บทที่ 7 ชายชราปริศนา
ด้วยใจที่แข็งแกร่ง เซียร่าอุ้มเอลริคขึ้นรถม้าภายใต้การแนะนำของมือดาบที่ช่วยชีวิตเธอ เธอเพิ่งไปทำที่พักตลอดชีวิตให้ผู้พิทักษ์ของเธอ แซม เบ็คเก็ตต์ อัศวินเวลเลนในดินแดนอื่นที่ไม่ใช่บ้านเกิดของเขาด้วยซ้ำ หลุมฝังศพของเขาถูกทำเครื่องหมายด้วยป้ายหลุมศพที่เรียบง่ายซึ่งระบุว่า "Sir Sam Beckett Hero of The Kingdom Of Vellen" เมื่อนึกถึงชีวิตของเธอและเอลริคที่ต้องแลกมาด้วยชีวิตของคนอื่นๆ เธอจึงมองหาผู้ช่วยชีวิตคนล่าสุดที่ไม่รู้แม้แต่ชื่อของเขา และถามเขาว่า
"มือดาบผู้กล้า ข้าขอถามชื่อนายของเจ้าและเจ้าด้วยได้หรือไม่? เพราะเป็นการเหมาะสมที่ข้าจะรู้ชื่อผู้มีพระคุณของข้า"
“ขออภัยคุณผู้หญิง ฉันลืมแนะนำตัวเองเกี่ยวกับเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น คุณเรียกฉันว่า Blake ก็ได้ สำหรับชื่อสกุลของฉัน ฉันไม่มี เพราะฉันเป็นเพียงเด็กกำพร้าจากสงครามที่เคยได้รับการช่วยเหลือเหมือนคุณนั่นแหละ” เบลคกล่าว
"คืนหนึ่งฉันถูกพบนอกคฤหาสน์ของลอร์ดโอดิสของฉันโดยคนทำขนมปังคนหนึ่งของเขา"
"โอ้ว" เซียร่าอุทานเล็กน้อย
“คุณคงนึกภาพออกว่าฉันหิวโหยและหมดหวังที่จะหาเศษอาหารกินออกนะ จนเขาพบฉัน” เบลคกล่าวไปเรื่อยๆ
“มันคือจุดเปลี่ยนของชีวิตฉันเลย หลังจากที่คนทำขนมปังให้ฉันกินอาหาร เขาก็ทำความสะอาดฉันนิดหน่อย และพาฉันไปพบชายคนหนึ่งผู้ซึ่งปัจจุบันก็เป็นเจ้านายของฉันเช่นกัน”
เมื่อได้ยินเช่นนี้เซียร่าก็ตกใจมาก เธอเกือบจะตกจากที่นั่งไปที่พื้นรถม้า
“แล้วเขารู้สึกกับหญิงสาวอย่างไรบ้าง”
“ไม่ต้องห่วงหรอก เจ้านายของฉันเป็นคนแก่ที่ใจดี บางทีเขาก็แปลกๆไปหน่อย แต่ฉันคิดว่านั่นคือเหตุผลที่เขารับคนอย่างฉันเข้ามา”
เบลคพูดด้วยน้ำเสียงติดตลก
"ชายชราแปลกหน้าหรอ ยังไงก็ตาม ฉันจะพาลูกชายคนเดียวไปอยู่กับคนที่มี 'ความรู้สึกแปลกๆ' ไม่ได้ ไม่ว่าฉันจะรู้สึกขอบคุณแค่ไหนก็ตาม"
เซียร่าพูดอย่างตกใจ
“ฉันพูดผิด ฉันเดาว่าพวกเราส่วนใหญ่รู้สึกแปลกที่คนมีฐานะอย่างเขาใช้ชีวิตเรียบง่ายเช่นนี้ และบางครั้งก็รับคนที่ต้องการความช่วยเหลือ เช่น ฉันและคุณสองคน”
เบลคตอบกลับ
"คุณจะเห็นว่าแทนที่จะใช้ชีวิตอย่างหรูหราในเมืองหลวงของ Foust เขาเลือกที่จะอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆ ในป่าที่อยู่ระหว่างเมืองหลวงและเมืองท่าแนส"
“ฉันเรียกมันว่าหมู่บ้านเล็ก ๆ แต่มีเพียงบ้านหลังใหญ่ที่ลอร์ดโอดิสอาศัยอยู่ พื้นที่ทำงานและบ้านที่เขาครอบครองมาหลายปีที่ฉันเลือกอยู่และรับใช้เขาเป็นการตอบแทนเช่นตัวฉันเอง เดาว่ามีคนอาศัยอยู่ที่นั่นแค่ยี่สิบคนหรือมากกว่านั้นแหละ” เบลคชี้แจง
ระยะทางค่อนข้างสั้น ดังนั้นรถม้าจึงมาถึงหน้าคฤหาสน์ของโอดิสภายในหนึ่งชั่วโมง มันเหมือนกับที่เบลคอธิบายไว้ คฤหาสน์ขนาดกลางไม่ได้ใหญ่ไปกว่าหลังแบบเดียวกันในอาณาจักรของเธอ โดยมีโรงช่างตีเหล็ก ร้านเบเกอรี่ โกดังเก็บของ และบ้านเล็กๆ สองสามหลังที่รายล้อมไปด้วยทุ่งเล็กๆ ขณะที่พวกเขาเห็นหญิงสูงวัยที่แต่งตัวเป็นสาวใช้วิ่งออกมาพบพวกเขา
เมื่อสังเกตเห็นว่าเซียร่าอุ้มเด็กทารกไว้ในอ้อมแขนของเธอ สาวใช้จึงพูดว่า
"ฉันจะไปเอาขวดนมแพะมาให้ทารก จะทำให้ร่างกายของเจ้าหนูแข็งแรงและให้แม่ที่น่าสงสารของเขาได้พัก"
หลังจากพูดจบเธอก็รีบวิ่งไปยังทิศทางที่เธอจากมา เบลคพาเซียร่าซึ่งกำลังอุ้มเอลริคเข้าไปในห้องนั่งเล่นหลักของคฤหาสน์
“นั่นเบลล์คนชรา เธอเป็นเหมือนแม่สำหรับทุกคนที่อยู่รอบๆ ที่นี่ เธอไม่มีอันตรายใดๆหรอก และคุณดูราวกับว่าต้องการพักผ่อนนะ”
เบลคพูดกับเธอ
สองนาทีต่อมา เบลล์เข้ามาในห้องนั่งเล่น มือข้างหนึ่งถือขวดนมแพะและอีกมือหนึ่งถือผ้าสำหรับเช็ด กระบวยสดและนมอุ่นๆ 1 ขวดให้เอลริคที่เบลล์กำลังอุ้มอยู่ หลังจากที่เธอถามเซียร่าว่าโอเคไหม เขาก็สงบลงและไม่เอะอะโวยวายอีกต่อไป เมื่อเอลริคสงบลงแล้ว เบลคขอตัวไปหาโอดิส ผู้เป็นนายของเขา โอดิสกำลังศึกษาอยู่ที่ชั้นสองของคฤหาสน์ เมื่อได้ยินเบลคเข้ามาใกล้ เขาบอกให้ลงมา
เบลคเล่าให้โอดิสฟังเรื่องเหตุร้ายเกิดขึ้นกับเซียร่า แซม และเอลริคในพอร์ตนัส และวิธีที่เขาพาสองคนมาที่นี่ หลังจากได้ยินเรื่องราวทั้งหมด โอดิสก็ได้พูด
"เป็นเรื่องดีสำหรับเจ้าที่เดาล่วงหน้าว่าจะต้องพาพวกเขาสองคนมาที่นี่ หญิงสาวที่อยู่คนเดียวกับทารกอาจเป็นเรื่องยากที่จะใช้ชีวิตในสถานที่ที่มีคนจรจัดเยอะเช่นพอร์ตแนส ถ้าเจ้าเชื่อในความใจดีของฉัน เหมือนกับที่เราไว้เนื้อเชื่อใจกันและกัน ฉันอยากจะคุยกับสาวน้อยตามลำพัง ถ้าเธอเต็มใจนะ”
เบลคเดินกลับลงไปที่ห้องนั่งเล่นและบอกเซียร่าว่าโอดิสผู้เป็นอาจารย์ของเขาขอคุยกับเธอเป็นการส่วนตัวสักครู่
เมื่อได้ยิน เซียร่าจึงพูดว่า
"ใช่ ฉันอยากจะขอบคุณเขาสำหรับมือดาบที่ช่วยชีวิตฉันและลูกชายของฉัน มิสเบลล์ คุณช่วยดูแลเอลริคลูกชายของฉันให้ฉันสักระยะหนึ่งได้ไหม ฉันจะไปคุยกับเจ้าของบ้านหน่อย”
"ไม่มีปัญหาเลย สาวน้อย ฉันรักการอุ้มเด็กมากกว่าสิ่งอื่นใดในโลกนี้” เบลล์ตอบกลับด้วยความเอ็นดู
หลังจากนั้น เบลคจึงนำเซียร่าไปห้องของโอดิสและขอตัวออกไป โอดิสลุกขึ้นและเปิดประตูพูดว่า
"เข้ามาเถอะลูกของข้า และนั่งนะ"
เธอไม่รู้สึกเซอร์ไพรซ์ที่ถูกเรียกว่าลูกของเขา เซียร่าเดินเข้าไปในห้องและนั่งบนโซฟาตัวเล็กที่อยู่ตรงข้ามกับโต๊ะไม้ขนาดใหญ่ที่มีเก้าอี้วางระเกะระกะอยู่ข้างหลัง โอดิสปิดประตูแล้วเดินไปหลังโต๊ะเพื่อลากเก้าอี้ออกจากด้านหลัง หลังจากจัดเก้าอี้สูงในจุดใหม่ที่เขารู้สึกว่าเหมาะกับโต๊ะขนาดใหญ่ที่มีไฟลุกโชน เขาก็นั่งลงด้วยเสียงลากอันดัง
เมื่อนั่งสบายแล้ว โอดิสกล่าวว่า
"ขอเริ่มต้นด้วยการแนะนำตัวเองก่อน ข้าชื่อโอดิส แล้วข้าจะพูดกับเธออย่างไร สาวน้อย"
"ฉันชื่อเซียร่า เวลเลน และลูกชายของฉันชื่อเอลริค"
เซียร่ากล่าวว่าตัดสินใจที่จะไม่ปิดบังชื่อจริงจากเจ้านายของผู้ช่วยชีวิตของเธอ
"ก่อนอื่นฉันอยากจะขอบคุณท่านและนักดาบเบลคที่รับใช้คุณที่ได้ช่วยชีวิตฉันและลูกชาย"
"เซียร่า เธอไม่จำเป็นต้องเป็นทางการหรือขอบคุณเรามากหรอก ข้าเป็นเพียงชายชราที่มีจิตใจดี ส่วนเบลคเขาทำในสิ่งที่ผู้ชายดีๆที่เห็นผู้หญิงและเด็กตกอยู่ในอันตรายจะทำ เธอบอกได้ไหมว่าอะไรนำเธอมาถึงหน้าประตูบ้านของข้าล่ะ เมื่อเธอเพิ่งคลอดเด็กชายออกมาได้ไม่นาน”
“ฉันคิดว่านั่นคือเหตุผลที่คุณขอคุยกับฉันเป็นการส่วนตัว แต่ฉันรู้ว่านี่อาจเป็นเรื่องละเอียดอ่อน จะดีกว่าถ้าไม่ให้รายละเอียดที่อาจทำให้ลูกของฉันหรือตัวฉัน และบางทีแม้แต่ท่านต้องตกอยู่ในอันตราย สิ่งที่ฉันพูดได้ก็คือบ้านเกิดของฉันถูกโจมตีและพวกเราต่างวิ่งหนีเอาชีวิตรอดกันหมด”
เซียพูดด้วยน้ำเสียงไม่เต็มใจเท่าไรนัก
“ข้าเข้าใจๆ ข้าเข้าใจได้ว่ามันค่อนข้างไกล เมื่อพิจารณาว่าเบลคพบคุณในเมืองท่านะ ถ้าเธอกังวลว่ามันอาจทำให้เธอหรือคนอื่นๆ ตกอยู่ในอันตรายมากขึ้น ข้าจะไม่กดดันเธอให้บอกรายละเอียด แต่ข้าพอจะทราบดีว่าเธออาจจะต้องจากที่ไหนมาสักแห่ง”
โอดิสพูดในขณะที่เขาพยายามนึกอยู่ว่าเขาเคยได้ยินชื่อเวลเลนที่ไหนมาก่อน
"ยินดีต้อนรับเธอและลูกชายเอลริคนะที่จะอยู่ที่นี่ ไม่ว่าจะในบ้านหลังใหญ่หลังนี้หรือในบ้านหลังเล็กหลังใดหลังหนึ่งที่สามารถจัดให้เธอได้ ถ้าเธอเลือกได้ ข้าอยากให้เธอสองคนอยู่ในบ้านของข้า แต่จะไม่บังคับหรอก"
โอดิสกล่าวอย่างอบอุ่น หลังจากพูดอีกเล็กน้อย เซียร่าบอกว่าเธอต้องการเวลาสองสามวันเพื่อคิดทบทวนสิ่งที่โอดิสให้ข้อตกลง
การเตรียมการที่พักให้เซียและเอลริคเข้าพักในห้องพักบนชั้นสองของคฤหาสน์โอดิส ในความเป็นจริงมันอยู่ติดกับห้องของโอดิสโดยมีเพียงประตูเชื่อมระหว่างพวกเขา จริงๆเซียร่าได้ตัดสินใจแล้วก่อนที่เธอจะออกจากห้องด้วยซ้ำ เธอต้องการเวลาเพิ่มเพื่อเตรียมตัวสำหรับสิ่งที่เธอตัดสินใจจะทำ
ตอนนี้เธอกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะเล็กๆ ในห้อง เธอเขียนจดหมายสองฉบับในขณะที่มองดูลูกชายที่กำลังหลับใหลราวกับว่าจะเป็นคืนสุดท้ายไปอีกนานแสนนาน เพื่อความปลอดภัยของเขา เธอตัดสินใจทิ้งเขาไว้ที่นี่ซึ่งปลอดภัยแน่นอนในขณะที่กลับไปใช้ชีวิตในย่านการค้าของพอร์ตแนส
เซียร่าคิดถึงจุดนี้ด้วยกลัวว่าพวกเขาจะถูกติดตามหรือค้นพบด้วยวิธีใดๆโดยผู้ที่อยู่เบื้องหลังการโจมตีของเหล่าแม่มดเมืองหลวงของอาณาจักรเวลเลน นอกจากนี้ ความคิดที่จะอาศัยอยู่ร่วมชายคาเดียวกับชายอื่นหากสามีของเธอยังมีชีวิตอยู่ก็ไม่ค่อยเข้าท่ากับเธอนัก ไม่สำคัญสำหรับเธอว่าผู้ชายคนนั้นน่าจะอายุมากพอที่จะเป็นปู่ของเธอได้ด้วย
'จงเติบโตและกอบกู้เมืองของเราให้ดีกว่าเรานะลูก'
หนึ่งสัปดาห์ต่อมา เธอเล่าให้โอดิสฟังถึงการตัดสินใจจากไป โดยให้เอลริคอยู่ในความดูแลของเขา แม้ชายชราจะติดขัดในใจกับการเลือกของเธอ โดยบอกว่าเด็กควรมีแม่อยู่เคียงข้าง แต่เขาไม่ห้ามเธอและเข้าใจว่าเป็นเพราะความรักและความห่วงใยที่มีต่อลูกชายของเธอ เธอมอบจดหมายสองฉบับให้โอดิสและบอกให้เขาอ่านฉบับหนึ่งในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า และมอบอีกฉบับให้เอลริคเมื่อเขาอายุมากขึ้น เธอจากไปในเช้าวันรุ่งขึ้น เนื่องจากเธอมีเงินมากพอสมควร เธอจึงสามารถซื้อร้านค้าที่มีห้องพักอาศัยด้านบนในพอร์ตแนสได้ แม้จะเป็นผู้หญิงก็ตาม เพราะในตอนท้ายของวัน เสียงพูดคุยเรื่องเงินจะดังที่สุด ไม่มีเรื่องอื่นเลย
ห้องที่เซียร่าและเอลริคพักอยู่นั้นเป็นของเอลริค และสาวใช้ "เบลล์คนชรา" ทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงเด็กให้เพื่อดูแลความต้องการของเขา ทุกคนรู้ว่าเธอรักเด็ก ดังนั้นจึงไม่แปลกใจสำหรับโอดิสและเบลคเลย