ตอนที่แล้วบทที่ 14 แต่มันเป็นงานของข้า
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 16 เผาเป็นเถ้าถ่าน

บทที่ 15 ฮีโร่หนุ่มวัยเยาว์


ใกล้จะรุ่งสางแล้ว เอลริคและเบลซเข้าใกล้ชายแดนของอาณาจักรแอช ระหว่างทางทั้งสองได้ฆ่าโจรไปสิบหกคนตามทาง ในขณะที่เบลซสามารถวิ่งได้หลายวันโดยไม่ได้พักผ่อน เอลริคทำได้เพียงแค่ฝืนไม่ให้หลับเท่านั้น ทั้งสองจึงหยุดพักผ่อนใต้ต้นเอล์มใหญ่ ไม่นานนักเอลริคก็ผล็อยหลับไปในใต้ต้นไม้ เบลซนอนลงข้างเขาและพันหางของเธอไว้รอบตัวเขาเหมือนผ้าห่ม

เอลริคสามารถนอนหลับได้สองสามชั่วโมงก่อนที่จะถูกปลุกด้วยเสียงของผู้หญิงที่ร้องขอความช่วยเหลือในระยะไกล เสียงร้องมาจากทิศทางของถนนที่มุ่งสู่ใจกลางอาณาจักรแอช แม้ว่าปกติแล้วเขาจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อช่วยใครบางคน โดยเฉพาะผู้หญิง แต่เขากำลังหาทางไปช่วยเจ้าหญิงอาลิสอยู่แล้ว ยังไงเขาก็มุ่งหน้าไปทางนั้นอยู่ดี ดังนั้นมันจึงเป็นวันโชคดีของผู้หญิงคนนี้

เขาขี่เบลซไปทางเสียงของผู้หญิงที่ร้องขอความช่วยเหลือให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ พวกเขาสองคนไม่ต้องการไปถึงถึงสาย ถ้าพวกเขาสองคนจำต้องช่วยเธอ พวกเขาต้องรีบไปให้ถึงที่นั่นโดยเร็ว เมื่อพวกเขาเข้าไปใกล้ เอลริคก็เห็นว่าเป็นหญิงชราที่ถูกกลุ่มโจรทำร้าย เอลริคกระโดดลงจากหลังของเบลซและฟาดดาบของเขากลางอากาศ เขาฟันที่คอของโจรที่ใกล้ที่สุดทันที ก่อนที่หัวของโจรคนนั้นจะกระแทกพื้น เอลริคปรี่เข้าไปจัดการกับหนึ่งในนั้นที่ยังมีชีวิตอยู่ต่อแบบไม่รีรอ เปลวไฟจากปากมังกรลุกโชนมาจากอีกด้านหนึ่งของหญิงชราที่กัดหัวของโจรที่ยังคงพยายามปล้นหญิงชรา และหางของเบลซฟาดอีกคนไปที่ต้นไม้ทำให้โจรกระเด็นเมื่อถูกกระแทก เอลริคแทงโจรคนสุดท้ายที่หน้าอกทะลุหัวใจของโจรตายทันที หลังจากโจรทุกคนตายสนิทและกลายเป็นอาหารของเบลซ เขาก็ลงไปดูหญิงชราว่าเธอโอเคหรือไม่

หญิงชรามึนงงและฟกช้ำเล็กน้อยจากการโจมตีของพวกอันธพาล เอลริคเอื้อมมือไปหาเธอเพื่อช่วยพยุงเธอขึ้นจากข้างถนนและถามว่า

"ท่านเป็นอะไรไหมหญิงชรา?"

“ใช่ ขอบคุณนะฮีโร่หนุ่มน้อย” เธอพูด เมื่อตั้งหลักยืนขึ้นมาได้ หญิงชราก็ล้วงเข้าไปในตะกร้าและหยิบแอปเปิ้ลออกมาสองผล หลังจากที่เธอทำสิ่งนี้ หญิงชราก็พูดว่า "ฉันต้องการตอบแทนเธอที่ช่วยฉันจากพวกโจร แต่สิ่งที่ฉันมีคือแอปเปิ้ลสองสามลูกที่ฉันกำลังนำไปตลาด ดังนั้นฮีโร่หนุ่ม โปรดรับแอปเปิ้ลสองลูกนี้และบอกชื่อกับฉันด้วย เผื่อฉันจะได้อธิษฐานให้เธอโชคดี "

“ชื่อของเราคือเอลริค เวลเลน เราเป็นผู้พิทักษ์ของเจ้าหญิงแห่งฟอสต์ ถ้าท่านรู้ว่าทำไมเราถึงมาที่อาณาจักรแอช ท่านอาจขอให้พวกโจรที่ปล้นท่านปกป้องท่านจากเราแทนก็ได้”

“อา ใช่ ฉันเคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน ฉันคิดว่าเธอคงแก่กว่านี้ด้วย ให้ฉันเดาว่าเจ้าชายที่สามของเราทำอะไรโง่ๆไร้สาระอีกแล้ว เขาช่างไร้ประโยชน์จริงๆ ถ้าเขาทำให้เจ้าหญิงของเธอขุ่นเคือง ฉันหวังว่าเธอจะสอนเขาและพ่อผู้เสพติดอำนาจให้เป็นบทเรียนนะ หากเขาโง่พอที่จะทำบางสิ่งเพื่อนำมาซึ่งความพิโรธของอาณาจักรฟอสต์ ฉันได้แต่ภาวนาให้ฮีโร่หนุ่มไว้ชีวิตคนดีที่ขยันขันแข็งของอาณาจักรด้วยนะ พวกเราส่วนใหญ่ถูกราชวงศ์กดขี่และตกอยู่ภายใต้ความหวาดกลัว” หญิงชรากล่าว

“คำพูดของท่านช่างแทงใจจริงๆ หมู่บ้านของท่านชื่ออะไร เรายินดีที่จะไว้ชีวิตทุกคนไม่ว่าราชวงศ์จะทำอะไรอยู่หรือคิดจะทำอะไรต่อไปก็ตาม เราจะให้ท่านนั่งติดไปตลาดด้วย”

“ฉันมาจากหมู่บ้านเลียม อยู่อีกฟากของป่านี้เอง”

“โอเค เราจะช่วยท่านเอง” เอลริคพูดหลังจากกระโดดขึ้นไปบนเบลซ เขาแน่ใจว่าเธอจะไม่รังเกียจที่จะให้หญิงชราใจดีที่เพิ่งถูกทำร้ายนั่งไปด้วย เอลริคเอื้อมมือไปช่วยหญิงชราขึ้นมาบนหลังของเบลซให้มานั่งข้างหลังตัวเอง หลังจากที่เธอนั่งแล้ว เอลริคก็พูดว่า "ออกไปได้เลยเบลซ"

ระหว่างทางไปตลาด หญิงชราบอกว่าเธอชื่อ Ethel เมื่อถึงที่ๆพวกเขาทั้งสองต้องไปส่งเธอที่ตลาด เอเธลก็เล่าทุกอย่างที่เธอรู้เกี่ยวกับอาณาจักรแอชให้เอลริคฟัง เธอไม่เคยเดินทางไกลจากหมู่บ้านเลียมมาขนาดนี้ แต่เธอได้พูดคุยกับผู้คนมากมายจากทั่วราชอาณาจักรที่มาซื้อแอปเปิ้ลที่ปลูกในหมู่บ้านของเธอ เอลริครู้อีกด้วยว่าใครก็ตามที่อยู่นอกอาณาเขตและอาศัยในเมืองหลวงได้รับการปฏิบัติเยี่ยงทาสโดยราชวงศ์แอซ เอเธลสามารถระบุตำแหน่งของหมู่บ้านสองสามแห่งที่เธอไปมาในช่วงหลายปีที่ผ่านมา พวกเขาทั้งหมดอยู่ใกล้กับพื้นที่ตลาดที่ตั้งขึ้น มันทำหน้าที่เป็นจุดศูนย์กลางไปยังหมู่บ้านเล็กๆ เพื่อให้พวกเขาสามารถเข้าถึงสินค้าที่พบได้ในที่ห่างไกลที่ชาวบ้านส่วนใหญ่อาศัยอยู่

เอเธลรู้สึกได้ว่าแม้เอลริคจะยังวัยเยาว์และสิ่งที่เขาทำเพื่อช่วยเหลือเธอและจะทำต่อไปดูเกินวัยเด็กไปมาก การกระทำเช่นนี้อาจมองได้สองแบบ คือถ้าไม่โตมาเปลี่ยนแปลงเป็นทรราชย์ ก็ต้องเป็นผู้นำที่จิตใจดีแต่ศัตรูขยาดเมื่อต้องสู้รบกับเขาที่มีมังกรคู่ใจข้างกาย

เอลริคและเบลซตรวจสอบให้แน่ใจว่าเอเธลจะไม่เป็นไรด้วยตัวเองก่อนที่จะออกเดินทางไปเมืองหลวงต่อ เวลาที่ใช้ไปกับการงีบหลับและช่วยเอเธลผ่านไปครึ่งวัน ด้วยเวลานี้ เมื่อพวกเขามาถึงเมืองหลวงของอาณาจักรแอชก็จะใกล้จะค่ำแล้ว เขาไม่อยากเสียเวลาจึงหยุดกินแอปเปิ้ลสองผลที่เอเธลให้เป็นรางวัล เขาแบ่งให้เบลซหนึ่งคำและเนื้อแห้งบางส่วนจากถุงข้างอาน แต่เธอส่ายหัวปฏิเสธเพราะเธอยังอิ่มจากการกินโจรก่อนหน้านี้ บนถนนเขาเห็นคนเดินผ่านไม่กี่คน ทุกคนถ่มน้ำลายกับพื้นทันทีเมื่อเขาถามว่าพวกเขาคิดอย่างไรกับเจ้าชายที่สาม โดยยืนยันคำบอกของหญิงชราเอเธลได้เป็นอย่างดี

ใช้เวลาสองชั่วโมงก่อนพระอาทิตย์ตก ขณะที่เอลริคเดินไปถึงประตูเมืองหลวง เขาลงจากหลังของเบลซแล้วคลุมผ้าให้เธอและวางสัมภาระไว้บนหลังของเธอไว้ก่อน วิธีนี้เธอจะสามารถซ่อนรูปลักษณ์มังกรของเธอและดูเหมือนสัตว์ทั่วไปตามฝูงต่างๆ เขาต้องจ่ายเงินให้ทหารยามที่ประตูสามเหรียญเงิน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าอาณาจักรแอชไม่ต้องการให้ชาวบ้านทั่วไปเข้าเมืองได้ง่ายๆ เงินสามเหรียญเป็นเรื่องยากสำหรับชาวนาและคนงานชั้นล่างที่หาได้ในเวลาถึงหนึ่งเดือน แต่ดูเป็นเพียงเงินทอนเล็กๆน้อยๆสำหรับเจ้าของบ้านหรือขุนนางผู้มั่งคั่งเท่านั้น

เอลริคพาเบลซอยู่ในคอกม้าสาธารณะและขอโทษเธอที่ทำเช่นนั้น แต่จำเป็นต้องทำ มิฉะนั้นการปิดบังอำพรางของพวกเขาอาจถูกเปิดเผยได้ หลังจากจ่ายค่าอาหารแผงลอยแล้ว เธอก็ถูกส่งให้กับคนเฝ้าคอกที่ชำนาญ เอลริคเดินไปที่พักใกล้ๆ เขาจะใช้สถานที่นี้เป็นที่ซุ่มดู และตั้งแคมป์กับเบลซในพื้นป่าที่ยังอยู่ในบริเวณเมือง วิธีนี้ทำให้เขายังคงสามารถเฝ้าดูที่พักได้เผื่อว่ามีอะไรเกิดขึ้น หรือมีข้อความทิ้งไว้ให้เขาที่นั่น เขาเข้าโดยใช้ชื่อจริงแต่ระบุว่าเป็นทูตแทนที่จะใช้ชื่อจริงว่าเป็นผู้พิทักษ์ราชกุมารี

เขาเข้าไปที่โรงอาหารที่จัดไว้สำหรับแขกที่เข้าพักและสั่งเนื้อราคาแพงเพื่อให้แน่ใจว่าเขาจะสังเกตเห็น เขากินไปทีละน้อยโดยซ่อนส่วนที่เหลือไว้ในกระเป๋า เขาจะใช้มันเพื่อแบ่งให้เบลซในภายหลัง เมื่อเขากินเสร็จเขาก็เดินไปที่แผนกต้อนรับที่ หลังจากทำให้พนักงานต้อนรับสาวดูสนใจเขา เขาถามว่าเธอรู้จักใครที่ต้งการเงินอย่างง่ายๆหรือไม่ โดยทำในสิ่งที่อาจเสี่ยงต่อชีวิต แต่เป็นงานง่ายๆ เขาบอกเธอว่าหากเธอพบคนที่เต็มใจเขาจะให้เหรียญทองกับเธอ สิ่งนี้ทำให้เธอสนใจอย่างรวดเร็ว นั่นเป็นเงินมากกว่าที่เธอจะทำได้ในหนึ่งปีที่ทำงานในโรงแรม

เขาพาเธอไปประมาณหนึ่งชั่วโมงเพื่อหา"เหยื่อ"ที่เหมาะสมสำหรับงานนี้ โดยคิดว่าการทำแบบนี้น่าจะมีโทษถึงตาย เมื่อพิจารณาว่าเธอจะได้รับเหรียญทองจากการหาคนมาทำงานนี้ นี่จะทำให้เขาเสียค่าจ้างเกือบหนึ่งสัปดาห์ แต่เอลริคไม่สนใจ ค่าตอบแทนนั้นมอบให้เขาเพื่อทำหน้าที่ปกป้องเจ้าหญิง ดังนั้นการใช้จ่ายบางส่วนเพื่อลองวิธีง่ายๆ ในการช่วยชีวิตเธอจึงเหมาะสมแล้วที่จะต้องทำ นั่นคือความแตกต่างระหว่างคนที่ได้รับค่าจ้างในฐานะอัศวินหรือยามในอาณาจักรฟอสต์เมื่อเทียบกับพนักงานหญิงร้านอาหารในอาณาจักรแอช แต่ละสัปดาห์เขาได้ถึงสามเท่าของที่เธอทำในหนึ่งปี

ชายน่าสงสารที่เธอพาเอลริคไปพบต้องการเงิน ภรรยาของเขาป่วยและยาที่จำเป็นเพื่อให้เธอมีชีวิตอยู่นั้นหายากและมีราคาแพง แม้ว่าพวกเขาจะอาศัยอยู่ในเมืองหลวงของอาณาจักรที่เล็กกว่าก็ตาม เขายอมทำทุกอย่างเพื่อเงิน เพราะจะทำให้เธอมีชีวิตอยู่ได้ แม้ว่าจะต้องแลกด้วยอวัยวะหรือชีวิตใดๆก็ตาม งานเขาง่ายกว่าที่คิด สิ่งที่เขาต้องทำคือส่งจดหมายจากเอลริคไปยังทหารรักษาการณ์ของปราสาท ตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้ส่งจดหมายถึงเจ้าชายที่สามหรือราชาแห่งอาณาจักรแอชในคืนนี้แล้วรอการตอบกลับ เมื่อได้รับคำตอบแล้ว เขาก็จะส่งมันให้หญิงสาวที่อยู่หลังโต๊ะ เอลริคจะไปรับมันในตอนเช้า

หลังจากที่เอลริคมอบจดหมายให้กับชายผู้นั้นพร้อมกับเงินครึ่งแรกสำหรับงานนั้น อีกครึ่งหนึ่งจะได้รับหลังจากได้รับคำตอบ ชายคนนั้นออกไปส่งจดหมาย ขณะที่เอลริคกลับขึ้นไปบนห้องของเขา อย่างไรก็ตาม เอลริคไม่ได้อยู่ในห้อง เขาปีนออกไปนอกหน้าต่างและกระโดดลงไปที่พื้น จากนั้นเขาก็จากไปและนำเบลซออกจากคอกม้า ทั้งสองมุ่งหน้าไปยังจุดๆหนึ่งในป่าที่เอลริคพบก่อนหน้านี้ มันเป็นต้นไม้ปกคลุมบนยอดเขาที่ขอบเมือง เอลริคปีนต้นไม้เพื่อที่เขาจะได้เห็นที่พักที่เขาจองห้องพักไว้ และรับจดหมายจากชายคนนั้น

คนที่เขาส่งไปส่งจดหมายเพิ่งมาถึงปราสาท เมื่อเขาไปถึงต้นไม้ที่เขากำลังจะนั่ง ผู้คุมหยุดรับข้อความของเขาทันที ชายคนนั้นทำตามที่เขาบอก เขาแจ้งผู้คุมว่าผู้ส่งจดหมายคือเอลริค เวลเลน ทูตแห่งอาณาจักรฟอสท์ และเขาพักอยู่ที่พักแห่งนี้ในเมืองหลวง ผู้คุมรีบออกไปส่งข่าวให้กษัตริย์ฟังว่าเป็นใครมาจากไหน ในขณะที่องครักษ์คนหนึ่งบอกให้คนส่งสารอยู่เฉยๆ เพื่อที่เขาจะได้ตอบกลับไป

องครักษ์ที่นำจดหมายมาถวายกษัตริย์ออกจากห้องบัลลังก์ทันทีหลังจากมอบให้ที่ปรึกษาที่จะอ่านให้กษัตริย์ฟัง เขากลัวว่าหากเป็นข่าวร้าย เขาอาจถูกลงโทษหรือถึงขั้นเสียชีวิต ที่ปรึกษาทำลายผนึกขี้ผึ้งของจดหมายและเริ่มอ่านจดหมายถึงกษัตริย์แห่งอาณาจักรแอช

'ราชาวิลและเจ้าชายที่สามผู้ไร้ค่าแห่งอาณาจักรแอช

เราคือเอลริค เวลเลน ผู้พิทักษ์ของเจ้าหญิงอาลิส ฟอสท์ และมังกรแห่งอาณาจักรฟอสท์ เราขอให้เจ้าสองคนส่งราชกุมารีกลับมาโดยไม่เป็นอันตรายไปที่ห้องของเราที่โรงแรมพร้อมกับหัวเจ้าชายที่สามบนจานเงินก่อนพระอาทิตย์ตกดินในคืนนี้ ถ้าเจ้าไม่ทำ ข้าจะพ่นไฟมังกรใส่เมืองนี้เมื่อพระอาทิตย์ขึ้น เมื่อถึงเวลาจะไม่มีอะไรเหลืออยู่นอกจากกองขี้เถ้า อย่าคิดแม้แต่วินาทีเดียวว่าเจ้าสามารถซ่อนตัวอยู่หลังจำนวนกองทัพกระจิริดได้ อาวุธที่ดีที่สุดในอาณาจักรของเจ้าไม่สามารถแม้แต่จะทิ้งรอยขีดข่วนบนมังกรอันยิ่งใหญ่ของเราได้ ในขณะที่เรามีความสามารถมากพอที่จะเอาชนะแชมป์เปี้ยนของอาณาจักรเจ้าในการต่อสู้ประลองตัวต่อตัวแบบปิดตาเดียว หากมีอันตรายเกิดขึ้นกับเจ้าหญิงอาลิสที่น่ารักของฉัน จะไม่มีวิญญาณที่มีชีวิตหลงเหลืออยู่ในอาณาจักรแห่งแอชเลยสักดวง นอกจากลูกสาวคนใดคนหนึ่งของเจ้าที่เราจะพาเตียงของเราในฐานะทาส'

เมื่อที่ปรึกษาอ่านจดหมายจบ เขาก็เหงื่อแตกเพราะความกลัวล้วนๆ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเอลริคและมังกรของเขา อีกส่วนหนึ่งคือราชาของเขาจะฆ่าเขาทันที ถึงกระนั้น ราชาแห่งอาณาจักรแอชคิดไม่ออกว่าจะฆ่าเจ้าชายที่สาม ลูกชายของเขาเองได้ยังไง หรือไม่ก็ต้องพยายามฆ่าเอลริก เวลเลนผู้นี้ในยามหลับใหล หรือไม่ก็ไม่ทำอะไรเลย น่าเศร้าสำหรับคนที่นำจดหมายมาให้ ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้รับเหรียญที่สองซะแล้ว โชคดีสำหรับภรรยาของเขาที่เอลริครับรองเพื่อให้แน่ใจว่าเธอจะได้รับการดูแลหากเขาไม่กลับมา เขารู้สึกแย่ที่ส่งคนที่เขาไม่รู้จักไปทำงานพิเศษให้

คืนนั้น ไม่นานหลังจากพระอาทิตย์ตกดิน เอลริคมองเห็นเปลวไฟที่มาจากที่พักที่เขาจองไว้ เขาได้รับคำตอบแล้ว ไม่เพียงแต่ราชาจะไม่ทำตามที่บอกในจดหมายเท่านั้น ราชายังพยายามฆ่าเขาด้วยการเผาโรงแรม เมื่อเห็นสิ่งนี้เขาและเบลซที่กำลังกินชิ้นเนื้อที่เขานำมาให้เธอมาจากที่พักจึงตัดสินใจว่า พวกเขาจะไม่ไว้ชีวิตใครในเมืองที่ถูกสาปนี้นอกจากเจ้าหญิงที่พวกเขามาช่วยและภรรยาของผู้ส่งจดหมาย เว้นแต่ว่าเจ้าหญิงคนใดคนหนึ่งโดนใจบางคนในอาณาจักรเข้า ถ้าเป็นเช่นนั้น พวกเธอจะถูกกดขี่และมอบให้เป็นของขวัญแก่อัศวินบางคนที่เขาชื่นชอบในฟอสต์

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด