ตอนที่แล้วตอนที่ 428 กลับบ้าน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 430 พลังความมืด

ตอนที่ 429 การโต้กลับของเซี่ยเฟย


ตอนที่ 429 การโต้กลับของเซี่ยเฟย

“ชานี่!” ทูดี้อุทานพร้อมกับขมวดคิ้วและชื่อของชายคนนี้ก็ทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกตกตะลึงเล็กน้อย เพราะท้ายที่สุดชานี่ก็เป็นถึงนักรบศักดิ์สิทธิ์อันดับ 3 และชายหนุ่มก็ไม่คิดเลยว่าเขาจะต้องเผชิญหน้ากับนักรบศักดิ์สิทธิ์ระดับนี้อย่างกะทันหัน

ชายชราผอมแห้งคนนี้มีพลังพิเศษควบคุมความมืด และเขาก็เป็นหนึ่งในคู่ต่อสู้ที่เซี่ยเฟยไม่อยากจะเผชิญหน้าด้วย แต่จู่ ๆ เขากลับปรากฏตัวขึ้นมาอย่างกะทันหัน ซึ่งชายหนุ่มก็ไม่รู้ว่าเหตุการณ์นี้เป็นเรื่องดีหรือเป็นหายนะสำหรับเขากันแน่

ชานี่สวมใส่ชุดเกราะสีดำและใช้เวลาเดินจากภูเขาลูกนั้นมายังพื้นที่ต่อสู้โดยใช้เวลาร่วม 10 นาที แต่ในช่วงเวลานี้กลับไม่มีใครทำการเคลื่อนไหวใด ๆ ราวกับว่าทุกคนกำลังคิดหาวิธีแก้ปัญหาสถานการณ์ของตัวเอง

สถานการณ์นี้เป็นสถานการณ์ที่ซับซ้อนมาก และมันก็เห็นได้อย่างชัดเจนว่าพวกเขาถูกแบ่งออกเป็น 3 ฝ่าย โดยเซี่ยเฟยคือฝ่ายที่ 1, พวกทูดี้คือฝ่ายที่ 2 และชานี่ที่พึ่งปรากฏตัวขึ้นมาเป็นฝ่ายที่ 3 ที่ยังไม่รู้ว่าเขามีเจตนาอะไรซ่อนเร้นอยู่กันแน่

ทูดี้กับลารี่พยายามทักทายชายชราจากระยะไกล แต่ยำมี่และหมิงจี้ยังคงไม่เคลื่อนไหวเพราะพวกเขาได้มุ่งความสนใจไปยังเซี่ยเฟยมากกว่า

“ผู้อาวุโสชานี่ ทำไมคุณถึงต้องตัดการเชื่อมต่อระหว่างพวกเรากับศูนย์บัญชาการด้วย?” ทูดี้ถามอย่างระมัดระวัง

“ถ้าฉันเป็นคนตัดการเชื่อมต่อแล้วจะทำไม?” ชานี่กล่าวถามเสียงดังพร้อมกับเลิกคิ้วของเขาขึ้น

แม้ว่าชายชราร่างผอมจะไม่ได้ส่งเสียงตะโกน แต่เสียงของเขาก็ดังราวกับระฆังแล้วมันก็ทำให้ผู้ฟังรู้สึกเจ็บแก้วหู

“คุณกำลังหมายความว่ายังไง? พวกเราได้รับมอบหมายจากเต็นท์ทองคำให้จับกุมนักรบมนุษย์คนนี้ และแม้แต่ท่านนักพรตเลยูตี้ก็ยังส่งลูกศิษย์มาเข้าร่วมปฎิบัติภารกิจในครั้งนี้ด้วย”

ทูดี้พยายามอ้างชื่อของอูดี้และเลยูตี้ขึ้นมาข่มขู่ชานี่ เพราะเขารู้ดีว่าพวกเขาทั้งสี่คนมีพลังไม่พอที่จะจัดการกับชายชราคนนี้ได้

“มนุษย์คุณชื่ออะไร?” ชานี่หันไปกล่าวถามเซี่ยเฟยด้วยรอยยิ้มโดยไม่คิดที่จะตอบคำถามของทูดี้

“เซี่ยเฟย” ชายหนุ่มกล่าวตอบออกไปตามตรง เพราะสถานการณ์ไม่เอื้ออำนวยให้เขาเล่นลิ้นได้ ท้ายที่สุดเขาก็รู้ดีว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะทำการสังหารศัตรูทั้งห้าในคราวเดียว ซึ่งอย่างมากที่สุดเขาก็คงจะลากศัตรูลงนรกไปพร้อมกับเขาได้ 2-3 คนเท่านั้น

“คุณเป็นคนฆ่าฮาซี่ใช่ไหม?”

“ใช่”

“เมนี่, ฮามี่, โคลซี่, บูมมี่ก็ถูกคุณฆ่าหมดเลยงั้นเหรอ?”

“ใช่”

“คนพวกนี้กำลังจะฆ่าคุณ เรื่องนี้คุณก็รู้ด้วยใช่ไหม?”

“รู้”

“แล้วคุณคิดจะสู้จริง ๆ รึไง?”

“ถึงฉันจะพยายามหนีมันก็คงไม่มีทางที่ฉันจะหนีรอดไปได้ ถ้าฉันสู้แลกชีวิตอย่างน้อยฉันก็พร้อมจะลากพวกเขาตายไปพร้อมกับฉันด้วยสัก  2 คน และถ้าหากว่าฉันโชคดีฉันอาจจะจัดการกับคนพวกนี้ถึง 3 คนเลยก็ได้”

ชานี่หัวเราะขึ้นมาอย่างฉับพลันราวกับว่าเขาพอใจในคำตอบของเซี่ยเฟย

“ฉันชอบความคิดคุณจริง ๆ เอาแบบนี้เป็นยังไงถ้าคุณร่วมมือกับฉัน ฉันก็จะช่วยรับประกันว่าคุณจะยังมีชีวิตอยู่ และคนพวกนี้ก็จะไม่สามารถที่จะทำร้ายคุณได้ตราบใดก็ตามที่ฉันยังคงอยู่ตรงนี้”

คำพูดของชายชราทำให้สีหน้าของทูดี้, ลารี่และแม้แต่ยำมี่ก็เปลี่ยนไปในทันที มีเพียงแต่หมิงจี้เท่านั้นที่ยังคงแสดงสีหน้าอันนิ่งเฉย เพราะท้ายที่สุดเธอก็ใช้ชีวิตราวกับว่าเธอเป็นคนตายตั้งแต่แรกอยู่แล้ว

“ผู้อาวุโสชานี่ที่คุณพูดแบบนี้มันหมายความว่ายังไง?” ทูดี้กัดฟันถาม

“หุบปากไปซะ! แกไม่มีสิทธิ์พูด” ชานี่คำรามพร้อมกับเหลือบสายตามองอย่างดูถูกเหยียดหยาม

เมื่อเซี่ยเฟยพิจารณาสถานการณ์ในปัจจุบัน มุมปากของเขาก็ยกรอยยิ้มขึ้นมาอย่างเจ้าเล่ห์ จากนั้นเขาก็หยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบอย่างสบาย ๆ เพราะคนที่เดือดร้อนที่สุดในสถานการณ์นี้น่าจะเป็นทูดี้มากกว่าเขา

“ผู้อาวุโสชานี่ผมก็ไม่รู้หรอกนะว่าคุณมาหาผมทำไม แต่ในเมื่อคุณมีเรื่องจะคุยกับผมแล้วทำไมคุณไม่จัดการคนที่ไม่เกี่ยวข้องพวกนี้ออกไปก่อนล่ะ? หลังจากที่ผมถูกปลดออกจากพันธนาการแล้ว ถึงเวลานั้นพวกเราค่อยมานั่งพูดคุยกัน” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“ทำไมคุณถึงคิดว่าฉันจะต้องยอมฆ่าคนพวกนี้เพื่อคุณด้วย?” ชานี่พูดติดตลกขึ้นมาเล็กน้อยขณะที่ใบหน้าของทูดี้กำลังซีดขาวด้วยความกลัว

“ผมเป็นมิตรหรือศัตรูเรื่องนี้คุณยังไม่รู้ แต่คนพวกนี้เป็นศัตรูของคุณแน่นอน คุณคงจะไม่ปล่อยให้พวกเขากลับไปฟ้องอูดี้ใช่ไหม? ดังนั้นไม่ว่ายังไงพวกเขาก็ต้องตายในวันนี้อยู่ดี” เซี่ยเฟยกล่าว

การเคลื่อนไหวของชานี่ไม่ใช่เรื่องยากที่จะคาดเดาได้ เพราะเขาคงจะต้องมีความขัดแย้งกับพวกทูดี้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นเขาก็คงจะไม่เลือกปรากฏตัวขึ้นมาในสถานการณ์หัวเลี้ยวหัวต่อแบบนี้

ตอนแรกเนื่องจากว่าอวัยวะภายในของเขาถูกพันธนาการไว้ด้วยพลังจิตของศัตรู เขาจึงมีความคิดที่จะรอให้ศัตรูเข้ามาใกล้ ๆ แล้วเขาจะลากศัตรูให้ตกตายไปพร้อม ๆ กัน เพราะท้ายที่สุดยิ่งศัตรูเคลื่อนที่เข้ามาใกล้เท่าไหร่ ชายหนุ่มก็มีความมั่นใจที่จะสังหารศัตรูได้มากเท่านั้น เขาจึงรอคอยศัตรูอย่างอดทนเพื่อให้อีกฝ่ายก้าวเท้าเข้ามาในระยะการจู่โจมของเขาด้วยตัวเอง

แต่ในตอนนี้มันก็ดูเหมือนกับว่าศัตรูของเขาก็มีศัตรูด้วยเหมือนกัน และเซี่ยเฟยก็ไม่มีเหตุผลที่จะไม่ยุแยงความสัมพันธ์ของพวกเขาให้แตกร้าวมากยิ่งขึ้น เพราะเมื่อศัตรูต้องปะทะกับศัตรูของตัวเองมันก็จะเพิ่มโอกาสให้เขามีชีวิตรอด แล้วทำไมเขาจะต้องปล่อยผ่านสถานการณ์ที่มีโอกาสจะช่วยชีวิตของตัวเองแบบนี้ด้วย

ทูดี้กับลารี่แอบส่งสายตากันอย่างลับ ๆ เพราะตรงหน้ามีศัตรูอยู่เพียงแค่ 2 คน โดยคนหนึ่งคือชานี่ผู้มีพลังมหาศาล ส่วนอีกคนหนึ่งก็คือเซี่ยเฟยซึ่งเป็นเป้าหมายของพวกเขา

อย่างไรก็ตามหมิงจี้กับยำมี่ก็ดูเหมือนจะไม่ตอบสนองกับเหตุการณ์นี้มากนัก มันจึงทำให้ทั้งทูดี้และลารี่เริ่มที่จะรู้สึกลังเล

“ความจริงฉันไม่จำเป็นต้องฆ่าคนพวกนี้หรอก เพราะพวกเขาก็มีสิทธิ์จะเข้าร่วมกับฝ่ายของฉัน ตราบใดก็ตามที่พวกเขาสามารถยอมรับเงื่อนไขที่ฉันกำหนดไว้ ดังนั้นไม่ว่าใครก็ตามก็มีสิทธิ์ที่จะมีชีวิตรอดกลับไปได้เหมือนกัน” ชานี่กล่าว

คำอธิบายนี้ทำให้พวกทูดี้รู้สึกตื่นตระหนก เพราะท่าทางของชานี่แปลกประหลาดมากและมันก็ไม่มีใครคาดเดาได้ว่าเซิร์กที่มีความแข็งแกร่งเป็นอันดับ 3 คนนี้กำลังคิดอะไรอยู่กันแน่

“พวกนายอาจจะยังไม่รู้ว่าในสายตาของอูดี้ พวกนายเป็นเพียงแค่ตัวหมากที่เอาไว้ใช้แล้วทิ้งเท่านั้น เมื่อไหร่ก็ตามที่เขาไม่ต้องการเขาก็พร้อมที่จะเสียสละพวกนายทุกคนได้ทุกเมื่อ ในครั้งนี้เขาก็ส่งคนมาพร้อมจะจัดการพวกนายในระหว่างภารกิจด้วยเหมือนกัน” ชานี่กล่าวพร้อมกับมองด้วยสายตาที่เย็นชา และในพริบตาต่อมาทั้งทูดี้และลารี่ต่างก็หันไปมองยำมี่พร้อม ๆ กัน

ชายคนนี้ทำตัวแปลก ๆ ตั้งแต่พวกเขาเริ่มทำภารกิจด้วยกันแล้ว ซึ่งถ้าหากว่ามันจะมีใครทรยศในหมู่พวกเขาทั้งสี่คน ความเป็นไปได้มากที่สุดย่อมตกลงไปที่ยำมี่อย่างไม่ต้องสงสัย

นอกจากนี้ชานี่ก็เป็นถึงนักรบระดับสูงของเผ่าพันธุ์เซิร์ก และเขาก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องยั่วยุให้พวกเขาแตกคอกัน เพราะท้ายที่สุดชานี่ก็สามารถสังหารพวกเขาทุกคนพร้อม ๆ กันได้อย่างง่ายดาย

ยำมี่ยักไหล่โดยไม่คิดที่จะแก้ข้อสงสัยของทูดี้และลารี่

“นายได้รับคำสั่งอะไรมากันแน่?” ลารี่ตะโกนถามเสียงดัง

“อยากจะพูดอะไรก็พูดไปเถอะ” ยำมี่กล่าวอย่างเฉยเมย

ท่าทางอันเย่อหยิ่งของชายคนนี้ทำให้ลารี่รู้สึกโกรธมาก และเขาก็เริ่มรวบรวมพลังน้ำแข็งขึ้นมาไว้บนมือที่เหลือเพียงแค่ข้างเดียวของเขาอย่างรวดเร็ว

อย่างไรก็ตามชานี่ก็จงใจส่งเสียงกระแอมขึ้นมา 2 ครั้งทำให้ลารี่ตระหนักว่าเขายังคงตกอยู่ภายใต้การควบคุมของชายชรา เขาจึงสลายพลังน้ำแข็งออกไปจากมืออย่างไม่เต็มใจ

“ฉันแค่บอกว่ามันมีสายลับของอูดี้อยู่ในหมู่พวกนาย แต่ฉันยังไม่ทันได้บอกเลยว่าเขาคนนั้นเป็นใคร” ชานี่กล่าว

“มันจะมีใครไปได้อีกถ้าไม่ใช่ยำมี่” ลารี่กล่าวขึ้นมาด้วยความหงุดหงิด

ยำมี่ยังคงยืนอยู่นิ่ง ๆ แล้วเผยรอยยิ้มออกมาอย่างเมินเฉย

ชานี่มองไปยังลารี่ด้วยแววตาอันเฉียบคมราวกับว่าเขาสามารถมองทะลุตัวตนของชายคนนี้ไปได้อย่างง่ายดาย

“เอาล่ะฉันจะพูดตรง ๆ เลยนะ ตอนนี้มีใครบางคนไม่ต้องการให้อูดี้เป็นราชาแห่งเต็นท์ทองคำอีกต่อไป และถ้าหากว่าใครเต็มใจจะมายืนข้างฉัน ฉันก็พร้อมที่จะไว้ชีวิตคนคนนั้นในวันนี้”

คำอธิบายที่เรียบง่ายนี้ทำให้ทุกคนรู้สึกตกตะลึงอย่างแท้จริง เพราะความหมายในคำพูดของชานี่คือการก่อกบฏ แล้วมันก็ไม่ต่างไปจากการทรยศต่อเผ่าพันธุ์ของตัวเอง

อย่างไรก็ตามตอนนี้เครื่องสื่อสารทั้งหมดก็ถูกตัดการเชื่อมต่อไปจนหมดแล้ว และทุกคนที่นี่ก็ไม่มีใครสามารถจัดการกับชายชราได้ มันจึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมชานี่ถึงสามารถพูดเรื่องนี้ขึ้นมาได้อย่างสบาย ๆ เพราะถ้าหากว่าเขาต้องการมันก็ไม่มีใครสามารถรอดชีวิตออกไปแพร่งพรายเรื่องนี้ได้อย่างแน่นอน

ในช่วงเวลาแห่งความตรึงเครียด จู่ ๆ หมิงจี้ที่ยืนอยู่ห่างจากเซี่ยเฟยไปไม่ถึง 2 เมตรก็เดินเข้าหาเซี่ยเฟยอย่างกะทันหัน ก่อนที่เธอจะยื่นมือออกมาสัมผัสกับใบหน้าของชายหนุ่มโดยตรง จากนั้นเธอก็รีบชักมือของตัวเองกลับไปพร้อมกับใบหน้าที่เริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดง

การเคลื่อนไหวเล็ก ๆ น้อย ๆ นี้ทำให้ทั่วทั้งร่างของเซี่ยเฟยเต็มไปด้วยเหงื่อ เพราะเขาต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการหยุดตัวเองไม่ให้เคลื่อนไหว และมันก็ทำให้กล้ามเนื้อทั่วทั้งร่างของเขาอยู่ในอาการหดเกร็งพร้อมที่จะระเบิดพลังออกมาได้ทุกเมื่อ

“ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่ผู้หญิงคนนี้สินะ” อันธกล่าวขึ้นมาอย่างเงียบ ๆ

การเคลื่อนไหวของหมิงจี้ไม่เป็นไปตามจังหวะพันธนาการในอวัยวะภายในของเขา แล้วมันก็สามารถยืนยันได้ว่าคนที่พันธนาการเขาไว้คือคนที่เหลืออีกสามคน

เหตุการณ์นี้ทำให้ชานี่พูดไม่ออกชั่วขณะ และเขาก็ไม่เข้าใจว่าทำไมหมิงจี้ถึงกล้าเคลื่อนไหวท่ามกลางแรงกดดันมหาศาลแบบนี้ เพราะท้ายที่สุดเขาก็อยู่ใกล้เธอมากและพร้อมที่จะคุกคามชีวิตของเธอได้ทุกเมื่อ แต่หมิงจี้กลับทำการเคลื่อนไหวราวกับว่าเขาไม่ส่งผลกระทบต่อความกลัวในใจของเธอเลย

“เอาล่ะจงเลือกมาซะว่าจะยืนเคียงข้างฉันแล้วกำจัดอูดี้ หรือจะตายที่นี่เพื่อพยายามพิสูจน์ความจงรักภักดีของตัวเอง” ชานี่กล่าวอย่างเย็นชา

ทูดี้เป็นคนแรกที่พยักหน้ารับ เพราะเมื่อพูดถึงความเป็นความตายของเขาแล้ว เขาก็สามารถที่จะตัดสินใจเรื่องนี้ได้อย่างง่ายดาย

ยำมี่คือคนพยักหน้ารับคนต่อไป และถึงแม้ว่าเขาจะดูเหมือนไม่ค่อยแยแสเรื่องราวที่เกิดขึ้น แต่เขาก็ยังคงรักชีวิตของตัวเองอยู่เหมือนกัน

ผู้ที่มีท่าทางอึดอัดใจมากที่สุดคือลารี่ผู้ภักดี แต่ท้ายที่สุดเขาก็พยักหน้ารับอย่างไม่สามารถที่จะทำอะไรได้

“ฮ่า ๆ ๆ ทุกคนตัดสินใจได้ดีมาก” ชานี่กล่าวพร้อมกับหัวเราะออกมาเสียงดัง แต่ก่อนที่เขาจะทันได้พูดจบเซี่ยเฟยซึ่งสงบมาโดยตลอดก็เริ่มทำการเคลื่อนไหว

ทุกคนต่างก็รู้สึกสงสัยว่าทำไมหมิงจี้ถึงสัมผัสใบหน้าของเซี่ยเฟย, พวกเขารู้สึกสงสัยว่าจุดประสงค์ที่แท้จริงของชานี่คืออะไรกันแน่, พวกเขาสงสัยว่าใครคือสายลับที่อูดี้สั่งให้แฝงตัวเข้ามา ซึ่งความสงสัยพวกนี้รบกวนการตัดสินใจของทุกคน แล้วมันก็ทำให้พวกเขาลืมถึงการมีอยู่ของเซี่ยเฟยไปชั่วคราว

แน่นอนว่าเซี่ยเฟยย่อมไม่พลาดโอกาสที่ดีแบบนี้ เพราะเขาได้รอโอกาสมาเป็นเวลานานกว่าชั่วโมงแล้ว และเมื่อมันได้มีโอกาสปรากฏขึ้นเขาย่อมไม่พลาดที่จะลงมืออย่างฉับพลัน

***************

จบแล้วสำหรับเนื้อหาของ E-Book เล่ม 7 หลังจากนี้จะเป็นเริ่มต้นการล่าสังหารราชาเผ่าเซิร์กอย่างเป็นทางการแล้วนะ ฝากติดตามกันด้วยจ้า!!

เราขออนุญาตประกาศแจ้งข่าว E-Book เล่ม 7 (ตอนที่ 376-429) จะวางขายวันที่ 5 ส.ค. 2566 นี้นะคะ สำหรับใครที่อยากอ่านแบบยาว ๆ หรือเก็บไว้สะสม เราก็ขอให้คิดพิจารณาพี่เฟยไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วยนะคะ และตอนนี้ E-Book เล่ม 2 กำลังลดราคากว่า 80% อยู่ก็สามารถซื้อกันได้น๊า ขอบคุณทุกคนมากจริงๆนะคะ (´▽`).。o♡

ช่องทาง MEB >> https://bit.ly/3NZ3Qca   ช่องทางเด็กดี >> https://bit.ly/3LDePFC 

ช่องทางปิ่นโต >> https://bit.ly/3M9vXUI

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด