ตอนที่แล้วบทที่ 1030 (151) ความใจเด็ดของหรงเผิง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 1032 (153) ทำลายความยับยั้งชั่งใจของพวกเธอ (ตอนฟรี)

บทที่ 1031 (152) ทำลายมันด้วยมือของตัวเอง! (ตอนฟรี)


บทที่ 1031 (152) ทำลายมันด้วยมือของตัวเอง!

“วิธีการนั้นง่ายมาก โดยเริ่มจากสองด้าน”

จี้เฟิงไม่ได้คิดที่จะปิดบังอะไร และพูดด้วยรอยยิ้ม “อย่างแรกคือเอาชนะเรื่องฐานการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่บริษัทหวงกงลงทุนไป อย่างที่สอง สกัดกั้นช่องทางการขายต่างๆ รวมถึงสกัดกั้นการล่าถอยของบริษัทหวงกงและบริษัทหุ้นส่วนของหวงกงด้วย”

เมื่อเห็นท่าทางของหรงซูเยี่ยนยังคงมีความสงสัยอยู่ จี้เฟิงก็ยิ้มและกล่าวต่อไปว่า “เถิงเฟยกรุ๊ปได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ที่จะสร้างความตื่นตะลึงให้กับตลาดอย่างแน่นอน เมื่อถึงตอนนั้น โรงงานเด็กซ์ซิงจะไม่เพียงกลับมามีชีวิตอีกครั้ง แต่จะกลายเป็นโรงงานที่แข็งแกร่งและมีความสามารถในการแข่งขันที่น่ากลัวอีกด้วย บวกกับความช่วยเหลือของคุณ การสกัดกั้นช่องทางการขาย การจัดหาวัตถุดิบและเรื่องอื่นๆที่จำเป็นสำหรับบริษัทหวงกงจะกลายเป็นเรื่องง่ายทันที!”

ในตอนนี้หรงซูเยี่ยนเข้าใจแล้วว่าจี้เฟิงจะต้องมีผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมือนใครอยู่ในมือ ไม่เช่นนั้นเขาคงจะไม่พูดด้วยความมั่นใจเช่นนี้

อย่างไรก็ตาม หรงซูเยี่ยนไม่ได้ถามออกไปว่าจี้เฟิงมีผลิตภัณฑ์ใดเป็นอาวุธอยู่ในมือ อย่างไรก็ตาม ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองยังคงมีช่องว่างและความห่างเหินอยู่พอสมควร บางทีจี้เฟิงคงจะรู้สึกไม่อึดอัดใจที่จะตอบคำถามของเธอ และถ้ามีการปฏิเสธเกิดขึ้น อาจเกิดความกระอักกระอ่วนระหว่างทั้งสองฝ่ายได้

หรงซูเยี่ยนมีไหวพริบดีมาก เธอเพียงแค่พยักหน้าเบาๆและไม่ได้ถามต่อ

จี้เฟิงโบกมือของเขาและพูดด้วยรอยยิ้ม “เอาเป็นว่าตอนนี้ยังเร็วเกินไปที่จะพูดถึงสิ่งเหล่านี้ แต่ยังไงก็ตาม คุณสามารถบอกพ่อของคุณในสิ่งที่ฉันเพิ่งบอกคุณได้เลย ในเมื่อมันกำลังจะถูกคนอื่นพรากไป ก็ทำลายมันด้วยมือของคุณเองดีกว่า!”

“ฉันจะส่งต่อคำพูดของคุณไปให้พ่อของฉันอย่างแน่นอน!” หรงซูเยี่ยนพยักหน้าอย่างหนักแน่น

“คุณทำถูกแล้วล่ะ! ในเมื่อพ่อของคุณสามารถสร้างหรงเผิงกรุ๊ปได้ เขาคือคนที่ฉลาดและมากฝีมืออย่างไม่ต้องสงสัย เพียงแค่ว่าเขาจะต้องใจเย็นอีกสักหน่อย การรู้ว่าต้องทำอะไรจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด!”

จี้เฟิงยิ้มและพูดว่า “นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์ใหม่ที่พัฒนาโดยเถิงเฟยกรุ๊ปอาจขาดเงินทุนสำหรับการโปรโมตและช่องทางการขายก็ยังไม่ค่อยราบรื่นเท่าไหร่นัก สิ่งเหล่านี้คงต้องรอรับความช่วยเหลือจากคุณ... และหลังจากที่คุณเกลี้ยกล่อมพ่อของคุณได้ เราค่อยมาพูดถึงความร่วมมือกัน คุณคิดเห็นยังไง?”

“ถ้าฉันสามารถโน้มน้าวใจพ่อได้ เรื่องความร่วมมือระหว่างเราไม่ใช่ปัญหา!” หรงซูเยี่ยนกล่าวทันที

จี้เฟิงพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ หากเขาสามารถดึงสองพ่อลูกตระกูลหรงมาเข้าร่วมได้ความแข็งแกร่งของเถิงเฟยกรุ๊ปจะพุ่งทะยานขึ้นอย่างรวดเร็ว นี่เป็นข่าวที่น่ายินดีอย่างยิ่ง!

หลังจากที่พูดคุยเรื่องธุรกิจจบแล้ว ทั้งสองก็พูดคุยเรื่องทั่วไปอีกสักพัก ในเมื่อได้มาพบกันแล้ว การพูดคุยแบบสบายๆช่วยผ่อนคลายและกระชับความสัมพันธ์ได้ดีเสมอ ไม่ควรอย่างยิ่งที่จะจากไปโดยที่ยังไม่พูดคุยถึงเรื่องต่างๆ

หรงซูเยี่ยนไม่ใช่คนคุยเก่ง และจี้เฟิงเองก็ไม่ใช่คนช่างพูด มันสมเหตุสมผลที่จะบอกว่าพวกเขาสองคนมักจะมีช่วงเวลาที่นิ่งเงียบกันอยู่บ่อยๆ แต่ความจริงแล้วมันไม่ใช่อย่างนั้น

จี้เฟิงและหรงซูเยี่ยนมีหัวข้อมากมายเกินกว่าจะพูดคุย ตั้งแต่เรื่องธุรกิจไปจนถึงเรื่องราวในชีวิต และแม้แต่การพูดคุยในเรื่องสมัยเรียนของหรงซูเยี่ยน

แต่เมื่อพูดถึงสิ่งเหล่านี้ มันจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะพูดถึงอู๋จื้อเหอ เพราะนี่คือบุคคลที่พบบ่อยที่สุดและมีความสำคัญที่สุดในประสบการณ์ชีวิตของหรงซูเยี่ยนในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เว้นเสียแต่ว่าเธอจะไม่หันมองย้อนไปในอดีต ไม่เช่นนั้นบุคคลนี้จะมีชื่อปรากฏขึ้นเสมอ

อย่างไรก็ตาม หรงซูเยี่ยนไม่รู้สึกอับอายเลย หากต้องพูดถึงอู๋จื้อเหอ แม้ว่าจะยังคงมีร่องรอยความเศร้าในดวงตาของเธอฉายออกมาเป็นครั้งคราว แต่เธอก็ดูสงบและมีเหตุผลมากขึ้น

ด้วยวิธีนี้มันเหมือนกับเธอเพียงแค่พูดถึงคนแปลกหน้าและหัวใจของเธอจะไม่เต้นแรงเหมือนเมื่อก่อน

“อันที่จริง คนๆนั้น... อู๋จื้อเหอน่ะ ไม่ใช่คนที่มีความสามารถอะไรมากหากพูดถึงด้านธุรกิจ แต่ภูมิหลังของเขาทำให้เขาต้องวางท่า แสดงกิริยาที่ดูยิ่งใหญ่ให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เช่นเดียวกับความฉลาดในการวางแผน”

หรงซูเยี่ยนกล่าวว่า “ในความเป็นจริง คนๆนั้นเป็นเพียงแค่คนธรรมดา ไม่ได้มีสติปัญญาโดดเด่นกว่าใคร ไม่ได้มีความกล้าหรือความทะเยอทะยานมากขนาดนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเทียบกับคุณ เขาเป็นคนที่ยอดแย่ไปเลย!”

“คุณกำลังพูดถึงอะไร!” จี้เฟิงหัวเราะทันที “ฉันก็เป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น เพียงแค่เป็นคนที่ค่อนข้างโชคดีและบังเอิญได้เจออะไรที่พิเศษ... มันก็แค่นั้น อันที่จริง ถ้าอู๋จื้อเหอและฉันสลับภูมิหลังกัน ฉันอาจจะแย่ยิ่งกว่าเขาเสียอีก!”

“สิ่งแวดล้อมของครอบครัว การเผชิญหน้ากับสิ่งต่างๆในชีวิตล้วนเป็นการสั่งสมประสบการณ์และเพิ่มพูนปัญญา”

หรงซูเยี่ยนหัวเราะเบาๆ และกล่าวว่า “อู๋จื้อเหอเกิดมาในตระกูลใหญ่ แต่เขาเป็นแค่คนธรรมดา แต่เขาไม่ต้องการเป็นคนธรรมดาอย่างที่เขาเป็น เขาต้องการเป็นบุคคลที่ยิ่งใหญ่ ต้องการให้ทุกคนให้ค่าและเห็นความสำคัญ ซึ่งแน่นอนว่ามันมักจะมากับความล้มเหลวเมื่อเขาตัดสินใจทำอะไร สิ่งที่เขาทำได้ดีที่สุดคงเป็นการวางตัว แต่ไม่ว่าจะแสดงเก่งแค่ไหน วางตัวดีแค่ไหน แต่เนื้อในก็คือสิ่งที่แท้จริง ไม้ก็คือไม้ ไม่ใช่เหล็กเนื้อดีอยู่วันยังค่ำ”

“ฉันก็ไม่เก่งเหมือนกัน ไม่ได้เป็นคนพิเศษอะไร” จี้เฟิงส่ายหัวและพูดด้วยรอยยิ้ม “ไม่ใช่ว่าฉันถ่อมตัว แต่มันคือความจริง อย่างที่ฉันพูด ทุกสิ่งเป็นความโชคดีและความบังเอิญ แน่นอนว่าฉันไม่สามารถอธิบายให้คุณฟังได้อย่างชัดเจนในเวลานี้ แต่เอาเป็นว่า ฉันเป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น!”

หรงซูเยี่ยนเม้มปากและหัวเราะเบาๆ และหยุดโต้แย้งกับเขา ทุกคนมีมาตราส่วนในใจเพื่อวัดว่าคนๆนั้นเป็นอย่างไร

“อันที่จริง ถ้าคุณจะบอกว่าฉันดีกว่าอู๋จื้อเหอ มันก็ไม่ผิดหรอกนะ อย่างน้อยฉันก็ไม่ใช่คนอกตัญญูเหมือนเขา ส่วนเรื่องอื่นๆเราคงไม่ได้แตกต่างอะไรกันมาก... มั้งนะ! ฮ่าๆๆ~!”

“คิกคิก..” หรงซูเยี่ยนหัวเราะ “คุณชายจี้ นี่เป็นครั้งแรกเลยมั้งคะที่ฉันเห็นคุณไม่ถ่อมตัว”

จี้เฟิงหัวเราะและพูดติดตลก “ก็ฉันไม่ได้เป็นคนมีความสามารถพิเศษอะไร ดังนั้นความสุภาพเรียบร้อยจึงกลายเป็นภาพลักษณ์ประจำตัวไปโดยปริยาย และมันก็ยากที่จะเปลี่ยนแปลง!”

หรงซูเยี่ยนยิ่งหัวเราะหนักขึ้น และเมื่อเธอหัวเราะ หน้าอกอันโดดเด่นสะดุดตาของเธอก็สั่นกระเพื่อม ภายใต้การห่อรัดของชุดทำงานของเธอ มันดูเหมือนจะหลุดออกมาจากเสื้อผ้าที่รัดแน่นของเธอ การสั่นไหวนั้นดึงดูดสายตาจี้เฟิงอย่างช่วยไม่ได้

เมื่อเห็นจี้เฟิงชำเลืองมองมาที่หน้าอกของเธอ หรงซูเยี่ยนก็หน้าแดงทันที

เธอรีบขยับและนั่งตัวตรง จากนั้นก็มองจี้เฟิงด้วยดวงตาดุๆ “คุณชายจี้ ตอนนี้ฉันเชื่อที่คุณพูดแล้วล่ะค่ะ! คุณกับอู๋จื้อเหอก็แทบไม่ต่างกันเลย เป็นแค่ผู้ชายธรรมดา!”

“แล้วไง? ...” จี้เฟิงหัวเราะ “ไม่ว่าผู้หญิงหรือผู้ชาย ก็ล้วนชื่นชอบในความสวยงาม!”

ใบหน้าของหรงซูเยี่ยนเป็นสีแดงมากยิ่งขึ้น ดวงตาคู่งามของเธอจ้องเขม็งไปที่จี้เฟิง แต่เธอก็ไม่ได้พูดอะไรอีก

แต่จี้เฟิงกลับรู้สึกเสียใจทันทีหลังจากที่เขาพูดประโยคนี้จบ เพราะการที่เขาพูดคำเหล่านี้ ไม่ว่าจะมองอย่างไร มันก็มีความหมายอื่นอยู่ในนั้น หากเกิดความเข้าใจผิดต่อกัน มันคงเป็นเรื่องที่ไม่ดีอย่างยิ่ง...

หลังจากกระแอมไอแห้งๆสองสามครั้ง จี้เฟิงก็เปลี่ยนเรื่อง “อย่างไรก็ตาม ซูเยี่ยน เมื่อเร็วๆนี้ กิจการร่วมทุนไม่ได้มีปัญหาอะไรใช่มั้ยครับ?”

เมื่อหรงซูเยี่ยนเห็นสีหน้าและท่าทางที่แอบรู้สึกผิดของเขา ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเบาๆ “จนถึงตอนนี้ ฉันยังไม่ได้ลงทุนใดๆ อยู่ในช่วงเฝ้าดูสถานการณ์น่ะค่ะ ไม่สิ.. ต้องบอกว่ารอคุณชายจี้มาลงทุนถึงจะถูก!”

“ฮะฮะ...”

จี้เฟิงถึงกับเหงื่อตกและหัวเราะแห้งๆ “คำพูดของคุณทำเอาฉันเจ็บจึ้กเลย!”

หรงซูเยี่ยนยิ้มอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เป็นรอยยิ้มยั่วยวน จี้เฟิงรีบมองไปทางอื่นทันที หรงซูเยี่ยนคนนี้อันตรายเกินไป ความสวยและเสน่ห์ของเธอทำให้เขาไม่กล้าจ้องมองเธอนานไปกว่านี้ เพราะกลัวว่าจะเกิดความเข้าใจผิด

แต่ในใจของเขาอดไม่ได้ที่จะแอบส่ายหัว อู๋จื้อเหอคนนี้โง่เง่าเสียจริง ไม่ต้องพูดถึงความสามารถทางธุรกิจของหรงซูเยี่ยน ลำพังแค่รูปลักษณ์ภายนอกของเธอก็นับว่าเป็นผู้หญิงที่สวยงามและมีความโดดเด่นมาก การที่เขาสูญเสียผู้หญิงดีๆแบบนี้ คงเป็นความโชคร้ายอย่างที่สุดของอู๋จื้อเหอ มันสายไปแล้วจริงๆ แม้ว่าเขาอยากจะได้เธอกลับมาไว้ในอ้อมแขนมากแค่ไหนก็ตาม...

จี้เฟิงสะบัดหัวอย่างรวดเร็ว เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่เขาควรคิด!

แต่ในใจของหรงซูเยี่ยนเวลานี้เกิดความรู้สึกแปลกๆ ดวงตาคู่สวยมองไปที่จี้เฟิงซึ่งนั่งอยู่ตรงข้ามและหัวเราะเบาๆอย่างช่วยไม่ได้ แต่สีหน้าของเธอแสดงออกถึงความสุข...

หลังจากนั้น ทั้งสองตกลงกันว่า ทางหรงซูเยี่ยนจะกลับไปที่หนานเยว่ก่อนเพื่อเกลี้ยกล่อมหรงเผิง หากไม่ได้ผล จี้เฟิงจะเป็นคนไปพูดคุยกันหรงเผิงด้วยตัวเองโดยพยายามทำให้หรงเผิงเปลี่ยนใจให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

ในความเป็นจริง ในใจของจี้เฟิง สิ่งที่เขาหวังมากที่สุดคือหรงเผิงจะยินยอมเข้าหาเขาเองโดยตรง ให้ทั้งสองฝ่ายได้จับมือกันโดยไม่ต้องเกลี้ยกล่อม และแม้ว่าตระกูลอู๋จะเข้าครอบครองหรงเผิงกรุ๊ป พวกเขาก็จะไม่สามารถทำอะไรได้มากนัก ไม่แน่หรงเผิงกรุ๊ปอาจจะค่อยๆถูกกลืนหายไปจากวงการธุรกิจ!

นับตั้งแต่ที่เขารู้ว่าหรงซูเยี่ยนและตระกูลอู๋หักกัน จี้เฟิงก็เริ่มคิดถึงเรื่องนี้แล้วเพียงแต่เขาไม่ได้แสดงมันออกมา

อาหารบางอย่างถ้าจะกินต้องค่อยๆกินทีละคำ การจะทำกิจการใดก็เช่นกัน ต้องเป็นไปทีละขั้นตอน ไม่อย่างนั้นอาจจะสำลักได้!

เมื่อพระอาทิตย์ตกดินและความมืดได้เริ่มขึ้นอย่างช้าๆ จี้เฟิงออกจากร้านกาแฟและรีบกลับบ้าน

แม้ว่าจะเป็นเวลาแค่ไม่กี่วันที่จี้เฟิงออกจากบ้านไป แต่เขาก็ต้องการเจอถงเล่ยและเซียวหยูซวนมากอยู่ดี เขามั่นใจว่าในตลอดหลายสิบชั่วโมงที่เขาออกจากบ้านเพื่อไปช่วยเซียงหยงซาน ทั้งถงเล่ยและเซียวหยูซวนจะต้องเป็นห่วงเขาแน่นอน

แน่นอน ทันทีที่จี้เฟิงกลับถึงบ้าน เขาก็เห็นเซียวหยูซวน ถงเล่ย หานเซิ่นและเสี่ยวอิง ทั้งสี่สาวกำลังนั่งอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่นและเหมือนกำลังจะดูทีวี แต่พวกเธอไม่มีใครสนใจทีวีเลย

ทันทีที่พวกเธอได้ยินเสียงรถ ทั้งสี่สาวก็หันหัวและชะโงกหน้าออกไปดูทันที และเมื่อเห็นว่าเป็นรถของจี้เฟิงกำลังเข้ามาจอดที่ลานจอดรถ พวกเธอทั้งหมดก็แสดงสีหน้าผ่อนคลายออกมาทันที

ถงเล่ยและเซียวหยูซวนลุกขึ้นอย่างรวดเร็วและเดินออกไป ดวงตาคู่งามของทั้งสองสาวเต็มไปด้วยความรักและความห่วงใย

“นายกลับมาแล้ว!” เซียวหยูซวนพูดขึ้น

แม้ว่าจี้เฟิงจะโทรหาพวกเธอก่อนหน้านี้ตั้งแต่ที่เขามาถึงเจียงโจวเพื่อรายงานความปลอดภัย แต่ก็ดูเหมือนว่าพวกเธอจะยังคงมีความเป็นกังวลอยู่ และเมื่อตอนนี้จี้เฟิงกลับมาแล้ว พวกเธอก็แสดงความดีใจและโล่งใจออกมาเต็มที่

ถงเล่ยยืนถัดไปด้านหลังของเซียวหยูซวนเล็กน้อย ดวงตาที่สวยงามของเธอเต็มไปด้วยความรักและความสุข ร่างเพรียวและอารมณ์ที่สง่างามของเธอทำให้เธอดูเหมือนนางฟ้าผู้มาโปรดมนุษย์โลก เต็มไปด้วยความอ่อนโยนทุกรูปแบบ...

จี้เฟิงไม่มีเวลาแม้แต่จะจอดรถให้เรียบร้อย ดังนั้นเขาจึงลงจากรถและเดินไปสองสามก้าวเพื่อเข้าหาหญิงสาวทั้งสองคนและโอบกอดพวกเธอทีละคนในอ้อมแขนของเขาจากนั้นก็จูบพวกเธอที่แก้มและริมฝีปากสีแดงอย่างโหยหา

ไม่ว่าจะไปไกลแค่ไหนก็มีความสุขเมื่อได้รู้ว่ามีคนที่เป็นห่วงเป็นใยและรักคุณรออยู่ที่บ้าน

“คิดถึงฉันไหม?” จี้เฟิงกอดแฟนสาวทั้งสองคนของเขาและถามด้วยรอยยิ้ม

“อื้ม!” ถงเล่ยตอบสั้นๆ แต่ก็เป็นน้ำเสียงที่ไพเราะและน่าฟังราวกับกระดิ่งลมที่กำลังร้องเพลง

เซียวหยูซวนโน้มตัวลงเข้าไปในอ้อมแขนของจี้เฟิงและตอบคำถามของเขาด้วยการกระทำของเธอ

ฉันคิดถึงนายมากจี้เฟิง!

จี้เฟิงหัวเราะเบาๆ “ฉันก็คิดถึงพวกเธอ คืนนี้เรานอนด้วยกันดีมั้ย?”

ขณะที่เขาพูด มือใหญ่ที่แข็งแรงของเขาก็บีบบั้นท้ายที่อวบอิ่มและกลมกลึงของทั้งสองสาวตามลำดับ ซึ่งทำให้ใบหน้าสวยของสองสาวแดงระเรื่อในเวลาเดียวกัน แต่พวกเธอไม่ได้หลบหน้าอย่าเขินอายเหมือนเมื่อก่อน

ถงเล่ยอ้าปากเล็กน้อยและท้วงเบาๆ “เสี่ยวอิงและเซิ่นเซิ่นอยู่ที่นี่...”

....จบบทที่ 1031 ~

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด