ตอนที่ 434 ข่าวร้าย
ตอนที่ 434 ข่าวร้าย
“ของรางวัลของเทพเจ้าดำงั้นเหรอ?” เซี่ยเฟยอุทานขึ้นมาด้วยความสงสัย
“นั่นไม่ใช่เหตุผลที่เจ้าเดินทางมาที่นี่หรอกเหรอ? สรุปสั้น ๆ คือหลังจากนี้เจ้าจะต้องออกตามหาและสังหารข้าให้สำเร็จไม่ว่าเจ้าจะใช้วิธีการใดก็ตาม และตราบใดก็ตามที่เจ้าสามารถสังหารข้าได้ในเวลาที่กำหนด ของรางวัลจากเทพเจ้าดำก็จะเป็นของเจ้า” หมายเลข 7 กล่าวพร้อมกับพยักหน้า
เซี่ยเฟยทำได้เพียงแต่ยักไหล่เมื่อได้พบกับเงื่อนไขที่ไม่ยุติธรรม เพราะท้ายที่สุดการพยายามค้นหาหมายเลข 7 จากผู้คนนับ 100 ล้านคนภายในเวลาเพียงแค่ 7 วันมันก็เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน
“เอาล่ะก่อนจากกันข้าจะให้คำใบ้เจ้าไว้ 3 คำคือ วิหาร, ทรายและหญ้า อย่าลืมว่าเจ้าจะต้องสังหารข้าให้ได้ภายในเวลา 7 วัน” หมายเลข 7 กล่าวก่อนที่ร่างของเขาจะหายไปในพริบตา
“วิหาร, ทราย, หญ้า เขากำลังพยายามใบ้ถึงอะไรกันแน่?” อันธกล่าวถามอย่างครุ่นคิด
“ฉันจะไปรู้ได้ยังไง?” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับส่ายหัว
“แล้วเราจะออกตามหาเขายังไง?”
“เรื่องนั้นฉันก็ยังไม่รู้ แต่ตอนนี้สิ่งที่ฉันสนใจคือภาพจำลองที่เราเห็นอยู่นี่คือภาพตอนที่เซิร์กยังคงอยู่ร่วมกันกับทูรอนต่างหาก”
ข้างทางห่างไปทางซ้ายของถนนมีร้านอาหารอยู่ร้านหนึ่ง แต่เมื่อเซี่ยเฟยเดินเข้ามาสำรวจพวกเขาก็กล่าวต้อนรับอย่างอบอุ่น โดยเจ้าของร้านเป็นทูรอนตัวเล็กที่นั่งอยู่หลังเคาน์เตอร์พร้อมกับจัดการบัญชีภายในมือ ส่วนพนักงานร้านคือเซิร์กที่ผูกผ้ากันเปื้อนอย่างงุ่มง่ามและกำลังพยายามเช็ดร้านด้วยผ้าขี้ริ้ว แต่ทันใดนั้นเขาก็ทำจานแตกโดยไม่ได้ตั้งใจทำให้ทูรอนเจ้าของร้านส่งเสียงดุขึ้นมาในทันที
ภาพเหตุการณ์ลักษณะนี้มีให้เห็นระหว่างทางอย่างมากมาย ซึ่งมันก็พิสูจน์ให้เห็นว่าเซิร์กในสมัยโบราณต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นพวกที่ไร้สติปัญญา พวกเขาจึงสามารถทำงานง่าย ๆ ได้เพียงแค่บางอย่างเท่านั้น ไม่เหมือนกับเซิร์กในปัจจุบันที่พวกเขาพัฒนาเข้าใกล้มนุษย์มากขึ้นทุกที
หมายเลข 7 ไม่ได้หายตัวออกไปจากที่นี่จริง ๆ แต่ยังคงซ่อนตัวอยู่บนระเบียงอาคารชั้น 3 และแอบสังเกตการณ์การกระทำของเซี่ยเฟย แต่เมื่อเขาเห็นชายหนุ่มเดินเล่นอย่างสบาย ๆ มันก็ทำให้เขารู้สึกแปลกใจมากพอสมควร
“มนุษย์คนนี้ไม่รีบหาข้างั้นเหรอ? หรือว่าเขาจะยอมแพ้กับบททดสอบนี้แล้ว…”
“อยากจะทำอะไรก็ทำไปเถอะ ถ้าเจ้ายังไม่เริ่มออกหาข้า เจ้าก็ไม่มีวันผ่านบททดสอบนี้ไปได้”
หลังจากพึมพำกับตัวเองอยู่เพียงแค่ไม่กี่คำ ร่างของหมายเลข 7 ก็หายตัวไปจากบริเวณนั้นเพื่อไปอยู่ยังสถานที่ตามคำใบ้ที่เขาได้บอกกับชายหนุ่ม
—
ไม่กี่ชั่วโมงต่อมาเซี่ยเฟยก็หยุดอยู่บนเนินเขาเล็ก ๆ บริเวณนอกเมือง เพื่อพิจารณาภาพตรงหน้าอย่างครุ่นคิด
“ภาพลวงตานี่วิเศษมากเลย ตัวละครทุกตัวต่างก็มีลักษณะเฉพาะเป็นของตัวเองและอาคารทุกอาคารก็แตกต่างกันมากด้วย ดูเหมือนว่าเทพเจ้าดำจะคัดลอกดาวดวงหนึ่งมาทั้งดวง และเอารายละเอียดทุกอย่างของดาวดวงนั้นมาสร้างเป็นโลกเสมือนนี้” เซี่ยเฟยพึมพำขึ้นมาเบา ๆ
“ตอนนี้นายควรคิดหาวิธีหาตัวหมายเลข 7 หรือเปล่า? พวกเซิร์กพวกนั้นเจ้าเล่ห์มากถึงขนาดส่งนายเข้ามาในบททดสอบที่ต้องหาหมายเลข 7 ท่ามกลางประชาชนนับ 100 ล้านคนแบบนี้” อันธกล่าว
“ฉันไม่คิดว่าเซิร์กพวกนั้นรู้เนื้อหาของบททดสอบหรอก พวกเขาแค่คิดว่าฉันไม่มีทางผ่านบททดสอบนี้ไปได้ และพวกเขาก็ส่งฉันเข้ามาเพราะว่าต้องการที่จะควบคุมความอิสระของฉัน” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับส่ายหัว
“นั่นสินะ ชานี่ก็ดูเหมือนจะไม่เคยเข้ามาที่นี่มาก่อนและสิ่งที่เขาพูดก็คงจะไม่ใช่เรื่องโกหก ว่าแต่วิหาร, ทรายและหญ้ามันคืออะไรกันแน่? แล้วเราจะหาหมายเลข 7 ได้จากที่ไหน?” อันธกล่าว
“กินซะ! อีกเดี๋ยวพวกเราคงจะยุ่งกันสักพัก” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับหยิบหัวใจจักรวาลสีม่วงออกมาโยนให้กับขนอุย
“บนดาวดวงนี้เต็มไปด้วยหญ้าและทรายที่มีอยู่ทั่วทุกที่ นอกจากนี้พวกเขายังนับถือเทพเจ้า มันจึงทำให้ภายในเมืองมีวิหารอยู่ไม่น้อยกว่า 20 แห่ง ตอนแรกฉันก็คิดว่าหมายเลข 7 ใจดีทิ้งคำใบ้เอาไว้ให้ แต่ท้ายที่สุดคำใบ้พวกนั้นมันก็ไม่มีประโยชน์อะไรเลย” อันธกล่าวขึ้นมาอย่างเซ็ง ๆ
“ฉันคิดว่านายตีความคำใบ้ของเขาผิดต่างหาก” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“แล้วมันหมายความว่ายังไง?”
“ประเด็นสำคัญมันไม่ได้อยู่ที่วิหาร, ทรายหรือหญ้า แต่มันคือสิ่งที่เขาบอกว่าให้ฆ่าเขาให้ได้ใน 7 วันต่างหาก”
“คำใบ้คือฆ่าเขาเนี่ยนะ! มันฟังดูเหมือนเป็นคำพูดง่าย ๆ นะ แต่บนดาวดวงนี้มีประชากรอยู่ตั้ง 100 ล้านคน แล้วนายจะรู้ได้ยังไงว่าเขาเป็นใคร?” อันธบ่นขึ้นมาอย่างไม่พอใจ
เซี่ยเฟยยังไม่ตอบคำถามในทันทีแต่นำเซเลสเชียลมูนและหิมะโปรยออกมาติดตั้งยังตำแหน่งเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้
“การหาตัวเขาเป็นเรื่องยากจริง ๆ แต่ถ้าหากว่าฉันฆ่าคนบนดาวทั้ง 100 ล้านคน หนึ่งในนั้นมันก็จะต้องเป็นเขาแน่ ๆ”
“อะไรนะ! นายจะฆ่าคนทั้ง 100 ล้านคนเลยงั้นเหรอ?” อันธอุทานขึ้นมาด้วยความตกใจ
“หมายเลข 7 ไม่ได้บอกว่ามันมีกฎไม่ให้ฆ่าคนทั้งหมดสักหน่อยนิ” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมด้วยแววตาอันเย็นชาที่ปรากฏขึ้นมาในดวงตาของเขา
การระเบิดจิตสังหารออกมาอย่างกะทันหันในครั้งนี้ส่งผลกระทบกับขนอุยที่อยู่บนไหล่ของเขาด้วย ซึ่งมันก็อ้าปากน้อย ๆ ของมันออกมาพร้อมกับส่งเสียงร้องคำรามอย่างน่ารัก
—
เมื่อเซี่ยเฟยตัดสินใจที่จะสังหารทุกคนบนดาวดวงนี้ มันก็ทำให้หมายเลข 7 ที่กำลังนอนหลับอยู่บนก้อนเมฆอดที่จะสะดุ้งขึ้นมาด้วยความตกใจไม่ได้ และทันใดนั้นมันก็มีคนชุดดำ 8 คนปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหัน
“เจ้า 7 นี่เจ้าไปเอาสัตว์ประหลาดแบบไหนมาเนี่ย! ทำไมเขาถึงคิดที่จะฆ่าทุกคนแบบนี้?”
“ข้าจะรู้ได้ยังไง คนที่ส่งเขาเข้ามาคือพวกเซิร์กที่อยู่ด้านนอกนั่นต่างหาก”
“แล้วแบบนี้มันไม่ผิดกฎเหรอ?”
“มันไม่น่าผิดกฎอะไรนะ เพราะตอนที่นายท่านจากไปเขาไม่ได้บอกว่าผู้ทดสอบไม่สามารถสังหารทุกคนได้” หมายเลข 3 กล่าว
“ข้าโชคดีจริง ๆ ที่ตอนรอบของข้า ข้าได้พบกับไอ้โง่ที่ชื่อเลยูตี้ เจ้านั่นพยายามออกค้นหาข้าอย่างหนักตลอดทั้ง 7 วัน ก่อนที่เขาจะถูกข้าส่งกลับไปยังที่ที่เขาจากมา” หมายเลข 4 กล่าวด้วยรอยยิ้ม
“เจ้าหมอนั่นมันพยายามเล่นนอกกรอบชัด ๆ แล้วแบบนี้พวกเราควรจะทำยังไงกันดี?” หมายเลข 7 กล่าวพร้อมกับกระทืบเท้าด้วยความไม่พอใจ
“นี่มันเรื่องของเจ้าแล้วคราวนี้มันเป็นตาของเจ้า แล้วเจ้าก็แค่โชคร้ายที่ต้องมาพบกับคนที่ไม่เล่นในกรอบแบบนี้”
“ใช่ เรื่องนี้มันเป็นเรื่องของเจ้า ทุกคนรีบถอยกันเถอะ ถ้าหากนายท่านมาเจอเรื่องนี้ทีหลังก็อย่าโยนเรื่องนี้มาเป็นความผิดของพวกเราล่ะ”
พริบตาต่อมาร่างทั้งแปดก็หายไปอย่างรวดเร็ว เพราะเมื่อพวกเขาเห็นสถานการณ์เริ่มไม่ค่อยดีพวกเขาก็คิดที่จะโยนความผิดนี้ให้หมายเลข 7 เพียงลำพัง
“ไอ้มนุษย์บ้า!!” หมายเลข 7 ร้องคำรามออกมาด้วยความโกรธ
—
เมื่อเวลาผ่านไปเซี่ยเฟยก็ดำเนินการตามแผนการอย่างรวดเร็ว โดยการไล่สังหารจากเมืองหนึ่งไปยังอีกเมืองหนึ่งและแม้แต่หมู่บ้านระหว่างทางก็ถูกเขาล่าสังหารจนหมด
ในวันเดียวประชากรในดาวเคราะห์ดวงนี้ถูกสังหารลงไปแล้วมากกว่า 20 ล้านคน และมันก็ทำให้ตัวตนของเซี่ยเฟยไม่ต่างไปจากยมทูตที่คร่าวิญญาณทุก ๆ ที่ที่เขามุ่งหน้าไป
แม้ว่าสถานที่แห่งนี้จะเป็นเพียงแค่ภาพจำลอง แต่รายละเอียดทุกอย่างต่างก็ล้วนแล้วแต่ให้ความรู้สึกไม่ต่างไปจากความเป็นจริง เพราะแม้แต่สัมผัสในระหว่างที่ใบมีดกรีดผ่านผิวหนัง หรือแม้กระทั่งเลือดที่ทะลักไหลออกมาจากบาดแผลต่างก็ล้วนแล้วแต่มีความสมจริงจนแยกไม่ออก
ความรู้สึกสมจริงนี้ทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกตกใจมาก และเขาก็มักจะตั้งข้อสงสัยอยู่เสมอว่าเขากำลังฆ่าคนจริง ๆ อยู่หรือเปล่า แต่กลิ่นเลือดที่คละคลุ้งอยู่ในอากาศก็ทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกมีความสุขอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ราวกับว่าการฆ่าคนเยอะ ๆ คือสิ่งที่เขาต้องการ และมันก็กระตุ้นให้เขาออกล่าสังหารต่อไปเรื่อย ๆ จนกว่าดาวดวงนี้จะไม่เหลือใครนอกจากตัวเขาเอง
เมื่อเซี่ยเฟยวิ่งมาหยุดอยู่หน้าทะเลสาบใสสะอาด ขนอุยก็รีบกระโดดลงไปในน้ำอย่างรวดเร็ว เพราะท้ายที่สุดการล่าสังหารทั้งวันก็ทำให้มันรู้สึกเหนื่อยล้ามาก เซี่ยเฟยจึงหยิบหัวใจจักรวาลสีม่วงออกมา 3 ชิ้นเพื่อให้มันฟื้นฟูพลังงานกลับคืนมา
“วันนี้พักก่อนเถอะ ทั้งวันฉันเห็นนายฆ่าคนพวกนั้นจนอยากจะอ้วกอยู่แล้วเนี่ย!” อันธกล่าว
“ฉันแค่ฆ่าภาพลวงตา นายคงจะไม่ได้คิดจริงจังเกี่ยวกับเรื่องนี้ใช่ไหม?” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ภาพลวงตาพวกนั้นเหมือนจริงมากเกินไป ถึงขนาดที่ฉันสามารถสัมผัสถึงพลังงานของคนบนดาวได้เลย สัมผัสพวกนั้นมันไม่ต่างไปจากสัมผัสจริง ๆ ฉันก็ไม่รู้หรอกนะว่านายสามารถแยกแยะจริงเท็จได้ยังไง เพราะฉันไม่สามารถแยกแยะภาพลวงตาพวกนั้นได้เลยแม้แต่นิดเดียว” อันธกล่าวด้วยใบหน้าที่บูดบึ้ง
“นายก็รู้สึกแบบนั้นเหมือนกันเหรอ? อันที่จริงยิ่งฉันลงมือสังหารฉันก็ยิ่งรู้สึกถึงความผิดปกติ คนสร้างภาพลวงตาจะต้องมีพลังมากถึงระดับไหนถึงสามารถสร้างภาพเสมือนจริงของดาวเคราะห์ทั้งดวงขึ้นมาได้แบบนี้ ปกติฉันไม่เชื่อแนวคิดเรื่องเทพเจ้าอะไรแบบนั้นหรอกนะ แต่การที่เขาสามารถสร้างดาวดวงนี้ขึ้นมาได้มันก็ทำให้ฉันพูดไม่ออกจริง ๆ” เซี่ยเฟยกล่าว
ทั้งสองเงียบไปครู่หนึ่งซึ่งมันก็ทำให้บรรยากาศเริ่มอึดอัดขึ้นมาเล็กน้อย
“ถ้าสมมติว่าคนพวกนั้นมีชีวิตจริง ๆ นายยังจะฆ่าพวกเขาต่อไปไหม?” อันธกล่าวถาม
“ฆ่าสิ จะรออะไร” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับพยักหน้ารับอย่างหนักแน่น
—
หมายเลข 7 คอยจับจ้องมองการกระทำของเซี่ยเฟยจากระยะไกล โดยมีลูกแก้วสีขาวลอยอยู่ในอากาศไม่ห่างไปจากเขามากนัก
นับตั้งแต่วินาทีที่เซี่ยเฟยเริ่มลงมือลูกแก้วลูกนี้ก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีดำอย่างต่อเนื่อง โดยในปัจจุบันลูกแก้วได้เปลี่ยนเป็นสีดำเกินกว่า 20% แล้วคล้ายกับว่ามันเป็นลูกแก้วที่คอยบอกปริมาณสิ่งมีชีวิตที่เหลือรอดภายในดาว
เมื่อไหร่ก็ตามที่ลูกแก้วลูกนี้ถูกเปลี่ยนเป็นสีดำสนิท มันก็หมายความว่าสิ่งมีชีวิตลวงตาทั้งหมดถูกกวาดล้างจนหมดแล้ว
“นายท่านทำไมนายท่านถึงไม่ตั้งกฎห้ามให้ฆ่าแบบนี้ คนป่าเถื่อนแบบนั้นจะเป็นผู้ผ่านบททดสอบได้ยังไง?” หมายเลข 7 พึมพำกับตัวเองเพียงลำพัง
—
ในเวลาเดียวกันชานี่และคนอื่น ๆ ที่อยู่ในห้องทดสอบก็กำลังอ้าปากค้างด้วยความไม่อยากจะเชื่อ เพราะมันไม่มีใครคิดว่าเครื่องแสดงความคืบหน้าภายในห้องจะกำลังเคลื่อนตัวอยู่จริง ๆ
เครื่องแสดงความคืบหน้าภายในห้องนี้แตกต่างจากลูกบอลสีขาวที่อยู่กับหมายเลข 7 เพราะเครื่องแสดงความคืบหน้าภายในห้องเป็นเพียงแค่แท่งปรอท ที่ในช่วงระยะเวลาแรกที่เซี่ยเฟยเข้าไปมันไม่ขยับเขยื้อนเลยแม้แต่นิดเดียว ทุกคนจึงคิดว่าเซี่ยเฟยก็คงจะไม่มีทางผ่านบททดสอบได้เหมือนกับ 6 คนในก่อนหน้านี้ และในที่สุดมนุษย์หนุ่มก็จะตกอยู่ภายใต้การควบคุมของพวกเขา
แต่ในระหว่างที่พวกเขากำลังผ่อนคลายอยู่นั่นเอง แท่งปรอทที่แสดงความคืบหน้าของบททดสอบก็เริ่มขยับในที่สุด ซึ่งหลังจากที่เวลาได้ผ่านพ้นไป 15 ชั่วโมง ปริมาณปรอทภายในแท่งก็หายไปกว่า 20% แล้ว
“ไม่มีทาง! นักรบมนุษย์คนนั้นมันชื่ออะไรนะ?”
“เซี่ยเฟย”
“ถ้าเซี่ยเฟยสามารถผ่านบททดสอบไปได้จริง ๆ ล่ะ?”
คำถามนี้เคยเป็นคำถามที่สร้างเสียงหัวเราะได้เมื่อไม่กี่วันก่อน แต่ในขณะนี้มันไม่มีใครสามารถเปล่งเสียงหัวเราะออกมาได้อีกแล้ว และท่าทางของทุกคนต่างก็ล้วนแล้วแต่จริงจังมาก
“ฉันควรแจ้งเรื่องนี้ไปที่ชิววี่ไหม? ดูเหมือนว่าเซี่ยเฟยจะพบวิธีการผ่านบททดสอบนี้แล้วนะ”
“ใจเย็น ๆ บางทีระบบอาจจะผิดพลาด ซึ่งถ้าหากว่าปรอทภายในหลอดยังไม่หายไปทั้งหมด มันก็แสดงว่าเขายังไม่สามารถผ่านบททดสอบนี้ไปได้” ชานี่กล่าวพร้อมกับโบกมือเป็นสัญญาณว่าไม่เป็นไร
ทุกคนทำได้เพียงแต่พยักหน้าพร้อมกับถอนหายใจออกมาอย่างหนัก
แต่ทันใดนั้นปรอทก็เริ่มสั่นอย่างรุนแรง ก่อนที่มันจะลดระดับลงอย่างรวดเร็ว
ที่สำคัญคืออัตราการหดตัวลงของปรอทในครั้งนี้ยังมีอัตราการลดลงที่รวดเร็วกว่าเดิม ซึ่งถ้าหากว่ามันยังคงเป็นแบบนี้ต่อไป เซี่ยเฟยก็คงจะสามารถผ่านบททดสอบได้หลังจากที่เวลาได้ผ่านพ้นไปอีกเพียงแค่ไม่กี่วัน
“รีบติดต่อไปหาชิววี่เดี๋ยวนี้! แล้วบอกเขาว่าเรามีข่าวร้ายจะแจ้งให้ทราบ” ชานี่กล่าวด้วยน้ำเสียงอันเคร่งขรึมท่ามกลางบรรยากาศอันน่าอึดอัดที่ไม่มีใครกล้าแม้แต่จะส่งเสียงขึ้นมาเลยแม้แต่น้อย
***************
เป็นการหาช่องโหว่ของบททดสอบเพื่อให้ผ่านที่สมกับเป็นพี่เฟยจริงๆ 5555