ตอนที่ 19 : ตบองค์รัชทายาท (อ่านฟรี)
องค์รัชทายาทเดินขึ้นไปหาเฉียวจินเหนียงและพูดว่า “ในที่สุดข้าก็หาเจ้าพบ”
อย่างไรก็ตาม เฉียวจินเหนียงวางต้วนเอ๋อร์ลงยกมือขึ้นตบหน้าเขาอย่างแรง
เธอออกแรงสุดกำลังที่มี
“ไอ้สารเลว!”
เมื่อถูกตบอย่างกะทันหัน ลู่เฉินก็ขมวดคิ้ว "เจ้า…"
เฉียวจินเหนียงขอให้นั่วหมี่พาต้วนเอ๋อร์ออกไปก่อน ต้วนเอ๋อร์ยังคงจำนั่วหมี่ได้และตามเธอไปอย่างเชื่อฟัง
เฉียวจินเหนียงพยายามตบลู่เฉินอีกครั้งแต่คราวนี้ลู่เฉินเตรียมพร้อม เขาจับมือของเธอไว้
ข้อมือของเธอบางกว่าตอนอยู่ในเมืองหลินอันมาก
และตัวเธอก็ผอมลงมาก
ลู่เฉินถามว่า “เจ้ากำลังทำอะไรอยู่? เจ้ารู้ไหมว่าข้าตามหาเจ้ามานานแค่ไหน ถึงเจ้าจะไปจากหลินอัน แต่เจ้าจากไปโดยไม่แม้แต่จะฝากข้อความถึงข้าได้อย่างไร”
เฉียวจินเหนียงพยายามดิ้นให้หลุดจากมือของลู่เฉิน “ไม่ฝากข้อความถึงเจ้าเหรอ? เจ้าส่งจดหมายหย่าให้ข้า ทำไมข้าต้องฝากข้อความถึงเจ้าด้วย ข้าแค่ไม่คิดว่าเจ้าจะใจร้ายกับข้าได้ขนาดนี้!”
ลู่เฉินขมวดคิ้ว “จดหมายหย่า? ข้าไม่เคยให้จดหมายหย่ากับเจ้า”
“เจ้าจะแก้ตัวอะไรกัน! ข้าจำลายมือของเจ้าได้ ซ้ำเจ้ายังแย่งต้วนเอ๋อร์ไปจากข้าอีก เจ้ารู้ไหมว่าข้าพยายามตามหาเขาขนาดไหนในช่วงที่ผ่านมา”
ลู่เฉินกล่าวว่า "ใจเย็นๆ เจ้าฟังคำอธิบายของข้าก่อน… ตอนนั้นข้าไม่รู้สถานการณ์ในฉางอัน เจ้ารู้ไหม ตัวตนของข้านั้นพิเศษ และข้ากลัวว่าเจ้าจะปรับตัวไม่ได้หากข้าเร่งพาเจ้ากลับมาที่ฉางอันนี่
“แต่ถ้าข้าทิ้งต้วนเอ๋อร์ไว้ที่หลินอัน เขาอาจตกอยู่ในอันตรายได้หากมีคนรู้ว่าเขาเป็นลูกชายของข้า
“ดังนั้นข้าจึงพาต้วนเอ๋อร์ ไปและให้เจ้ารั้งอยู่ที่หลินอันก่อน
“ทันทีที่ข้ากลับมาที่ฉางอัน ข้าขอร้องให้เสด็จพ่อออกกฤษฎีกา แต่งตั้งเจ้าเป็นพระสนมรองของข้า แต่เมื่อกฤษฎีกามาถึงหลินอัน เจ้าก็จากไปแล้ว ข้าไม่รู้ว่าจริงๆแล้วเจ้าเป็นลูกสาวของหวังอันหยวน…”
เมื่อได้ยินคำว่า "เสด็จพ่อของข้า" ในที่สุด เฉียวจินเหนียงก็มั่นใจในตัวตนของเขา ปรากฎว่าเธอเดาไม่ผิด เขาเป็นองค์รัชทายาท!
นั่วหมี่ที่ “องค์รัชทายาท” เห็นต้องไม่ใช่องค์จริง
พระสนมรองของเขา…
ลู่เฉิน ไอ้สารเลว เขากล้าดียังไงให้เธอเป็นสนม…
เฉียวจินเหนียงหัวเราะเยาะ “เจ้าบอกว่าเจ้าไม่ได้เขียนจดหมายหย่า ตอนนี้ข้าจะเชื่อเจ้าก็ได้ แต่พระสนมรองของเจ้า หมายความว่าอย่างไร? เจ้าแต่งเข้าตระกูลของข้าแล้วมิใช่หรือ มาตอนนี้เจ้าอยากจะลดระดับภรรยาของตนเองลงมาเป็นพระสนม”
ลู่เฉินปวดหัว เมื่อได้ยินเฉียวจินเหนียงเอ่ยถึงเรื่องที่เขาแต่งเข้าตระกูลของเธอ “พระสนมรองของข้าจะถูกบันทึกไว้ในลำดับวงศ์ตระกูลของราชวงศ์ มันแตกต่างจากสนมทั่วไป…”
“แต่ก็ยังเป็นสนมอยู่ดีมิใช่หรือ” เฉียวจินเหนียงคำรามเสียงต่ำ “ในหลินอัน ข้าเป็นภรรยาของเจ้า! แต่ตอนนี้เจ้ากลับต้องการให้ข้าเป็นสนม”
ลู่เฉินกล่าวว่า “เฉียวจินเหนียงใจเย็นๆ เนื่องจากตอนนี้ตัวตนของเจ้าเปลี่ยนไปแล้ว ข้าจะขอให้เสด็จแม่และเสด็จพ่ออนุญาตให้เจ้าเป็นพระสนมเอกของข้า…”
หยดน้ำตาไหลลงมาจากมุมตาของเฉียวจินเหนียง "ไม่จำเป็น"
“หากเจ้าคิดว่าการที่เจ้าแต่งเข้าตระกูลเฉียวของข้าเมื่อครั้งที่เรายังอยู่ที่หลินอันเป็นเรื่องน่าขายหน้า ก็ฆ่าข้าให้ตายเสียเถอะ จะได้ไม่มีใครรู้เรื่องนี้อีก”
“แต่เจ้าจะมาบังคับให้ข้าเป็นสนมของเจ้าไม่ได้”
ลู่เฉินกล่าวว่า “ถ้าเจ้าต้องการเป็นพระชายาของข้า ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ แต่ข้าต้องการเวลา!”
เฉียวจินเหนียงหัวเราะเยาะ “ข้าไม่ต้องการเป็นพระชายาของเจ้า ในเมื่อเจ้าบอกว่าจดหมายหย่าไม่ได้เขียนโดยเจ้า ก็ได้ ข้าจะเขียนจดหมายหย่าให้เจ้าแทน และต่อจากนี้ไปเราจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก!”
ลู่เฉินระงับความโกรธของเขา “อย่ากดดันข้ามากเกินไป ข้าตกลงแล้วที่จะให้เจ้าเป็นพระชายาของข้า…”
“ข้าไม่สน!” เฉียวจินเหนียงกัดริมฝีปากล่างของเธอ “เมื่อเจ้าออกจากหลินอัน เจ้าไม่ได้บอกตัวตนที่แท้จริงของเจ้ากับข้าด้วยซ้ำ เจ้าเคยให้เกียรติข้าแม้แต่นิดเดียวหรือไม่?”
“ทำไมเจ้าถึงคิดว่า ข้าจะยอมเป็นพระสนมรองของเจ้าได้”
“ทำไมเจ้าถึงคิดว่า ข้าจะอยากอยู่ในวังหลังและกลายเป็น1ในนางสนมนับไม่ถ้วนในอนาคตของเจ้า”
“ตอนที่เจ้าแต่งงานกับข้า เจ้าเคยสัญญาว่าจะไม่มีใครอื่นอีกในชีวิตนี้!
“แล้วทำไมเจ้าถึงคิดว่าข้าจะยอมใช้สามีร่วมกับสตรีอื่นล่ะ”
ลู่เฉินเงียบ
เฉียวจินเหนียงใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดน้ำตาแล้วพูดว่า “ข้าเคยช่วยชีวิตของเจ้าไว้ ดังนั้นข้าขอให้เจ้าแสร้งทำเป็นไม่รู้จักข้าต่อจากนี้ไป ข้าจะถือว่าจดหมายหย่าฉบับนั้นเป็นลายมือของเจ้า
“สำหรับสมบัติพวกนั้นในหลินอัน เรามาแบ่งกันคนละครึ่ง…
ต้วนเอ๋อร์…”
เมื่อพูดถึงต้วนเอ๋อร์ เฉียวจินเหนียงไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร ทุกคนรู้ว่าต้วนเอ๋อร์เป็นหลานชายของฮ่องเต้ และเป็นไปไม่ได้เลยที่เธอจะได้เขากลับมา...
“หากเจ้ายังพอมีมโนธรรมอยู่บ้าง ให้องค์หญิงฟู่ลู่พาต้วนเอ๋อร์ไปที่วังขององค์หญิงเป็นครั้งคราว เพื่อข้าจะสามารถไปหาเขาได้”
เมื่อเฉียวจินเหนียงพูดจบ ลู่เฉินก็จับข้อมือของเธอดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความโกรธ “เจ้าวางแผนไว้หมดแล้วหรือ”
เฉียวจินเหนียงมองไปที่ลู่เฉินอย่างไม่ยอมแพ้ “ด้วยวิธีนี้ จะไม่มีใครรู้ว่าองค์รัชทายาทเคยแต่งงานกับตระกูลพ่อค้า และเจ้าก็ไม่ต้องเห็นข้าให้ขุ่นข้องใจอีกต่อไป”
ลู่เฉินรู้สึกรำคาญ “ข้าบอกตอนไหนว่าข้าไม่อยากเห็นหน้าเจ้า”
“ถ้าไม่ ทำไมเจ้าถึงคิดว่าข้ามีค่าพอที่จะเป็นแค่พระสนมรองของเจ้า” เฉียวจินเหนียงกล่าว “ข้าเกรงว่าแม้แต่ตำแหน่งพระสนมรองก็ยังมีไว้เพื่อปิดปากไม่ให้ข้าเปิดเผยความลับของเจ้าใช่หรือไม่? แต่ข้าขอบอกให้เจ้าวางใจได้เลย
“ข้าจะไม่บอกใครว่าเจ้าทำอะไรกับข้าไว้บ้าง”
ใบหน้าของลู่เฉินคล้ำลง “ข้าทำอะไรเจ้า?”
“สิ่งที่เจ้าทำ ยังทำให้ข้าเจ็บปวดไม่พออีกเหรอ?”
เขาให้จดหมายหย่ากับเธอแต่กลับไม่ยอมรับ เขาลดระดับเธอให้เป็นเพียงพระสนมของเขาแต่ยังคงวางท่าทีหยิ่งผยอง เขานี่มันน่ารังเกียจยิ่งนัก
ตอนนี้เฉียวจินเหนียงเสียใจมากที่ไม่ฟังคำแนะนำของผู้อื่น ผู้ชายรูปงามที่เต็มใจแต่งงานกับตระกูลของนางอาจจะไม่ใช่ตัวเลือกที่ดี!
ลู่เฉินลดเสียงลงและพูดว่า “ถ้าวันนี้ข้าน่ารังเกียจอย่างที่เจ้าพูดจริงๆ คำพูดที่ไม่ให้เกียรติข้าของเจ้าในวันนี้ คงเพียงพอให้เจ้าตายได้สองสามครั้งแล้วกระมัง
“ข้าจะให้เวลาเจ้าสงบจิตใจ
“ตอนนี้ก็สายมากแล้ว ข้าจำเป็นต้องกลับไปที่พระราชวังตะวันออกก่อน
“เมื่อเจ้าใจเย็นลง หากต้องการพบข้าเพียงส่งข้อความถึงองค์หญิงฟู่อัน”
เฉียวจินเหนียงกล่าวว่า "ต้วนเอ๋อร์ ... เขาจะกลับไปด้วยหรือไม่"
เมื่อเห็นใบหน้าของเธอยังคงมีคราบน้ำตา ลู่เฉินใช้นิ้วโป้งเช็ดน้ำตาของเธอออกอย่างอ่อนโยน “ข้าจะฝากต้วนเอ๋อร์ไว้กับเจ้าสักพัก และอ๋องหรงน้อยจะส่งเขากลับไปที่พระราชวังตะวันออกในภายหลัง”
หลังจากที่ลู่เฉินออกไป นั่วหมี่ก็พาต้วนเอ๋อร์มา “คุณหนูเจ้าคะ เขาผู้นั้นสวมชุดคลุมมังกร มีเพียงองค์รัชทายาทเท่านั้นที่สามารถสวมชุดคลุมมังกรสี่เล็บได้…”
หลังจากเห็นเฉียวจินเหนียงแล้ว ต้วนเอ๋อร์ก็กระโดดเข้าไปในอ้อมแขนของเฉียวจินเหนียงและยื่นมือเล็กๆอ้วนๆของเขาออกไปเพื่อเช็ดน้ำตาจากใบหน้าของเธอ
“ท่านแม่ อย่าร้องไห้เลยนะขอรับ”
เฉียวจินเหนียงกอดต้วนเอ๋อร์แน่นและฝืนยิ้ม “แม่จะไม่ร้องไห้ ต่อไปนี้แม่คงจะได้เจอเจ้าบ่อยขึ้น”
เมื่อลู่เฉินออกจากศาลากิเลน หวังหรงน้อยก้าวไปขวางเพียงเพื่อจะได้เห็นรอยมือบนใบหน้าที่หล่อเหลาขององค์รัชทายาท
“คุณหนูเฉียวนี่ช่างดุร้ายจริงๆ! นางไม่เพียงแต่กล้าจับงูเท่านั้น แต่นางยังกล้าตบเจ้าด้วย!”
จากนั้นลู่เฉินก็สังเกตเห็นร่องรอยความเจ็บปวดจากรอยตบบนใบหน้าของเขา ด้วยรอยนี้ เขาคงไม่สามารถพบใครได้ชั่วคราว
ลู่เฉินกล่าวกับอ๋องหรงน้อย "พาต้วนเอ๋อร์กลับไปที่พระราชวังตะวันออกในอีกครึ่งชั่วยาม แล้วอย่าบอกใครเกี่ยวกับตัวตนของเฉียวจินเหนียง”
อ๋องหรงน้อยพยักหน้า “ก็ได้ แต่หน้าของเจ้า… ให้ข้าหายามาให้ไหม?”
ลู่เฉินยกมือขึ้นมาบดปังใบหน้าและพยักหน้า.. หากไม่ใช้ยา เขาอาจไม่สามารถไปพบเสด็จพ่อได้ในตอนนี้