ตอนที่ 435 รางวัลของเทพเจ้าดำ
ตอนที่ 435 รางวัลของเทพเจ้าดำ
ขวับ!
หิมะโปรยถูกตวัดออกไปอย่างสวยงามทำให้เซิร์กอีกคนล้มลงไปกับพื้น ขณะที่ใบมีดของเซเลสเชียลมูนยังคงเต้นระบำในอากาศและพรากชีวิตประชากรในโลกเสมือนลงไปอย่างต่อเนื่อง
3 วันที่ผ่านมาเซี่ยเฟยได้ทำการฆ่าอย่างไม่หยุดยั้งและเปลี่ยนดาวเคราะห์ดวงนี้ให้กลายเป็นดาวเคราะห์ที่เต็มไปด้วยหยดเลือด แล้วมันก็ไม่ใช่ดาวเคราะห์ที่สงบสุขเหมือนกับที่เขาได้เดินทางมาในวันแรกอีกต่อไป
ในความเป็นจริงเซี่ยเฟยยังสังหารคนไม่หมด แต่เขาก็หยุดชะงักขึ้นมาอย่างกะทันหัน
“หมายเลข 7 คุณแพ้แล้ว” เซี่ยเฟยส่งเสียงตะโกนขึ้นไปบนท้องฟ้า
“ข้ายังไม่แพ้” หมายเลข 7 ปรากฏตัวขึ้นมาข้าง ๆ เซี่ยเฟยด้วยท่าทางตกใจ
“ฉันฆ่าคนบนดาวดวงนี้ไป 99,999,999 คนแล้ว ถ้าหากว่าคุณไม่ได้โกงหนึ่งในนั้นยังไงมันก็ต้องมีคุณแฝงตัวอยู่อย่างแน่นอน” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างเฉยเมย
คำตอบนี้ทำให้หมายเลข 7 แสดงท่าทีออกมาอย่างเคร่งเครียด เพราะวิธีการที่เซี่ยเฟยเลือกใช้เป็นวิธีการเดียวที่จะบีบเขาไม่ให้พูดจาเฉไฉได้อีกต่อไป
บททดสอบของเทพเจ้าดำถูกวางกับดักเอาไว้ตั้งแต่แรก และคำใบ้ที่เขาได้ให้ไปนั้นมันก็ไม่ได้มีความหมายใด ๆ เลยแม้แต่น้อย เขาเพียงแค่ให้คำใบ้เพื่อให้ผู้ทดสอบรู้สึกสับสนและปล่อยให้ผู้ทดสอบคิดว่านี่คือบททดสอบแก้ไขปริศนา
อันที่จริงการทดสอบนี้เป็นเพียงการทดสอบการฆ่าอย่างบ้าคลั่ง โดยผู้ที่จะสามารถผ่านบททดสอบได้ก็จะต้องมีทักษะการวิเคราะห์ที่ไม่ธรรมดา และจะต้องมีทักษะในการสังหารผู้คนนับ 100 ล้านในเวลาเพียงแค่สัปดาห์เดียว
การทดสอบนี้เป็นการทดสอบที่โหดร้ายมาก และถึงแม้ว่าภายนอกชายหนุ่มจะยังคงแสดงท่าทีออกมาอย่างนิ่งเฉย แต่สภาวะจิตใจของเขาก็ได้รับการทดสอบอย่างรุนแรง
การฆ่าสิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญาไม่ง่ายเหมือนการฆ่ามดแมลงตามพื้นหญ้า เพราะสิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญาจะพยายามกรีดร้องในระหว่างการเอาชีวิตรอด และพวกเขาก็จะพยายามทำอะไรก็ได้เพื่อที่จะให้พวกเขารอดพ้นจากอันตรายที่คุกคามชีวิตของพวกเขา
แม้ว่าการสังหารคนเลวจะไม่ใช่เรื่องน่าลำบากใจ แต่ในบรรดาประชากรนับ 100 ล้านคนย่อมจะต้องมีผู้บริสุทธิ์และเด็กเล็กอยู่ในนั้นอย่างแน่นอน ซึ่งการพยายามทำใจสังหารผู้บริสุทธิ์เป็นจำนวนมากมันก็ไม่ใช่สิ่งที่ใคร ๆ ก็สามารถที่จะทำได้
“เป็นไปไม่ได้! ถ้าเจ้าผ่านบททดสอบแล้วทำไมเทพเจ้าดำถึงไม่ปรากฏตัว ถึงแม้ว่าเจ้าจะสังหารผู้คนไปอย่างมากมาย แต่สุดท้ายมันก็เป็นเจ้าที่ได้รับความพ่ายแพ้” หมายเลข 7 พยายามพูดอย่างดื้อรั้น
ในความเป็นจริงแม้แต่ตัวหมายเลข 7 เองก็ไม่มั่นใจในคำพูดของตัวเองเช่นเดียวกัน เพราะลูกแก้วที่เคยเป็นสีขาวของมันได้ถูกเปลี่ยนจนกลายเป็นสีดำสนิทแล้ว ซึ่งมันก็หมายความว่าเซี่ยเฟยได้สังหารสิ่งมีชีวิตจำลองครบจำนวนแล้วจริง ๆ
“อ้า~ ฉันลืมเรื่องนี้ไปได้ยังไง” เซี่ยเฟยตบหัวตัวเองเบา ๆ พร้อมกับส่งเสียงหัวเราะออกมา
“ลืมอะไร?” หมายเลข 7 ถามด้วยความสงสัย
ชายหนุ่มเคลื่อนที่ไปปรากฏตัวยังด้านหลังของหมายเลข 7 อย่างรวดเร็ว โดยภายในมือขวาถือมีดเล่มเล็กซึ่งเป็นมีดที่ทูรามได้มอบให้กับเขามาเป็นเวลาเนิ่นนานแล้ว
“ฉันลืมไปว่าฉันยังไม่ได้ฆ่าคุณ!”
ฉัวะ!
ทันใดนั้นร่างสีดำขนาดเล็กของหมายเลข 7 ก็ระเบิดออกพร้อมกับเปลวไฟสีฟ้าที่พวยพุ่งออกมาจากร่างของเขา ซึ่งในเวลาเดียวกันมันก็มีเปลวไฟอีกแปดดวงบินมาจากท้องฟ้าอันไกลโพ้น เพื่อผสมเข้ากับเปลวไฟที่ระเบิดออกมาจากร่างของหมายเลข 7
พื้นดินใต้ฝ่าเท้าของเขาเริ่มแตกร้าวและอาคารต่าง ๆ ก็เริ่มพังทลายในเวลาเพียงแค่ไม่กี่วินาที ต่อมาดาวเคราะห์ดวงนี้ก็แตกออกกลายเป็นแสงสว่าง ก่อนที่เซี่ยเฟยจะได้พบว่าตัวเองได้มายืนอยู่ท่ามกลางจักรวาลอันกว้างใหญ่อีกครั้ง
กลุ่มเปลวเพลิงสีฟ้าเริ่มม้วนตัวอย่างรวดเร็วก่อกำเนิดเป็นร่างของมนุษย์ที่สวมหน้ากาก มันจึงทำให้ชายหนุ่มไม่สามารถที่จะมองเห็นใบหน้าของชายคนนี้ได้
“หือ? มนุษย์…” ร่างที่ก่อจากเปลวเพลิงอุทานขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ
เซี่ยเฟยพยักหน้ารับอย่างประหลาดใจเช่นเดียวกัน แต่หลังจากที่เขาได้ผ่านพ้นประสบการณ์ที่น่าเหลือเชื่อมาอย่างมากมาย เขาก็สามารถลบล้างความประหลาดใจออกไปได้อย่างรวดเร็ว
“ฮ่า ๆ ๆ” มนุษย์เพลิงเงยหน้าขึ้นไปบนฟ้าและส่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างเย็นชาคล้ายกับว่ามันเป็นภูตผีปีศาจในภาพยนตร์
ขนอุยตื่นขึ้นมาแยกเขี้ยวให้กับมนุษย์เพลิงพร้อมกับส่งเสียงขู่ขึ้นมาเบา ๆ ราวกับว่ามันไม่พอใจที่เขาได้มารบกวนการนอนพักผ่อนของมัน
“โอ้! มีเจ้าตัวเล็กอีกหนึ่งตัวด้วยสินะ” มนุษย์เพลิงพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม ซึ่งท่าทางของเขาก็ดูคล้ายกับว่าเขาจะชอบขนอุยมาก
“โชคชะตาช่างเล่นตลกจริง ๆ ของขวัญที่ฉันเตรียมเอาไว้ให้เซิร์กอย่างดีกลับจะต้องถูกมอบให้กับมนุษย์”
“ช่างมันเถอะ ในเมื่อเจ้าพวกนั้นไม่คิดที่จะรักษาสิทธิประโยชน์ของเผ่าพันธุ์ตัวเองแล้วฉันจะไปทำอะไรได้”
เมื่อฟังจากบทสนทนาที่มนุษย์เพลิงพูดคุยกับตัวเอง เซี่ยเฟยก็สันนิษฐานว่ามนุษย์เพลิงตรงหน้าของเขานี้น่าจะเป็นจิตสำนึกที่เทพเจ้าดำได้ทิ้งเอาไว้ และในระหว่างที่เขากำลังจะถามเรื่องที่เขาสงสัย เขาก็รู้สึกเจ็บปวดที่บริเวณแขนซ้าย ราวกับว่ามันกำลังมีอะไรบางอย่างกัดกินกล้ามเนื้อของเขา
เมื่อเขาถอดชุดต่อสู้ออกเขาก็พบลวดลายงูสีดำตัวเล็ก ๆ บนแขนซ้ายของเขา แล้วมันก็กำลังคืบคลานอยู่ใต้ผิวหนังของเขาอย่างต่อเนื่องคล้ายกับว่ามันกำลังหาที่พักที่พึงพอใจ
หลังจากที่มันเลือกตำแหน่งของมันได้แล้วงูสีดำตัวนี้ก็งอตัวเป็นก้อนกลม ๆ บนแขนของเซี่ยเฟย ก่อนที่มันจะหยุดนิ่งไม่ไหวติงและกลายเป็นเหมือนรอยสักที่เต็มไปด้วยรายละเอียด โดยมันก็เผยให้เห็นแม้กระทั่งเส้นขนเส้นบาง ๆ
“นี่มันอะไร?” เซี่ยเฟยกัดฟันถาม
“มันคือของรางวัลของคุณยังไงล่ะ” มนุษย์เพลิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“มันเอาไว้ทำอะไร?”
“ตอนนี้คุณอาจจะยังไม่เข้าใจ แต่สักวันหนึ่งคุณจะรู้เองว่านี่คือของขวัญชิ้นใหญ่ที่เราได้มอบเอาไว้ให้กับคุณ”
“ลาก่อนมนุษย์ หวังว่าวันหนึ่งพวกเราจะได้พบกันอีก” มนุษย์เพลิงกล่าวอย่างพึงพอใจขณะที่มันยังคงจ้องมองไปที่เซี่ยเฟย
อย่างไรก็ตามหลังจากที่มันพูดคุยกับเซี่ยเฟยจบแล้ว มันก็เงยหน้าขึ้นไปยังด้านบนพร้อมกับถอนหายใจออกมาอย่างหนัก
“พวกเซิร์กช่างเป็นพวกเนรคุณจริง ๆ สมควรแล้วที่พวกมันจะสูญเสียของขวัญชิ้นนี้ไป”
ฟึ่ม!
คลื่น!
พริบตาต่อมามันก็มีคลื่นถูกปล่อยออกไปจากแขนของมนุษย์เพลิงและทำให้ภูเขาทั้งลูกสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง
เหตุการณ์นี้ทำให้เซี่ยเฟยไม่มีเวลาคิดพิจารณาอีกต่อไป เขาจึงรีบวิ่งออกไปจากห้องเพราะมันคล้ายกับภูเขาทั้งลูกจะถล่มลงมาแล้ว
—
ปัจจุบันเซี่ยเฟยนั่งอยู่ตรงข้ามกับเหล่าบรรดานักปราชญ์ชราราวกับว่าเขากำลังถูกพิจารณาคดี
อย่างไรก็ตามชายหนุ่มก็ยังคงสูบบุหรี่อย่างสบายใจพร้อมกับลูบขนของขนอุยที่นอนกรนอยู่ในอ้อมแขนของเขา แต่บนใบหน้าของนักปราชญ์คนอื่น ๆ ไม่ได้มีท่าทางผ่อนคลายเลยสักนิด เพราะใบหน้าของพวกเขาต่างก็ล้วนแล้วแต่เต็มไปด้วยความเศร้าหมอง คล้ายกับว่ามันกำลังมีเจ้าหนี้มายึดทรัพย์สินของพวกเขาไปจนหมด
“ก่อนอื่นฉันต้องขอแสดงความยินดีที่คุณสามารถผ่านบททดสอบแห่งความโกลาหลไปได้สำเร็จ ต่อจากนี้คุณคือพันธมิตรที่ดีที่จะช่วยพวกเราสังหารอูดี้และหยุดสงครามในครั้งนี้ลง” ชิววี่กล่าว
ในระหว่างที่หัวหน้าสมาพันธ์นักปราชญ์กำลังกล่าวแสดงความยินดี มันก็มีเสียงถอนหายใจดังออกมาจากชายชราคนอื่น ๆ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งภายในน้ำเสียงของพวกเขาต่างก็ล้วนแล้วแต่เต็มไปด้วยความอิจฉาริษยา และมันก็มีเสียงบางเสียงที่ให้ความรู้สึกถึงความเกลียดชัง
“คุณช่วยอธิบายหน่อยได้ไหมว่าทำไมเครื่องทดสอบที่ท่านเทพเจ้าดำทิ้งไว้ให้ถึงถูกทำลายโดยสมบูรณ์?” ชิววี่กล่าวถามอย่างจริงจัง
“ผมไม่รู้ ผมบอกได้แค่ว่าเรื่องนี้มันไม่ใช่ฝีมือของผม” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับยักไหล่ แต่มันก็ทำให้เขารู้สึกเจ็บที่แขนซ้ายขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจจนเผลอเอาแขนขวาไปจับแขนซ้ายโดยไม่รู้ตัว
คำตอบนี้เกือบทำให้ชานี่ระงับความโกรธเอาไว้ไม่อยู่ เพราะหลังจากที่เซี่ยเฟยผ่านบททดสอบภูเขาไฮเอนด์ก็ถูกทำลายหายไปพร้อมกับสร้างหลุมลึกลงไปในดินอีกมากกว่า 3 กิโลเมตร และถ้าหากว่าเซี่ยเฟยไม่ได้มีความสำคัญกับแผนการหลังจากนี้เขาก็คงจะลงมือจัดการชายหนุ่มคนนี้ไปแล้ว
การสูญเสียภูเขาไฮเอนด์สำหรับเผ่าพันธุ์เซิร์กเป็นความเสียหายที่ไม่อาจประเมินค่าได้ เพราะในช่วงหลายหมื่นปีที่ผ่านมาสถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ที่สำคัญในการฝึกฝนนักสู้เซิร์กขึ้นมาเป็นจำนวนมาก และมันก็ยังเป็นสถานที่ที่สำคัญที่ช่วยให้พวกเขาพัฒนามาจนกลายเป็นเซิร์กที่มีสติปัญญาอย่างในปัจจุบันด้วย
แต่ในตอนนี้ภูเขาที่เหล่าทวยเทพทิ้งเอาไว้ให้กับพวกเขาถูกทำลายลงไปอย่างสมบูรณ์แล้ว ที่น่าเศร้าไปกว่านั้นคือภูเขาถูกทำลายลงไปด้วยฝีมือของมนุษย์คนหนึ่ง และสิ่งที่น่าเศร้ามากที่สุดคือก่อนที่ภูเขาจะถูกทำลายเซี่ยเฟยยังเป็นผู้ผ่านบททดสอบแห่งความโกลาหลคนเดียวในประวัติศาสตร์
“พวกเราลืมเรื่องนั้นกันไปเถอะ คุณพอจะช่วยบอกเราได้ไหมว่าบททดสอบแห่งความโกลาหลคืออะไร? ในฐานะที่มันเป็นบททดสอบระดับสูงสุดที่เทพเจ้าดำทิ้งไว้ให้ เนื้อหาของบททดสอบจะต้องมีความเข้มข้นมากเลยใช่ไหมล่ะ?”
“มันเป็นบททดสอบที่เข้มข้นมากจริง ๆ ในระหว่างบททดสอบมันก็ทำให้ผมเกือบจะถอดใจไปแล้วหลายครั้ง” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างกำกวมพร้อมกับสังเกตท่าทางของชายชราตรงหน้าอย่างต่อเนื่อง และเมื่อเขาได้สังเกตเห็นแววตาแห่งความคาดหวังของนักปราชญ์เหล่านี้ มันก็มีความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาภายในใจของเขา
“ผมได้พบกับเทพเจ้าดำ” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างจริงจัง
ช็อก!
เทพเจ้าที่ชาวเซิร์กนับถือมีเพียงแค่เทพเจ้าดำและเทพเจ้าขาว แต่เซี่ยเฟยที่เป็นมนุษย์กลับได้พบกับเทพเจ้าในตำนานของพวกเขาโดยไม่คาดคิด ซึ่งมันก็ยิ่งสร้างความอิจฉาริษยาและความเกลียดชังภายในใจของพวกเขามากขึ้นไปอีก
“จริงเหรอ?! ท่านเทพเจ้าดำมีหน้าตาเป็นยังไง? แล้วท่านได้มีคำสั่งอะไรลงมาบ้าง?” ชานี่กล่าวถามอย่างเร่งรีบ
“ผมจะมีสิทธิ์มองรูปลักษณ์ของเทพเจ้าดำได้อย่างไง?” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างเคร่งขรึม ซึ่งคำพูดง่าย ๆ นี้ก็ทำให้ใบหน้าของชานี่กลายเป็นซีดเซียว และเขาก็ทำได้เพียงแต่โทษตัวเองที่ถามเรื่องเสียมารยาทออกไปโดยไม่คิด
“พวกคุณไม่รู้หรอกว่าทันทีที่เทพเจ้าดำปรากฏตัวขึ้นมาผมก็สัมผัสได้ถึงแรงกดดันอันรุนแรง ตอนนั้นผมแทบจะหายใจไม่ออกด้วยซ้ำ ผมจึงทำได้เพียงแค่คุกเข่าลงตรงนั้นและไม่กล้าที่จะเงยหน้าขึ้นมามอง”
“โอ้! โอ้!” ทุกคนต่างก็พยักหน้ารับกันซ้ำ ๆ เพราะภายในใจของพวกเขารูปลักษณ์ของเทพเจ้าเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่หาที่เปรียบมิได้ ทุกสิ่งที่เซี่ยเฟยพูดมาจึงดูมีเหตุผลและถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่เคยพบกับเทพเจ้ามาก่อน แต่มันก็ทำให้พวกเขารู้สึกหวาดกลัวจนตัวสั่น แม้ว่าพวกเขาจะพยายามจินตนาการถึงเทพเจ้าผ่านคำบอกเล่าของเซี่ยเฟยก็ตาม
“พลังของเทพเป็นพลังที่น่าเหลือเชื่อจริง ๆ ตอนแรกผมคิดว่าผมเป็นนักสู้ระดับแนวหน้าของจักรวาลแล้ว แต่ใครจะไปคิดว่าเพียงแค่การปรากฏตัวของเทพเจ้าดำจะทำให้ผมรู้สึกหวาดกลัวได้ขนาดนี้ ด้วยพลังอำนาจขนาดนั้นผมก็คิดว่าเทพเจ้าแห่งเผ่าพันธุ์เซิร์กคงจะสามารถบดขยี้ผมได้ด้วยการใช้แรงเพียงแค่นิ้วเดียว” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยอารมณ์ พร้อมกับใช้มือข้างหนึ่งขึ้นมากุมหน้าอกราวกับว่าเขากำลังได้พบกับสิ่งที่น่ากลัวที่สุดในชีวิต
ทักษะการแสดงของเซี่ยเฟยเป็นสิ่งที่น่าทึ่งมาก แล้วมันก็ทำให้นักปราชญ์ทุกคนหลงเชื่อในคารมของเขาจนหมดแล้ว
“ท่านเทพมีคำสั่งอะไรมาถึงพวกเราหรือเปล่า?” ชิววี่กล่าวถามอย่างระมัดระวัง
***************