ตอนที่ 4
หลินอันหลานรู้สึกผิดเล็กน้อย แต่กลับคิดว่าสิ่งที่ตัวเองพูดน่ะถูกแล้ว เลยยิ้มหวานออกมา
เฉิงอวี้ไม่เคยเห็นหลินอันหลานมองมาที่ตัวเองด้วยสายตาอ่อนโยนแบบนี้เลย นับประสาอะไรกับการยิ้มให้
เขาจ้องอยู่นาน ในใจก็คิดว่าถ้านี่คือความฝัน ก็ขอให้ติดอยู่ในฝันนี้ตลอดไป
จากนั้นเขาก็กอดหลินอันหลานอีกครั้ง กระซิบที่ข้างหูของหลินอันหลานเบาๆ ว่า “ดีจริงๆ เลย”
“อะไรดีเหรอ?” หลินอันหลานถาม
เฉิงอวี้บีบจมูกเขาแล้วพูดว่า “นายความจำเสื่อมแล้วยังจำที่อยู่บ้านได้ ยังกลับมาหาฉันถูก นี่ดีจริงๆ เลย”
หลินอันหลานรู้สึกประหลาดใจมาก เขาไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับเฉิงอวี้เลย แต่เขาจำชื่อของอีกฝ่ายได้ จำที่อยู่ของอีกฝ่ายได้ แล้วยังจำได้ด้วยว่าเราเป็นแฟนกัน
“ฉันเองก็รู้สึกว่ามันมหัศจรรย์มาก” หลินอันหลานยอมรับ
“น่าจะเพราะฉันชอบนายมากละมั้ง” เฉิงอวี้พูดอย่างไม่ปิดบัง
หลินอันหลานสัมผัสความรักที่ออกมาจากน้ำเสียงของเฉิงอวี้ได้ เขายังรู้สึกเหลือเชื่อและไม่สบายใจ จึงถามต่อว่า “แล้วฉันชื่อว่าอะไรเหรอ?”
เฉิงอวี้ตกใจ “นายจำชื่อตัวเองไม่ได้เหรอ?”
แน่นอนว่าหลินอันหลานไม่ได้ลืม เขาแค่อยากทดสอบอีกฝ่ายเท่านั้น
เมื่อเห็นใบหน้าน่ารักของหลินอันหลาน เฉิงอวี้ก็เลยตอบอย่างจริงจังว่า “นายชื่อหลินอันหลาน หลินที่แปลว่าป่า อันที่แปลว่าสงบสุข หลานที่แปลว่าคลื่นยักษ์”
เขาตอบถูกอีกแล้ว
หลินอันหลานสลัดความไม่สบายใจทิ้งไป เฉิงอวี้ตอบถูกทุกอย่าง อย่างนั้นก็แปลว่าคนคนนี้คือแฟนของเขาจริงๆ
ตอนนี้เขาความจำเสื่อม เขาลืมความรู้สึกก่อนหน้านี้ไปหมด เขารู้สึกผิดกับแฟนของเขามาก แล้วจะมาสงสัยในตัวแฟนอีกได้ยังไง
อีกทั้งเฉิงอวี้ไม่ได้ไปตามหาเขา แต่เขามาหาเฉิงอวี้จากชิ้นส่วนในความทรงจำ ต่อให้เขาไม่เชื่อเฉิงอวี้ เขาก็ควรเชื่อตัวเอง ดังนั้นไม่ต้องไปหยั่งเชิงอีกแล้ว
หลินอันหลานผลักเฉิงอวี้ออกไปแล้วหัวเราะเบาๆ “ออกไปได้แล้ว ฉันจะอาบน้ำ”
“ได้ ถ้ามีอะไรก็ตะโกนเรียกฉันเลยนะ”
“อื้อ” หลินอันหลานพยักหน้า
เฉิงอวี้ลูบหน้าของเขาด้วยความอ่อนโยน จากนั้นก็เดินออกไปอย่างไม่เต็มใจ
เมื่อประตูปิดลง รอยยิ้มของเฉิงอวี้ก็จางหายไป กลายเป็นความสงสัยและเคร่งขรึม
เฉิงอวี้รีบเดินไปห้องหนังสือที่อยู่ห่างจากห้องน้ำมากที่สุด หลังจากปิดประตู เขาก็เดินออกไปโทรศัพท์ที่ริมระเบียง
“ไปสืบมาสิว่าเกิดเรื่องอะไรกับหลินอันหลาน”
“ได้ครับ” ฝ่ายตรงข้ามตอบรับ
“แล้วก็ตรวจสอบเจี่ยงซวี่ด้วย อาทิตย์นี้เขาทำอะไรบ้าง ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปนายไปสืบมาแล้วรายงานฉันทุกวัน”
ฝ่ายตรงข้ามแปลกใจ “ทุกวัน?”
“ใช่ ทุกวัน ถ้ามีโอกาสก็ติดเครื่องดักฟังที่โทรศัพท์ของเขาด้วย ดูว่าเขาติดต่อกับหลินอันหลานบ้างหรือเปล่า ถ้ามีก็ให้รายงานฉันทันที ถ้าไม่มีก็ไม่ต้องบอก”
“ถ้ามี ให้บอกเรื่องที่เขาคุยกันด้วยไหมครับ”
เฉิงอวี้ชะงักไปแล้วตอบว่า “ไม่ต้อง”
เรื่องที่คุยคงเป็นเรื่องส่วนตัวของหลินอันหลาน เขาไม่อยากให้คนอื่นรู้เรื่องพวกนี้นัก
“เข้าใจแล้วครับ” อีกฝ่ายตอบกลับ
เฉิงอวี้วางสายไป จากนั้นก็มองฝนตกจากทางหน้าต่าง เขาคิดว่าเรื่องที่เพิ่งเกิดกับตัวเองมันน่าเหลือเชื่อมาก
หลินอันหลานความจำเสื่อม แต่กลับจำชื่อของเฉิงอวี้ได้ แล้วยังจำว่าเขาเป็นแฟนของตัวเองอีกด้วย
เฉิงอวี้ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าโลกนี้จะมีเรื่องดีงามแบบนี้อยู่
หรือว่าหลินอันหลานจะตั้งใจมาหลอกเขา
ถ้าตั้งใจมาหลอก แล้วเขาจะทำไปทำไม หรือทำเพื่อเจี่ยงซวี่เหรอ
เฉิงอวี้หยิบบุหรี่ออกมาคาบไว้ที่ปากแล้วจุดไฟ
เฉิงอวี้รู้สึกเศร้ามากหากหลินอันหลานจะมาเพื่อหลอกเขา แกล้งทำเป็นความจำเสื่อมเพื่อช่วยเจี่ยงซวี่จัดการเขาเนี่ยนะ แต่เขาก็ไม่ลังเลเลยที่จะกระโดดลงไปในกับดักนี้
เพราะเขาชอบหลินอันหลาน ชอบมาตั้งแต่สมัยมัธยม มหาลัย จนถึงตอนนี้ก็ยังชอบอยู่
ทั้งชีวิตนี้เฉิงอวี้ไม่เคยสนใจอะไร เขาต้องการเพียงหลินอันหลานเท่านั้น
ราวกับว่าความรู้สึกของเฉิงอวี้ทั้งหมดอยู่ที่หลินอันหลาน ต่อให้เขารู้ดีว่าอีกฝ่ายไม่เคยแคร์เขาเลย เขาก็ยังสอบเข้ามหาลัยเดียวกัน เรียนจบแล้วยังตามหลินอันหลานเข้ามาในวงการบันเทิงอีกด้วย
ไม่มีใครเข้าใจว่าทำไมเฉิงอวี้ถึงต้องไปเป็นดารา มีแค่เขาเท่านั้นที่รู้ เขาแค่อยากยืนที่เดียวกับหลินอันหลาน อยากยืนอยู่ในเฟรมเดียวกัน
ที่ดีที่สุดคือได้เล่นภาพยนตร์เรื่องเดียวกัน แสดงบนเวทีเดียวกัน ออกรายการวาไรตี้ด้วยกัน หรือจะแสดงด้วยกันแค่บางฉากก็ได้
แต่เขาทำได้แค่คิดเท่านั้น เจี่ยงซวี่ไม่ชอบเขา ดังนั้นหลินอันหลานเลยมาอยู่ใกล้ๆ เขาไม่ได้
มีหลายครั้งที่อีกฝ่ายเข้าไปคุยกับผู้จัดละครหรือภาพยนตร์ว่าถ้าเรื่องนั้นมีเขาร่วมแสดง หลินอันหลานจะขอถอนตัวออก
เช่นเดียวกับตอนสมัยเรียน เขามองหลินอันหลาน หลินอันหลานมองเจี่ยงซวี่
เจี่ยงซวี่ไม่ชอบใคร หลินอันหลานก็จะไม่คุยกับคนนั้น
ตลอดชีวิตของเฉิงอวี้ไม่เคยอิจฉาใครขนาดนี้มาก่อน เจี่ยงซวี่คือคนคนเดียวที่เขาอิจฉา
เขาอิจฉาที่เจี่ยงซวี่ได้อยู่ใกล้กับหลินอันหลานตลอดเวลา ได้ดูแลตอนที่เขาอ่อนแอ ตอนท้อแท้ก็ยังอยู่เคียงข้างเขา ไม่ว่าเมื่อไหร่ ขอแค่เจี่ยงซวี่ต้องการ หลินอันหลานจะอยู่ตรงนั้นเสมอ
ในสายตาของหลินอันหลานมีแต่เจี่ยงซวี่ สนใจแค่เจี่ยงซวี่ ดังนั้นต่อให้เฉิงอวี้ไปยืนอยู่ตรงหน้าหลินอันหลาน อีกฝ่ายก็ไม่มีทางมองเห็นเขา
เขาถอนหายใจ คิดอะไรว้าวุ่นอีกแล้ว เฉิงอวี้รีบดับบุหรี่แล้วเดินออกจากห้องไป
เขายังไม่ได้ต้มน้ำขิงให้หลินอันหลานเลย เขาต้องรีบต้มน้ำร้อนก่อน
เฉิงอวี้หั่นขิงแล้วเปิดไฟ
ในตอนที่เขากำลังต้มน้ำขิง ก็นึกขึ้นมาได้ว่าหลินอันหลานไม่ชอบกลิ่นบุหรี่ เขาจึงรีบไปแปรงฟันที่ห้องน้ำในห้องนอนแขก ลองดมชุดนอนก็พบว่ามันไม่มีกลิ่น แต่เพื่อความปลอดภัย เฉิงอวี้เลยเปลี่ยนชุดนอนใหม่อีกครั้ง