล่ะ...” จวินเซียวเหยามองเรียบเฉย
เป็นธรรมดาที่เขาจะมองออก หญิงสาวตรงหน้าของเขามีเขามังกร นางควรเป็นอัจฉริยะจากรังจู่หลง
“ข้าคือผู้สืบทอดเชื้อสายชางหลง นามหลงปี้ชรือ” หลงปี้ชรือกล่าวด้วยความเย่อหยิ่ง
ได้ยินเช่นนี้ สายตาของจวินเซียวเหยาก็แปลกไป
หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง เขากล่าว “อืม เป็นชื่อที่ดีและมีกลิ่นหอม...”
หลงปี้ชรือมองจวินเซียวเหยาด้วยความสงสัย นางไม่เข้าใจว่าจวินเซียวเหยาหมายถึงอะไร
อีกด้านหนึ่ง มันมีแสงทองคำตระการตาส่องสว่างระหว่างสวรรค์และโลก
ราชสีห์ทองคำผู้ยิ่งใหญ่และน่าเกรงขามปรากฏตัวบนฟากฟ้าสะเทือนอากาศ
สิ่งที่พิเศษที่สุดคือมันมีเก้าเศียร พลังปราณและโลหิตของมันพลุ่งพล่านราวกับกระแสน้ำเชี่ยวกราก
ด้วยเศียรทั้งเก้าคำรามออกมาพร้อมกัน มันดังสนั่นราวกับสายฟ้าคำราม และกลิ่นอายของมันแข็งแกร่งอย่างยิ่ง
“มันเป็นรุ่นเยาว์ไร้เปรียบจากเผ่าราชสีห์เก้าเศียร!” ผู้บ่มเพาะเผ่ามนุษย์อุทานพร้อมกับใบหน้าที่ซีดเซียว
เห็นได้ชัดว่าเผ่าราชสีห์เก้าเศียรคือเผ่าโบราณที่ทรงพลังอย่างยิ่ง
ลือกันว่าเมื่อนานมาแล้ว ราชสีห์เก้าเศียรเคยก่อปัญหาไปทั่วและไม่มีใครกล้าหยุดยั้งมัน ในท้ายที่สุด เป็นองค์โพธิสัตว์ที่ลงมือเปลี่ยนราชสีห์เก้าเศียรให้กลายเป็นพาหนะและเทพผู้พิทักษ์
ในยุคปัจจุบัน แม้ว่าจำนวนสมาชิกของเผ่าราชสีห์เก้าเศียรจะน้อยลง แต่มันยังมีตัวตนสูงสุดที่รู้จักกันในนาม เซียนเก้าวิญญาณ ซึ่งเป็นผู้ที่ทำให้เชื้อสายนี้โด่งดัง
หากไม่ใช่ข้อเท็จจริงที่ว่าจำนวนของสมาชิกเผ่านี้น้อยเกินไป พวกเขาจะต้องอยู่ในระดับของเผ่าจักรพรรดิอย่างแน่นอน
“เป็นไปได้หรือไม่ว่ารุ่นเยาว์ไร้เปรียบผู้นี้เป็นผู้สืบทอดของเซียนเก้าวิญญาณ?” ผู้บ่มเพาะเผ่ามนุษย์แสดงความหวาดกลัวในดวงตา
ราชสีห์เก้าเศียรมองจวินเซียวเหยาและกล่าว “ใช่ แบบนี้แหละ นายน้อยแห่งเผ่ามนุษย์ เจ้าแข็งแกร่งมาก เหมาะสมยิ่งนักที่จะมาเป็นผู้ติดตามของข้า”
อีกด้านหนึ่งของฟากฟ้า จู่ๆ ก็มีลมประหลาดก็พัดผ่านมา และนกยักษ์สีดำที่สามารถบดบังท้องฟ้าและดวงอาทิตย์ได้ก็ปรากฏ
ปีกสองข้างของมันเป็นเหมือนเมฆหมอกที่ห้อยอยู่บนนภา นัยน์ตาทั้งสองดุจดวงจันทร์กลมโตที่กลอกไปมา
ที่ใดที่มันบินผ่าน จะต้องมีกลิ่นเลือดโลหิตฟุ้งกระจาย ซึ่งทำให้ผู้บ่มเพาะเผ่ามนุษย์หลายคนหน้าซีด
มันคือเผ่านกนางแอ่นกลืนฟ้า ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเผ่าโบราณที่มีชื่อเสียงโด่งดัง
“มนุษย์ไม่แม้แต่มีคุณสมบัติที่จะเป็นผู้ติดตาม พวกมันเป็นได้แค่เลือดเนื้อให้ดื่มกิน...”
เผ่านกนางแอ่นกลืนฟ้าอ้าปากกว้างพร้อมกับจ้องมองจวินเซียวเหยาด้วยนัยน์ตากระหายเลือดที่เปล่งประกาย
เผ่านกนางแอ่นกลืนฟ้าดุร้ายเป็นอย่างยิ่ง พวกมันชอบกินเนื้อและดื่มเลือดมนุษย์
และกายาเทพบรรพกาลที่ไร้ค่าของจวินเซียวเหยาก็เป็นโอสถอันยอดเยี่ยมเหมือนกับเนื้อของพระถัง
แต่นกนางแอ่นกลืนฟ้าตัวนี้รู้ดีว่าจวินเซียวเหยามีคนคอยปกป้องอยู่ ดังนั้นมันจึงไม่ประสาทหลอนจนเผลอกลืนกินจวินเซียวเหยา
เห็นสองเผ่าโบราณที่พูดอย่างป่าเถื่อนแล้ว จวินเซียวเหยาจึงหันไปมองเล็กน้อยและกล่าวด้วยความฉงนในดวงตา
“เจ้าพวกเผ่าโบราณ นี่พวกเจ้าไร้สมองกันทั้งหมดเลยรึไง?”
(หากมีคำแนะนำหรือข้อติเตียน สามารถคอมเมนท์เพื่อบอกกล่าวได้นะครับ ^ ^ ขอบพระคุณมากครับที่สละเวลาอ่านจนจบ)