ตอนที่แล้วบทที่ 73: ทหารก็แข็งม้าก็แกร่ง!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 75: เตรียมพร้อมก่อนมอนสเตอร์โจมตี

บทที่ 74: สร้างโหลวเฉิง!


เมื่อแสงแดดยามเช้าสาดส่องผ่านผืนป่าส่องลงมายังหุบเขา  ผู้เพนจรกว่า 400 คนได้มารวมตัวกันที่ลานโล่งหน้าหน้าผา

ใบหน้าแต่ละคนบ่งบอกถึงความเลื่อมใสศรัทธา  ดวงตาที่มืดมนอึน ๆ เปล่งประกายสดใสเป็นครั้งแรกในชีวิต  ร่างกายที่ทำงานมาอย่างเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้ากลับรู้สึกเหมือนมีพลังอันแกร่งกล้าสูบฉีดอยู่ภายใน

มีสิ่งที่เรียกว่า ‘ความหวัง’ ได้ฝังรากลึกอยู่ในใจของพวกเขา

เฉียนหลงที่หน้าบานไม่หุบ  ไทสันที่แววตาแทบจะยิงลำแสงได้  ทั้งหมดต่างมองไปที่ถังเจิ้นที่ยืนอยู่คนเดียวหน้าแท่นหินสี่เหลี่ยมสีดำด้วยดวงตาที่เหมือนมีไฟลุกโชน

ทุกคนกลั้นหายใจเพราะกลัวว่าบรรยากาศที่เคร่งขรึมนี้จะถูกทำลาย

มีเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งถูกต้าสยงอุ้มไว้  จิมมี่ยืนอยู่ข้าง ๆ และเจ้าพวกหัวเผือกหัวมันตัวน้อยทั้งหลายก็ถูกจับไปนั่งรวมกันในมือให้ถืออมยิ้มไว้คนละอันอยู่ที่วงนอกสุด  เรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้นเจ้าพวกเด็กน้อยนี่แน่นอนว่าไม่แยแส  เพราะสิ่งที่แยแสตอนนี้มีแค่อมยิ้มในมือเท่านั้น

ถังเจิ้นยืนอยู่หน้าแท่นหินเงียบ ๆ หลังจากเงียบไปครู่หนึ่งเขาก็หยิบศิลาเสาเอกสีดำออกมาจากช่องเก็บของ  มันคือรากฐานของเย่โหลวของพวกโนมกระหายเลือด

แม้ว่าเขายังมีศิลาเสาเอกอยู่อีกหลายก้อนที่ยกเค้ามาจากห้องเก็บสมบัติเมืองเฮยเหยี่ยนก็ตาม  ทว่าถังเจิ้นก็ไม่รู้ว่าพวกมันมาจากเย่โหลวประเภทใด  ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยที่สุดเขาจึงเลือกใช้ศิลาเสาเอกที่ตนเองรู้จักในการสร้างโหลวเฉิง

ถังเจิ้นชูศิลาเสาเอกขึ้นเหนือหัว “ถึงเทพเจ้าเบื้องบน!  ในวันนี้ข้าน้อยต้องการสร้างโหลวเฉิง  โปรดจงเมตตากรุณาอำนวยอวยพรให้โหลวเฉิงของข้าน้อยได้มีอายุยืนยาวนับพันปี  พลเมืองชาวโหลวเฉิงสุขกายสบายใจตลอดชั่วกาลนานเทอญ!”

“โปรดจงอวยพรให้โหลวเฉิงแห่งนี้สืบทอดต่อไปอีกนับพัน ๆ ปี  และให้พลเมืองได้มีความสุขสุขภาพแข็งแรงตลอดไปด้วยเทอญ!”

เสียงคำรามดังลั่นจากผู้พเนจรกว่า 400 คนดังขึ้นสอดรับสนั่นสั่นสะเทือนจักรวาลกึกก้องกังวานอยู่ในหุบเขาอยู่นานไม่จางหาย

ถังเจิ้นก้าวเข้าไปและวางศิลาเสาเอกลงบนแท่นหินอย่างเบามือ  ทว่าไม่มีการแตะสัมผัสกัน  ศิลาเสาเอกเหมือนโดนแขวนอยู่ในความไม่มีอะไรเหนือแท่นหินแน่นิ่งมั่นคงและอักขระก็ส่องแสงออกมาเล็กน้อย

ถังเจิ้นได้เอากริชออกมาปาดที่ฝ่ามือตนแล้วยื่นมือที่เป็นแผลไปยังศิลาเสาเอก  จากนั้นก็กำหมัดเพื่อบีบให้เลือดหยดจากบาดแผลลงบนศิลาเสาเอกทีละหยด ๆ

ศิลาเสาเอกที่ได้สัมผัสกับเลือดก็กลายเป็นสภาพเป็นเหมือนกับทับทิมในทันที  อักขระที่ร้อยเรียงเป็นวงแวนเก้าวงได้เปล่งแสงออกมากลางอากาศจากนั้นก็หายไปในไม่กี่วินาที

และในขณะนี้เองจู่ ๆ ถังเจิ้นก็สัมผัสได้ถึงความรู้สึกอะไรบางอย่างขึ้นในใจ  ราวกับว่าความคิดของตนได้เชื่อมโยงเข้ากับศิลาเสาเอกนี้แล้ว

ถังเจิ้นได้เปิดใช้งานและผูกมัดกับศิลาเสาเอกแล้ว  แปลว่าตอนนี้เขาได้มีสถานะเป็นเจ้าเมืองแล้วนั่นเอง  ทว่าเขาก็ไม่ได้หวั่นไหว!

สิ่งต่อไปที่ต้องทำคือใช้ลูกปัดสมองสังเวย

เขาโบกมือหนึ่งครั้งลูกปัดสมองเลเวล 1 กองโตก็โผล่บนแท่นหิน  อย่างน้อย ๆ น่าจะมีซัก 1,000 เม็ด  แล้วศิลาเสาเอกก็เปล่งแสงวูบวาบออกมา  ลูกปัดสมองเลเวล 1 ทั้งหมดก็หายวับไป

เห็นแบบนี้แล้วถังเจิ้นก็ไม่ลังเลโบมืออีกรอบ  ลูกปัดสมองโผล่มาอีก 1 กองแล้วก็หายวับไป

เขาเอาลูกปัดสมองให้ศิลาเสาเอกดูดซับซ้ำแล้วซ้ำเล่าอีก 10 รอบ!

ผู้พเนจรที่ชมดูอยู่ต่างก็หวาดผวา  เพราะคิดไม่ออกเลยว่าถังเจิ้นเสกลูกปัดสมองออกมาจากความว่างเปล่าได้ยังไง

หลังจากหมดลูกปัดสมองเลเวล 1 ไป 10,000 เม็ดแล้วถังเจิ้นก็รู้สึกถึงความ ‘อิ่ม’ จากศิลาเสาเอกเหมือนมันกลังบอกเขาว่าไม่ต้องสังเวยต่อแล้ว!

ถังเจิ้นแอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก  เพราะเขาพึ่งจะใช้ลูกปัดสมองทั้งหมดไป  ไม่นึกเลยว่าการสังเวยมันจะบริโภคลูกปัดสมองมากมายถึงขนาดนี้  โชคยังดีที่เขาไปยกเค้าห้องเก็บสมบัติของเมืองเฮยเหยี่ยนมา  ไม่งั้นคงต้องรออีกนาน

ปรากฏว่าหลังจากเสร็จสิ้นการการสังเวยแล้วศิลาเสาเอกก็ส่งข้อความที่พอเข้าใจได้ว่าถ้าจะอัปเกรดต้องใช้ลูกปัดสมองเลเวล 2 อีก 10,000 เม็ด!

ลูกปัดสมองเลเวล 2 จำนวน 10,000 เม็ดเทียบได้กับลูกปัดสมองเลเวล 1 จำนวน 100,000 เม็ด  ไม่รู้ว่าในช่องเก็บของยังเหลือลูกปัดสมองพอมั้ย

แม้ว่าใจเขาก็อยากจะอัปเกรดโหลวเฉิงเป็นเลเวล 2 เลยก็ตาม  แต่เขาก็ยังไม่กล้าเสี่ยง  ไอ้เรื่องต้องใช้ลูกปัดสมองนั่นก็เรื่องหนึ่ง  แต่ว่าถ้าทำแล้วมันจะเพิ่มจำนวนมอนสเตอร์ที่มาบุกเป็นเท่าตัวด้วยเนี่ยสิท่าจะแย่

อีกทั้งลูกปัดสมองเหล่านี้ยังมีประโยชน์สำหรับเขามากด้วย  ดังนั้นเลยยังไม่อาจซี้ซั้วแตะต้องมันตอนนี้ได้

ถังเจิ้นสลับวางความคิดฟุ้งซ่านทิ้ง

และภายใต้สายตาคาดหวังของทุก ๆ คนถังเจิ้นก็พูดเบา ๆ ว่า “สร้างเมือง!”

“ตู้ม!

ถังเจิ้นรู้สึกถึงเสียงดังในหัว  จากนั้นแบบจำลองอาคารขนาดเล็กก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า  อาคารสูง 4 ชั้นและดูภายนอกแล้วแสนจะธรรมดา

แล้วก็เหมือนจะมีเสียงดังขึ้นในใจบอกว่าถังเจิ้นสามารถปรับแต่งได้ตามใจชอบในระดับหนึ่ง

ถังเจิ้นฝังมันลงในโพรงของหน้าผาโดยไม่ลังเล  พร้อมกันนั้นเขายังแก้ไขประตูหน้าต่างเพื่อให้สะดวกต่อการป้องกัน  นอกจากนี้เขายังแก้ไขตำแหน่งบางตำแหน่งที่ไม่เหมาะสำหรับการอยู่อาศัยด้วย

หลังจากปรับแต่งตามใจชอบเสร็จแล้วถังเจิ้นก็ได้ออกคำสั่งให้สร้างมันขึ้นมา!

แบบจำลองที่อยู่ตรงหน้าได้หายวับไป  หน้าผาที่มีบรรยากาศทึม ๆ น่าหดหู่ได้มีแสงเงาสาดไปเคลื่อนมาวุ่นวายทันที  สายตาของถังเจิ้นเบลอ ๆ เหมือนได้เห็นอดีตยาวมาจนถึงปัจจุบันของโหลวเฉิงแห่งนี้

มันเคยเป็นอาคารที่สร้างขึ้นติดถนนที่มีคนเดินกันพลุกพล่านเพื่อใช้เป็นธนาคาร  ตั้งแต่เริ่มต้นก็ผ่านสถานการณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ มานานหลายสิบปีมีคนที่ทั้งทำงานและอาศัยอยู่ในนี้มาแล้วนับไม่ถ้วน

แต่อยู่มาวันหนึ่ง  ชายสวมหน้ากากกลุ่มหนึ่งได้พุ่งเข้ามาในตัวอาคาร  พวกมันใช้ปืนที่เอามาด้วยกราดยิงใส่พนักงานและลูกค้าจนแตกตื่นซึ่งก็มีหลายคนร่วงลงไปจมกองเลือดอยู่ที่พื้นจากนั้นก็ปล้นเอาธนบัตรกองโตไป

จากนั้นภาพก็ตัดสลับฉาก  ไม่รู้ว่าเพราะอะไรไอ้คนสวมหน้ากากพวกนั้นมันก็เกิดคุ้มคลั่งขึ้นมาแล้วจัดการยิงตัวประกันทั้งหมดทิ้ง  เสร็จก็ฉีกเสื้อผ้าโชว์เรือนร่างไปพลางหัวเราะเหมือนคนบ้าไปพลาง

แล้วก็เกิดเสียงดังสนั่นพร้อมกับภาพที่ตัดไป!

นี่คือความทรงจำทั้งหมดของอาคารหลังนี้ซึ่งถูกแสดงให้เห็นต่อหน้าต่อตาของถังเจิ้น

ถังเจิ้นเงียบไป  เขาไม่เคยคิดว่าอาคารที่ดูเรียบง่ายจะมีความทรงจำที่เลือดกระเซ็นเช่นนี้มาก่อน  เขาสัมผัสถึงความรู้สึกจากความทรงจำเหล่านี้ได้ด้วยซ้ำ

‘เชี่ยเอ๊ย  ไอ้สิ่งของที่เย็นยะเยือกพวกนี้มันมีความรู้สึกได้ไงกันวะ!’

ถังเจิ้นส่ายหัวสลัดความคิดฟุ้งซ่านทิ้งแล้วจ้องมองไปยังหน้าผาเขม็ง  หลังจากแสงเงาขนาดใหญ่ที่เคลื่อนไหวหายไปก็ปรากฏอาคารหลังใหม่เอี่ยมอ่องตั้งอยู่ตรงหน้าของทุกคนแล้ว!

มันได้ฝังตัวอยู่ในกำแพงหินทั้งสามด้าย  มีเพียงหน้าผาตรงหน้านี้เท่านั้นที่เปิดโล่ง  ผนังประดับด้วยภาพนูนต่ำบ้างนูนสูงบ้างดูสวยสดงดงามสุด ๆ ประตูหน้าต่างทั้งหมดมีการติดตั้งราวกั้น  และทางเข้าเป็นประตูทองสัมฤทธิ์หนักคู่หนึ่ง

“เจ้าเมืองจงเจริญ!”

หลังจากที่ได้เห็นฉากนี้แล้วผู้เพนจรทุกคนก็โห่ร้องพร้อมกัน  มีหลายคนที่หลั่งน้ำตาด้วยความปีติยินดีอย่างควบคุมไม่ได้ออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ

สุดท้ายแล้วเมื่อเผชิญกับฉากอันอัศจรรย์ใจนี้แล้วแทบจะไม่มีใครสามารถสงบสติอารมณ์ได้  ที่สำคัญคือสถานที่แห่งนี้กำลังจะกลายเป็นบ้านของพวกตน!

แต่ถังเจิ้นกลับแอบตกใจอยู่ภายใน  เพราะเขาไม่เหมือนกับผู้พเนจรที่เห็นแค่เปลือกนอกเท่านั้น  ตัวเขาที่เป็นเจ้าเมืองย่อมรู้ข้อมูลอื่น ๆ มากกว่า

เย่โหลวที่เป็นรังของพวกโนมกระหายเลือดนี่แต่เดิมเคยเป็นธนาคาร  ด้วยเหตุนี้นอกจากฟังก์ชั่นใช้งานตามปกติแล้วเย่โหลวแห่งนี้ยังมีฟังก์ชันพิเศษไม่เหมือนใครอีก 3 อย่าง

แต่สิ่งที่ทำให้ถังเจิ้นรู้สึกไม่สบายใจก็คือทั้ง 3 อย่างนี้มันดันเป็นของสถานที่แปลก ๆ ที่ต้องมีอยู่ในโหลวเฉิงทุกแห่ง  เหมือนอย่างบันไดเพนโรสของเมืองเฮยเหยี่ยน  และโหลวเฉิงของเขาคือธนาคารผี

ธนาคารผีมีฟังก์ชั่นพิเศษ 3 อย่าง  ฟังก์ชั่นแรกคือการออม  ลูกปัดสมองทั้งหมดของชาวโหลวเฉิงสามารถเลือกเอามาฝากไว้กับธนาคารผีของโหลวเฉิงได้  โดยการออมจะได้ดอกเบี้ย 0.5% ทุกเดือน  นี่โคตรเป็นประโยชน์เลย!

ฟังก์ชันที่สองคือการกู้ยืม  พลเมืองชาวโหลวเฉิงทุกคนสามารถกู้ยืมจากธนาคารผีโดยมีอัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 3% ต่อเดือน  ซึ่งจากประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านมาที่พ่อบุญธรรมไปหายืมเงินแล้วหนีไปกับเมียชาวบ้านทำให้ถังเจิ้นโนคอมเมนต์กับฟังก์ชันนี้  อีกทั้งยังรู้สึกรังเกียจเล็กน้อยด้วย

แล้วไอ้ธนาคารผีนี่มันยังมีมาตรการรับมือลูกหนี้เบี้ยวหนี้โดยการดึงพลังวิญญาณจากลูกหนี้โดยตรงซึ่งโคตรบ้า

ฟังก์ชันที่สามคือแลกเปลี่ยนเงินตรา  สามารถใช้ลูกปัดสมองแลกเปลี่ยนเป็นธนบัตรและทองคำต่าง ๆ ได้  แต่จะไม่สามารถเอาธนบัตรมาแลกเป็นลูกปัดสมองได้

หรือก็คือฟังก์ชันที่สามนี้ออกแบบมาเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับถังเจิ้นซึ่งเป็นเจ้าเมืองโดยเฉพาะ  เพราะนอกจากตัวเขาเองแล้วเป็นไปไม่ได้เลยที่คนอื่น ๆ จะยอมแลกเปลี่ยนลูกปัดสมองกับเศษกระดาษที่ไม่มีประโยชน์

นอกจากฟังก์ชันพิเศษทั้งสามแล้วฟังก์ชันปกติของโหลวเฉิงคือการปล่อยและรับภารกิจของโลกบนแท่นศิลาเสาเอก  การแลกเปลี่ยนทักษะพื้นฐานสำหรับนักรบ  และการแลกเปลี่ยนอาหารโดยจำกัดจำนวนต่อเดือน

ฟังก์ชันเหล่านี้ถือว่าดีมาก ๆ ถ้าไม่ใช่เพราะตัวเองเป็นผู้ก่อตั้งล่ะก็เขาคงเดาไม่ออกด้วยซ้ำว่าโหลวเฉิงจะทำแบบนี้ได้ด้วย  มันได้ครอบคลุมปัจจัยพื้นฐานของมนุษย์เกือบทุกด้าน  อย่างไรก็ตามการจะใช้ฟังก์ชันเหล่านี้มันต้องมีของแลกเปลี่ยน

และนั่นก็คือลูกปัดสมองหรือไม่ก็แต้มคะแนนที่มากพอ

หากกล่าวอีกนัยหนึ่ง  แท่นศิลาเสาเอกของโหลวเฉิงก็คือเครือข่ายอินเทอร์เน็ตของโลกโหลวเฉิงนั่นเอง!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด