ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 2

ตอนที่ 1


ตอนที่หลินอันหลานตื่นขึ้นมา นอกห้องฝนกำลังตกอยู่

ผ้าม่านที่ปิดทึบยังคงมีแสงจันทร์ลอดเข้ามา ทั้งห้องมีแต่ความหนาว มีเพียงใต้ผ้านวมเท่านั้นที่ดูอบอุ่น

ฝนตกแบบนี้ เหมาะแก่การนอนมาก

หลินอันหลานนอนฟังเสียงฝนตกดังเปาะแปะ ฝนเม็ดเล็กเม็ดใหญ่กระทบบนหลังคา

หลังจากพลิกตัวกลับมาในท่านอนที่เคยชิน เขากลับรู้สึกอุ่นร้อนที่กลางอก

ฝ่ามือที่จับอยู่ตรงสะโพกเพิ่มแรงบีบมากขึ้นและถือโอกาสนวดให้เขาด้วย อีกฝ่ายขยับตัวเข้ามากอดเขาแน่น

“ตื่นแล้วเหรอ?” เฉิงอวี้ถาม

หลินอันหลานหันหน้ากลับมามอง พบว่าเฉิงอวี้ตื่นนานแล้ว ท่าทางไม่ได้ดูง่วงงุน เขากำลังมองมาด้วยสายตาอบอุ่น

หลินอันหลานพยักหน้า พลิกตัวมาเผชิญหน้ากับเขาแล้วส่งยิ้มหวานให้

เฉิงอวี้เห็นเขาส่งยิ้มหวานให้แบบนี้จึงกดริมฝีปากจูบเบาๆ อย่างห้ามใจไม่อยู่

การตื่นนอนยามเช้าเป็นช่วงเวลาที่อันตรายมาก โดยเฉพาะกับเฉิงอวี้ที่มีหลินอันหลานอยู่ในอ้อมกอด ผ่านไปไม่นานเฉิงอวี้ก็รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงของตัวเอง

หลินอันหลานรู้สึกได้ถึงอารมณ์อ่อนไหว ในช่วงเวลาที่จูบกันอยู่นั้น เขาพูดออกมาเบาๆ ว่า “ไม่เอานะ”

“อื้อ ไม่ทำ” เฉิงอวี้จูบเขาต่อแล้วพูดอย่างอ่อนโยนว่า “ฉันแค่จูบเท่านั้น”

หลินอันหลานถึงค่อยวางใจได้

เฉิงอวี้จูบหลินอันหลานอย่างยาวนาน เมื่อจูบที่ปากเสร็จก็ลากมาจูบที่ปลายคาง ผ่านซอกคอ ลงมาที่หัวไหล่จนเกิดรอยสีแดงขึ้น เขาลูบไล้ที่กระดูกไหปลาร้าอย่างหลงใหล

นิ้วของเฉิงอวี้ลูบไปที่สะโพก ไล้ตามเส้นกระดูกสันหลังอย่างแผ่วเบา

ใบหน้าของหลินอันหลานเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ แววตาฉ่ำน้ำ เขาถอนหายใจเบาๆ แล้วกุมมือของเฉิงอวี้เอาไว้

เฉิงอวี้จึงใช้โอกาสนี้ประสานสิบนิ้วเข้าด้วยกัน จากนั้นก็เงยหน้าไปจูบที่ริมฝีปากของหลินอันหลานอีกครั้ง

จูบของเขาอ่อนโยนเสมอ มีเพียงบางครั้งที่จะเสียการควบคุม จูบกันอย่างร้อนแรงและดุเดือดบ้าง

แต่อย่างไรก็ตาม เฉิงอวี้ไม่เคยทำให้หลินอันหลานเจ็บตัวเลยสักครั้ง มีแต่จะเรียกร้องขอเพิ่มจนต้องให้เขาตอบตกลงก่อนถึงจะพอใจ

หลินอันหลานเงยหน้ารับจูบอยู่นาน จนเขาหายใจไม่ทันแล้วซบลงที่ไหล่ของเฉิงอวี้ กอดเขาไว้แน่น

ด้านนอกฝนยังตกอยู่ ด้านในหนาวนิดหน่อย แต่บนเตียงกลับอบอุ่นมาก

หลินอันหลานยังไม่อยากลุกจากที่นอนเลย เขาอยากหลับตาแล้วนอนต่ออีกสักตื่น

เฉิงอวี้เห็นว่าเขาทำตัวเหมือนแมวขี้เซาก็ใช้มือข้างที่ลูบเอวขึ้นมาลูบหลังของเขา

“หิวหรือเปล่า?” เฉิงอวี้ถาม “จะกินข้าวเลยไหม?”

“ยังไม่รีบ” หลินอันหลานตอบ “ฉันอยากนอนต่ออีกหน่อย”

เฉิงอวี้ก็ไม่ได้ว่าอะไร ทำเพียงโอบและปล่อยให้หลินอันหลานนอนพิงไหล่ตัวเอง มีก้มลงไปจูบบ้างเป็นครั้งคราว

หลินอันหลานเคยชินกับกิจกรรมยามเช้าแบบนี้แล้ว

แม้ว่าเขาจะความจำเสื่อม แต่ก็รู้สึกได้ว่าแฟนหนุ่มคนนี้ต้องรักเขามากแน่นอน

ไม่อย่างนั้นคงไม่อยากกอดอยากจูบเขาตลอดเวลาหรอก แล้วกิจกรรมในตอนกลางคืนของพวกเราสองคน เฉิงอวี้ก็สามารถทำมันได้นานเป็นพิเศษ

ในตอนแรกหลินอันหลานยังเป็นห่วงเรื่องที่ลืมฝ่ายตรงข้าม ลืมความสัมพันธ์เล็กน้อยๆ ระหว่างเรา จนอาจทำให้เฉิงอวี้รู้สึกเสียใจและไม่สบายใจเอาได้

แต่หลังเฉิงอวี้หายจากอาการตกใจแล้ว เขาก็กอดหลินอันหลานแน่นขึ้น

แล้วพูดว่า “ไม่เป็นไร แค่มีนายอยู่ข้างๆ ก็พอแล้ว”

ราวกับว่าเขาไม่ได้สนใจมันจริงๆ มีบางครั้งที่หลินอันหลานถามเรื่องราวก่อนหน้านี้ เขาก็จะเล่ามันออกมา

แต่ถ้าไม่ถาม เฉิงอวี้ก็ไม่พูด

หลินอันหลานยังเคยถามเขาว่า “นายไม่อยากให้ฉันจำได้เร็วๆ เหรอ”

เขาหัวเราะแล้วเข้ามาจูบเบาๆ “ฉันไม่อยากให้นายกดดัน”

เขาบอกอีกว่า “ฉันชอบนาย ไม่ใช่ความทรงจำของนายสักหน่อย ขอแค่พวกเราอยู่ด้วยกัน เดี๋ยวเราก็สามารถสร้างความทรงจำใหม่ๆ กันได้แล้ว ดังนั้นปล่อยให้เป็นตามธรรมชาติเถอะ ไม่ต้องไปนึกถึงมันมาก”

เขาพูดอย่างเอาใจใส่ จึงทำให้หลินอันหลานรู้สึกผ่อนคลายอย่างมาก

เพราะก่อนหน้านี้หลินอันหลานเพิ่งรู้ว่าตัวเองความจำเสื่อม เลยนั่งดูซีรีส์ที่เกี่ยวกับความจำเสื่อมอยู่หลายเรื่อง เขามักจะเห็นว่าพระเอกจะรู้สึกโมโห กดดัน และหดหู่ที่นางเอกจำเรื่องราวอะไรไม่ได้เลย จนสุดท้ายนางเอกก็รู้สึกผิดเช่นกัน

หลินอันหลานไม่ชอบอะไรแบบนั้นเลย นางเอกไม่ได้ตั้งใจความจำเสื่อมนะ ทำไมพระเอกต้องใส่อารมณ์ด้วยล่ะ นางเอกเองก็เป็นผู้บริสุทธิ์นะ

เขารู้สึกว่าแฟนของนางเอกคนนี้ไว้ใจไม่ได้เลย แฟนของเขาดีกว่าเยอะ

เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว แฟนของเขาน่ะเก่งที่สุด

หลินอันหลานนอนซบอยู่ในอ้อมกอดของเฉิงอวี้ครู่หนึ่ง ก่อนจะลืมตาขึ้น

เฉิงอวี้ไม่ได้นอน เขานั่งมองหน้าหลินอันหลานตลอด เมื่อเห็นว่าหลินอันหลานตื่นแล้ว จึงบีบแก้มของเขาเบาๆ

ในผ้าห่มนั้นร้อนมาก หลินอันหลานหน้าแดงขึ้นเล็กน้อย หลังจากโดนหยิกแก้ม แก้มของเขาก็แดงเป็นสตรอว์เบอร์รีสมูทตี

เมื่อเฉิงอวี้เห็นแบบนั้นก็อยากจูบเขาอีกรอบ

แล้วเฉิงอวี้ก็ทำลงไปจริงๆ

เขาปรารถนาในตัวของหลินอันหลานมานานแล้ว จนวันนี้ได้หลินอันหลานมาอยู่ในอ้อมกอดจริงๆ เขาจึงยับยั้งแรงปรารถนาไว้ไม่อยู่

เขาเหมือนคนที่กระหายอยากอยู่ตลอดเวลา เขาอยากกอด อยากจูบ อยากสัมผัส อยากเอาตัวอยู่ติดกับหลินอันหลานทุกเวลา

เขาเลื่อนงานทั้งหมดออกไป อยู่บ้านทั้งวัน คอยดูแลปกป้องหลินอันหลาน

เขากลัวว่าถ้าเขากะพริบตาหรือรู้สึกตัวตื่น หลินอันหลานจะจำเรื่องราวในอดีตได้แล้วหนีจากเขาไป

เฉิงอวี้กระชับกอดแน่นขึ้นอย่างอดไม่ได้ หันไปจุมพิตที่ดวงตาของหลินอันหลานแล้วเรียกเขาว่าภรรยา

หลินอันหลานหัวเราะ

เฉิงอวี้ได้ยินเสียงหัวเราะจึงหัวเราะตาม แล้วถามว่า “หัวเราะอะไรเหรอ? นายไม่ใช่ภรรยาของฉันหรือไง?”

หลินอันหลานตอบอย่างจงใจว่า “ไม่ใช่”

เฉิงอวี้บีบคางของเขาแล้วพูดว่า “กล้าบอกว่าไม่ใช่เหรอ”

หลินอันหลานไม่รู้สึกกลัวเลย “ก็ไม่ใช่น่ะสิ”

“ถ้าไม่ใช่ภรรยาของฉันจะมานอนเตียงเดียวกับฉัน ผ้าห่มผืนเดียวกับฉันเหรอ”

“นั่นเพราะฉันจะลุกแล้วไงเล่า” หลินอันหลานพูดแล้วลุกขึ้นนั่ง

เฉิงอวี้กลัวว่าหลินอันหลานจะเป็นหวัดก็เลยเอาเสื้อคลุมมาคลุมไหล่พร้อมใส่ให้อีกฝ่ายด้วย หลินอันหลานจึงต้องยกแขนขึ้นเพื่อให้เขาสวมเสื้อให้ได้อย่างสะดวก

หลินอันหลานกางแขนเพื่อสวมเสื้อคลุม

ผิวของเขาขาวมาก ข้อมือก็เล็กมาก รอยรักจากกิจกรรมเมื่อคืนยังคงมีอยู่บนร่างกายของเขา

เฉิงอวี้มองแล้วกอดเขาจากทางด้านหลัง

เขาวางศีรษะไว้ที่ไหล่ของหลินอันหลาน โอบกอดไว้ แล้วช่วยมัดสายเสื้อคลุม

หลังจากมัดเสร็จแล้ว เขาก็กดจูบแรงๆ ลงที่ริมฝีปากของอีกฝ่าย

“อยากกินอะไรไหม” เฉิงอวี้ถาม

“ฝนตกแบบนี้มันหนาว งั้นกินหม้อไฟแล้วกัน” หลังหลินอันหลานครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง

เฉิงอวี้พยักหน้าแล้วบอกว่า “งั้นนายเล่นโทรศัพท์ไปก่อน ฉันจะไปทำมาให้”

เขาพูดไปด้วยใส่เสื้อไปด้วย

หลินอันหลานกอดผ้าห่มไว้แล้วพูดว่า “ไม่เอา ฉันจะไปล้างหน้าก่อน”

เมื่อเขาพูดจบ เฉิงอวี้ก็ใส่เสื้อผ้าเสร็จพอดี เขากำลังเลิกผ้าห่มลุกออกจากเตียง

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด