ตอนที่แล้ว[ตอนฟรี] ตอนที่ 54 : คันฉ่องส่องนภา
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป[ตอนฟรี] ตอนที่ 56 : พวกเจ้าไร้สมองกันหมดเลยรึ?

[ตอนฟรี] ตอนที่ 55 : สายเลือดบรรพกาล วานรเอื้อหมัว


จวินเซียวเหยามองจีเสวียนเหมือนมองเนื้อบนเขียง

สำหรับจีเสวียน เขามองจวินเซียวเหยาด้วยสายตาอันเคร่งขรึมเล็กน้อย

ทั่วทั้งตัวของจวินเซียวเหยาถูกปกคลุมไปด้วยละอองและหมอกสวรรค์ ทำให้ยากที่จะมองผ่าน

แต่ความรู้สึกขุ่นมัวไม่ชัดเจนนี้กลับทำให้จีเสวียนกลัวมากยิ่งขึ้น

จากนั้น สายตาของเขาก็หันไปมองจวินจ้างเจี้ยนที่ยืนอยู่ข้างๆ และยิ้มมุมปากด้วยความขี้เล่น

จีเสวียนไม่แน่ใจว่าเขาจะเผชิญหน้ากับจวินเซียวเหยาได้หรือไม่

แต่เมื่อเผชิญหน้ากับจวินจ้างเจี้ยน จวินเสวี่ยฮวางและคนอื่นๆ จีเสวียนยังคงมีมั่นใจ

“ข้าอยากจับเจ้าจีเสวียนนั่นถูกับพื้นจริงๆ!”

เห็นท่าทางหยอกล้อของจีเสวียน จวินจ้างเจี้ยนเริ่มรู้สึกหงุดหงิด

ไอ้หมอนี่ไม่กล้ายั่วยุจวินเซียวเหยา เลยมาลงที่ข้าแทน

“ระวังตัวไว้และอย่าผลีผลาม ค่อยคุยกันเรื่องนี้หลังจบเรื่องคลังสมบัติลับจ้าวเทวะ” จวินเซียวเหยาพูดด้วยความใจเย็น

ถ้าจีเสวียนทำตัวดี จวินเซียวเหยาอาจแค่แย่งโอกาสของเขาไปและไม่คิดลงมือกับเขา

แต่ถ้าจีเสวียนกระโดดมาขวางทางเขาแทน งั้นจวินเซียวเหยาก็ทำได้แค่สั่งสอนให้เขาทำตัวดีๆ

ต่อมา จวินเซียวเหยาและคนอื่นๆ จึงมุ่งเข้าสู่ส่วนลึกของป่าไท่ฮวง

กลุ่มผู้นำย่อมเป็นเหล่าหัวกะทิของขุมกำลังอมตะ

กลุ่มรองลงมาย่อมเป็นอัจฉริยะจากขุมกำลังชั้นยอด

ผู้นำศิษย์จากนิกายเต๋าสวรรค์สมบูรณ์แยกตัวออกมาเช่นกัน แต่เขาก็ติดตามด้านหลังจวินเซียวเหยาและคนอื่นอย่างใกล้ชิด

เพราะก่อนหน้านั้น ผู้อาวุโสจากนิกายเต๋าสวรรค์สมบูรณ์ได้แนะนำเอาไว้ว่าวิธีที่ปลอดภัยที่สุดในการหลบเลี่ยงอุบัติเหตุคือการติดตามบุตรพระเจ้าแห่งตระกูลจวิน

โฮกก!

หมีดำหน้าผีที่ปนเปื้อนหมอกเทาเงยหน้าและปล่อยเสียงคำราม

มันยืนตั้งตรงด้วยความสูงสิบเมตร เป็นเหมือนเนินเขาสีดำที่มีกลิ่นอายดุร้าย

กรงเล็บหมีง้างตะปบศิษย์ทรงพลังในขอบเขตสะพานศักดิ์สิทธิ์กลายเป็นเนื้อบดทันที

แต่ทันใดนั้น ฝ่ามือปราณทองคำอันน่าเกรงขามก็ปรากฏขึ้น

พร้อมกับเสียงดังสนั่น หมีดำหน้าผีที่ดูแข็งแกร่งนี้ก็กลายเป็นเนื้อบดด้วยเช่นกัน

จวินเซียวเหยาถอนมือกลับอย่างใจเย็นและกล่าว “ไปกันต่อ”

สำหรับจวินจ้างเจี้ยนและคนอื่นๆ ไม่ได้รู้สึกอะไรมาก ท้ายที่สุดแล้วพวกเขาก็รู้ว่าจวินเซียวเหยาแข็งแกร่งขนาดไหน

แต่ผู้นำศิษย์ของนิกายเต๋าสวรรค์สมบูรณ์ที่ตามหลังมาอย่างลับๆ ถึงกับกลืนน้ำลายอึกใหญ่พร้อมกับความตะลึงเต็มตา

“ตามที่คาดไว้สำหรับบุตรพระเจ้าแห่งตระกูลจวิน หมีดำหน้าผีที่ผู้บ่มเพาะขอบเขตสะพานศักดิ์สิทธิ์ทั่วไปยากจะรับมือ เขาตบมันด้วยฝ่ามือเดียวก็ตายแล้ว” หัวหน้าศิษย์คร่ำครวญ

แน่นอน ไม่ใช่แค่จวินเซียวเหยาคนเดียวที่ลงมืออย่างตรงไปตรงมา

จีเสวียนก็เช่นเดียวกัน

เขาก็โจมตีออกไปอย่างสบายๆ เช่นกัน บนแขนขวาของเขามีอักขระศักดิ์สิทธิ์หมุนวนและแสงศักดิ์สิทธิ์เรืองรอง

ด้วยการยกฝ่ามือออกไปและสะบัดนิ้วแบบสุ่มๆ รัศมีแสงพลันระเบิดออกฉีกกระชากสัตว์อสูรดุร้ายด้านหน้าทันทีโดยไม่ต้องใช้ความพยายาม

“นักบุญน้อยแห่งตระกูลจีก็ดูไร้เทียมทานเช่นกัน เขาสามารถสังหารสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งด้วยการลงมือไม่กี่ครั้ง”

“ถูกต้อง แขนขวาของจีเสวียนได้หลอมรวมเข้ากับกระดูกมือราชานักบุญอย่างสมบูรณ์ ไม่จำเป็นต้องใช้ทักษะใดให้มากความ แค่ฝ่ามือธรรมดาก็มีพลังอันน่าตะลึงแล้ว”

อัจฉริยะจากหลากหลายขุมกำลังชั้นยอดต่างก็ถอนหายใจ

ผู้บ่มเพาะที่เกิดในขุมกำลังอมตะได้รับการปฏิบัติที่ต่างออกไป แม้แต่กระดูกมือราชานักบุญยังนำมาผสานได้

แน่นอน นอกจากอัจฉริยะจากขุมกำลังอมตะแล้ว

มันก็มีม้ามืดอันน่าตื่นตะลึงโผล่ออกมา

“เฮ้ ไอ้หนุ่มผ้าคลุมหัวที่แข็งแกร่งสุดๆ นั่นใครกัน?”

ผู้บ่มเพาะบางคนสังเกตเห็นร่างในชุดคลุมหัวเช่นกัน

เขาไม่ได้เผยใบหน้าที่แท้จริง แต่เมื่อเขาต่อยออกไปอย่างสบายๆ รูปแบบแสงมังกรครามจะระเบิดออก บดขยี้สัตว์อสูรตรงหน้าเขาอย่างง่ายดาย

นี่ทำให้หลายคนประหลาดใจ ใครจะไปคาดคิดว่าม้ามืดเช่นนี้จะปรากฏตัว

“จิส์ จิส์ ต้นหอมอวบโผล่มาจริงแฮะ ดูเหมือนเขาจะพัฒนาได้ยอดเยี่ยมและเติบโตได้ดี นี่ไม่ทำให้ข้าผิดหวังเลยนะ...”

ที่นั่น จวินเซียวเหยารู้สึกบางอย่างในใจ และสังเกตเห็นร่างในผ้าคลุมที่มุมหางตา

เขารู้ได้ทันทีว่านั่นคือเซียวเฉิน

แต่จวินเซียวเหยายังไม่ได้ทำอะไร

เขารู้ว่าเซียวเฉินต้องการปิดบังตัวตนเพื่อไม่ให้เขารู้ จากนั้นก็จะแสร้งทำเป็นหมูกินเสือ คว้าเอาทุกโอกาสในแดนลับ ในท้ายที่สุด เซียวเฉินจะพัฒนาความแข็งแกร่งขึ้นอย่างทวีคูณและเอาชนะเขา

แต่.....

ความเป็นจริงมักจะสวนทางกับจินตนาการ

เซียวเฉินคิดว่าเขาอยู่บนชั้นสองแล้วในขณะที่จวินเซียวเหยาอยู่ชั้นที่หนึ่ง

ตามที่ทุกคนรู้ จวินเซียวเหยาอยู่ชั้นห้าแล้วต่างหาก

ภาพรวมของสถานการณ์อยู่ภายใต้การควบคุมของจวินเซียวเหยาแล้ว

“เซียวเฉิน ข้าจะมอบโอกาสสุดท้ายให้เจ้าได้ฝันหวาน เมื่อถึงเวลาต้องเก็บเกี่ยวก็อย่าได้กล่าวว่าข้าไม่เห็นใจเจ้าก็แล้วกัน”

มุมปากของจวินเซียวเหยายกขึ้นเล็กน้อย

ภายใต้ผ้าคลุมหัว สีหน้าของเซียวเฉินมั่นคงและแน่วแน่ปนกับตื่นเต้นเล็กน้อย

ในที่สุด โอกาสที่จะทำให้เขาพุ่งทะยานก็มาถึง

“จวินเซียวเหยา หลังจากที่ข้าผสานเข้ากับกระดูกมังกรโบราณและฝึกฝนเคล็ดผันแปรมังกรฟ้าจนถึงความสำเร็จขั้นใหญ่ ข้าจะเหยียบย่ำเจ้าให้จมตีนต่อหน้าทุกคน!”

การสู้รบยังคงดำเนินต่อไป

ผู้บ่มเพาะที่มุ่งเข้าสู่ป่าไท่ฮวงเริ่มการต่อสู้นองเลือดกับสัตว์อสูรในป่าไท่ฮวง

ยกเว้นไม่กี่คนอย่างจวินเซียวเหยาที่สามารถกวาดล้างเปิดทางได้สบายๆ

อัจฉริยะจากขุมกำลังหลักและผู้บ่มเพาะที่ไม่จริงจังบางคน ทั้งหมดต่างก็ได้รับบาดเจ็บกันเป็นจำนวนมหาศาล

“พวกเราไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกับลูกหลานของขุมกำลังอมตะจริงๆ”

ด้วยความขมขื่นในคำพูด ผู้บ่มเพาะคนนั้นถอนหายใจไม่หยุดในขณะที่มองร่างเงาที่กำลังทะลวงลึกเข้าไปในป่า

จวินเซียวเหยาเป็นเหมือนราชันเทพชุดขาว ด้วยความไร้เทียมทานอันเหลือเชื่อ สัตว์อสูรทุกตัวต่อหน้าเขาไม่อาจอยู่รอดได้ภายใต้ 2-3 การเคลื่อนไหว

หลังจากผ่านไปนาน จวินเซียวเหยาและคนอื่นก็เป็นกลุ่มแรกที่ไปถึงส่วนที่ลึกที่สุดของป่าไท่ฮวง

เมื่อสังเกตโดยรอบในส่วนลึกสุดของป่า รอยแตกดำสนิทขนาดมหึมาได้ปรากฏในแนวนอน เหมือนรอยแผลฉีกขาดบนผืนดิน

หมอกเทาแปลกประหลาดเล็ดลอดออกมาจากรอยแตกนั้น

จวินจ้างเจี้ยนและคนอื่นๆ ต้องใช้พลังปราณในการปกป้องร่างกายและตัดขาดจากหมอก

ด้วยวิธีนี้ การผลาญพลังงานจึงสิ้นเปลืองอย่างมาก

และในหมอกเทานี้ พวกเขาก็รู้สึกถึงแรงกดดันเล็กน้อย แต่จวินเซียวเหยาแตกต่างกว่าชาวบ้าน เขาไม่จำเป็นต้องกระตุ้นพลังปราณออกมาปกป้องร่างกายเลยแม้แต่น้อย

เพราะเขาครอบครองกายาเทพบรรพกาล มันอุดมไปด้วยพลังหยางเข้มข้น ทนทานต่อทุกสิ่งที่ชั่วร้ายและแม้แต่เลือดยังเป็นเลือดทองคำ

พลังปราณและโลหิตของกายาเทพบรรพกาลจึงทนทานอย่างยิ่งยวดต่อพลังหยินชั่วร้ายทุกประเภท

“ดูเหมือนว่าคลังสมบัติลับจ้าวเทวะจะอยู่ด้านใต้รอยแตกแผ่นดินนี้ แต่มันมีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างที่แปลกประหลาดเกิดขึ้น” จวินเซียวเหยาพึมพำ

เพียงสิ้นเสียงของเขา

มันเกิดเสียงคำรามดังขึ้นอีกครั้ง

วานรดำอันน่าสะพรึงด้วยลำตัวดำสนิท มีหนึ่งเขาอยู่บนหัวและปีกที่ไร้ขนกระโจนออกมา มันเตะเท้าออกไปทำให้หน้าผาสูงกว่าสามสิบเมตรพังทลาย

“มันคือสายเลือดบรรพกาล วานรเอื้อหมัว! (วานรปีศาจ)”

ผู้บ่มเพาะบางคนที่เคยเข้าถึงส่วนลึกของป่าแห่งนี้อดไม่ได้ที่จะอุทานออกมา

สายเลือดบรรพกาลมีร่องรอยของสายเลือดที่ส่งต่อมาตั้งแต่สมัยโบราณกาล ความแข็งแกร่งของมันเหนือกว่าสัตว์อสูรทั่วไปอย่างมาก

และวานรเอื้อหมัวตัวนี้ก็มีกลิ่นอายที่น่าหวาดกลัว ความแข็งแกร่งของมันไปถึงขอบเขตหวนคืนหนึ่งเดียว

เมื่อเทียบกับขอบเขตเดียวกันแล้ว สายเลือดบรรพกาลย่อมแข็งแกร่งยิ่งกว่ามนุษย์

วานรเอื้อหมัวตัวนี้ กระทั่งผู้บ่มเพาะขอบเขตหวนคืนหนึ่งเดียวจากขุมกำลังอมตะยังยากที่จะรับมือ

และสิ่งที่สำคัญที่สุด ระดับการบ่มเพาะของจวินเซียวเหยาในตอนนี้อยู่เพียงแค่ขอบเขตสะพานศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น

โฮกก!

วานรเอื้อหมัวจากสายเลือดบรรพกาลคำรามดังสนั่น

หลังจากปนเปื้อนด้วยหมอกเทา ดวงตาของวานรแดงก่ำ อารมณ์อันขี้หงุดหงิดของมันกลายเป็นบ้าคลั่งและพุ่งเข้าหาจวินเซียวเหยา

เนินเขาหลายลูกพังทลายเป็นทางยาว

ทุกสายตาจับจ้องอย่างขะมักเขม้น

และเหนือความว่างเปล่าบนป่าไท่ฮวง

คันฉ่องส่องนภาก็สะท้อนฉากทัศน์ของคลังสมบัติลับไปสู่ภายนอกเช่นกัน

“ข้าเกรงว่าบุตรพระเจ้าแห่งตระกูลจวินจะมีปัญหาแล้วล่ะ” จีปังยิ่น ผู้อาวุโสตระกูลจียิ้มเล็กน้อย

(หากมีคำแนะนำหรือข้อติเตียน สามารถคอมเมนท์เพื่อบอกกล่าวได้นะครับ ^ ^ ขอบพระคุณมากครับที่สละเวลาอ่านจนจบ)

5 2 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด