ตอนที่ 5
หลินอันหลานไม่ได้อาบน้ำนาน เขาแค่อาบน้ำอย่างเรียบง่ายและรวดเร็ว
เฉิงอวี้เทน้ำขิงใส่แก้วแล้วส่งให้หลินอันหลาน เมื่อเห็นว่าผมของหลินอันหลานยังเปียกอยู่ จึงไปหาไดร์มาเป่าผมให้
หลินอันหลานรู้สึกเกรงใจเล็กน้อยจึงพูดว่า “เดี๋ยวฉันทำเอง”
เฉิงอวี้หัวเราะแล้วบอกว่า “ไม่เป็นไร เมื่อก่อนฉันก็ช่วยนายเป่าอยู่บ่อยๆ รีบดื่มน้ำชาเถอะ ฉันต้มด้วยชาแดงเลยนะ”
เขาจำได้ว่าหลินอันหลานชอบกินชาแดง
หลินอันหลานหยิบแก้วชาขึ้นมา เป่าเบาๆ แล้วค่อยๆ ชิม
น้ำขิงผสมใบชาแก้วนี้ดื่มแล้วชุ่มคอมาก แต่ว่ายังดีที่เขาเติมน้ำตาลลงไปด้วย หวานๆ กลมกล่อมและโล่งคอมาก
เฉิงอวี้เห็นหลินอันหลานค่อยๆ จิบทีละคำแบบนั้น ในใจก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นมา
ไม่ว่าหลินอันหลานจะทำเพื่อใคร จะมาที่นี่ทำไม เรื่องความจำเสื่อมจะเป็นเรื่องจริงหรือเรื่องหลอก แต่ตอนนี้เขาอยู่ตรงนี้ก็เพียงพอแล้ว
ทั้งชีวิตเฉิงอวี้ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีวันนี้ วันที่เขาจะได้สัมผัส ได้กอด ได้จูบหลินอันหลาน
แค่นี้ก็พอแล้ว
เฉิงอวี้ช่วยเป่าผมให้หลินอันหลานอย่างอ่อนโยน หลังจากเป่าผมเสร็จแล้ว เขายังหอมหัวของหลินอันหลานอีกด้วย
หลินอันหลานตกใจหันขวับ เลยเห็นเฉิงอวี้ยิ้มแล้วมองมาที่ตัวเองพอดี
หลินอันหลานมองเห็นความรักออกมาจากสายตาของเฉิงอวี้อย่างล้นหลาม หลินอันหลานจึงรู้สึกเขินอายขึ้นมา จากนั้นก็ก้มหน้าไปดื่มชาที่อยู่ในมือต่อ
เขาดื่มชาจนหมด ถึงเพิ่งจะรู้สึกว่าชุดนอนของเฉิงอวี้ไม่เหมือนเดิม “นายเปลี่ยนเสื้อผ้าเหรอ”
เฉิงอวี้พยักหน้า “เมื่อกี้ฉันไปสูบบุหรี่มา นายไม่ชอบกลิ่นบุหรี่ ฉันกลัวว่ามันจะมีกลิ่นติดก็เลยไปเปลี่ยน”
หลินอันหลานพูดไม่ออก “ฉันไม่ได้จุกจิกขนาดนั้นสักหน่อย”
เฉิงอวี้ยิ้มแล้วช่วยเขารินชาเพิ่มอีกแก้ว “นายไม่ได้จุกจิก ฉันเองต่างหากที่ไม่อยากให้นายได้กลิ่น เดี๋ยวฉันจะเลิกบุหรี่แล้ว นายวางใจเถอะ”
“ไม่ต้องเลิกก็ได้นะ” หลินอันหลานพูด “แค่ไม่ต้องสูบบุหรี่ต่อหน้าฉันก็พอ”
“ถ้าอย่างนั้นก็เลิกเถอะ” เฉิงอวี้หัวเราะ “สูบบุหรี่ทำลายสุขภาพ ฉันยังอยากอยู่กับนายไปนานๆ”
หลินอันหลานไม่รู้ว่าจะต้องพูดยังไงอีกแล้ว
เหมือนว่าแฟนของเขาจะรักเขามาก แถมยังพูดตรงมาก หลินอันหลานไม่เพียงมีความสุขที่เฉิงอวี้ไม่ได้ดูแลเขาอย่างระมัดระวังเพราะเขาความจำเสื่อม แต่ยังรู้สึกกังวลเล็กน้อยทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าอีกฝ่ายเป็นแฟนของตัวเอง แต่ว่าจนถึงตอนนี้หลินอันหลานก็ยังนึกอะไรไม่ออกเลย ดังนั้น...จึงเหมือนกับว่าเขาเพิ่งเคยพบแฟนของตัวเองครั้งแรก
ในใจของหลินอันหลานรู้ดี แต่จะให้ทำตัวเหมือนคนรักเลยคงยังทำไม่ได้
แต่ว่าเขาจะพยายามค่อยๆ ตามอีกฝ่ายให้ทัน
ดังนั้นหลินอันหลานจึงพยักหน้าแล้วพูดว่า “อื้อ ฉันเองก็อยากอยู่กับนายจนแก่เหมือนกัน”
เฉิงอวี้ชะงักไป เขามองหลินอันหลานอยู่นาน พูดอย่างไม่อยากจะเชื่อว่า “นายว่าอะไรนะ”
“ฉันพูดว่าฉันอยากอยู่กับนายไปจนแก่ ฉันพูดอะไรผิดไปเหรอ” หลินอันหลานมองเขาอย่างสงสัย
เฉิงอวี้หัวเราะ “นายรอแป๊บหนึ่งนะ”
เขากดเปิดกล้อง กดอัดวิดีโอแล้วพูดว่า “ภรรยา พูดแบบเมื่อกี้อีกรอบได้ไหม”
หลินอันหลาน “...”
หลินอันหลานจะไม่สงสัยในความรักของเฉิงอวี้แล้ว แต่แค่อยากรู้ว่าเขารักฉันมากแค่ไหนกันเนี่ย แค่คำว่าจะอยู่ด้วยกันไปจนแก่ก็ยังต้องอัดวิดีโออีกเหรอ
หลินอันหลานรู้สึกเขินอายที่จะพูด
เฉิงอวี้ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ แล้วพูดอย่างวอแว “พูดอีกรอบน้า ภรรยา พูดอีกทีนะครับ”
หลินอันหลานก้มหน้าดื่มชา
เฉิงอวี้ก้มหน้ามองเขา “ได้ไหมครับ อีกรอบเดียว ประโยคเดียว นะครับนะ”
หลินอันหลาน “...”
ช่วยไม่ได้ หลินอันหลานเงยหน้าขึ้นแล้วพูดอย่างเขินอายว่า “ฉันอยากอยู่กับนายไปจนแก่”
“อยากอยู่กับใคร” เฉิงอวี้พูดอย่างแกล้งๆ
“กับนาย”
“ฉันคือใคร?”
หลินอันหลาน “...”
“พูดมาสิ ฉันคือใคร”
หลินอันหลานหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก “เฉิงอวี้ ฉันอยากอยู่กับนายไปจนแก่ โอเคไหม”
เฉิงอวี้ได้คืบจะเอาศอก “ครั้งหน้าต้องเรียกว่าสามี”
“ไม่เอา” หลินอันหลานก้มหน้าจิบชา
เฉิงอวี้มองหูของเขาที่แดงขึ้นเรื่อยๆ ในใจก็รู้สึกยินดีอย่างมาก
เขาจูบเบาๆ ที่ใบหูร้อนๆ ของหลินอันหลาน หลินอันหลานตกใจจนเกือบจะปล่อยแก้วน้ำแล้ว
“วันนี้นายจะนอนกับฉันหรือเปล่า” เขากระซิบไปที่ข้างหูของหลินอันหลาน
หลินอันหลานหูแดงขึ้นราวกับโดนน้ำร้อนลวก
หลินอันหลานเงยหน้ามองเฉิงอวี้ แต่กลับไม่ได้ว่าอะไร เหมือนกับสปอยล์คนรักอยู่ตลอด
เฉิงอวี้มองอีกฝ่าย เขาอยากจูบหลินอันหลานอีกแล้ว แต่ครั้งนี้เขาอดทนได้
เขารอให้หลินอันหลานดื่มชาจนหมด จากนั้นก็ถามอีกครั้งว่า “ไม่นอนด้วยกันจริงเหรอ”
“เมื่อก่อนเราเคยนอนด้วยกันเหรอ” หลินอันหลานถาม
เฉิงอวี้ส่ายหน้า “นายเพิ่งมาบ้านฉันเป็นครั้งที่สองเอง”
“เมื่อก่อนฉันไม่ค่อยได้มาบ้านนายเหรอ” หลินอันหลานตกใจ เขาคิดว่าเขาจำที่นี่ได้อย่างแม่นยำ แปลว่าน่าจะมาบ่อยๆ
เฉิงอวี้ยิ้ม “เปล่า”
น้ำเสียงของเขาอ่อนโยนมาก “ตอนแรกฉันชอบนายมาก แต่ว่าเพื่อนของนายไม่ชอบฉัน ดังนั้นนายก็เลยไม่ค่อยสนใจฉัน แต่ฉันเข้าหานายไม่หยุด ตามจีบนาย จีบอยู่ตั้งนาน ในที่สุดก็จีบนายสำเร็จ แล้วเราก็เป็นแฟนกัน”
“พวกเราเพิ่งตกลงคบกันเมื่อหนึ่งอาทิตย์ที่แล้ว ตอนนั้นฉันก็เลยพานายมาที่บ้าน ก่อนหน้านั้นทุกครั้งที่ฉันชวนนายมานายก็ไม่ยอมมา อาทิตย์ที่แล้วจึงเป็นครั้งแรกที่นายมา”
“นายเดินดูรอบๆ แล้วรู้สึกไม่เลว แล้วตอนนั้นพวกเราเป็นแฟนกันแล้วด้วย ฉันก็เลยขอให้นายย้ายมาที่นี่ ตอนแรกนายยังไม่ยอม แต่ฉันก็ขอร้องนายไม่หยุด นายเลยตอบตกลงอย่างไม่เต็มใจ ดังนั้นตอนที่นายบอกว่านายความจำเสื่อมฉันก็เลยตกใจมาก คาดไม่ถึงว่านายจะจำได้ว่าที่นี่คือบ้าน เห็นได้ชัดเลยว่าที่รักของฉันปากร้ายแต่ใจดีนี่นา ปากบอกไม่เต็มใจ แต่ตัวเองดันจำที่อยู่ของฉันแม่นมาก”
เวลาเขาพูดดูสมจริง มีเหตุผล และจริงใจอย่างมาก หลินอันหลานมองไม่เห็นพิรุธของเฉิงอวี้เลย
“งั้นเราก็แยกห้องกันเถอะนะ” หลินอันหลานพูด
เฉิงอวี้ก็ไม่ทำให้เขาลำบากใจ ลูบหัวอีกฝ่ายแล้วบอกว่า “ได้”