ตอนที่ 7 ข้ารู้สึกผิด
ทันทีที่ซู่เฮาเที่ยนเสนอแผนของเขาออกมา การแสดงออกของเหล่าผู้อาวุโสและผู้นำของตระกูลซู่ล้วนนิ่งสงบ แม้แต่เสียงอึกอักของซู่ซงก็เงียบลงอย่างสมบูรณ์
"ข้าขอประกาศให้ซู่เฮาเที่ยนได้อันดับในการทดสอบครั้งนี้"
ว่าอะไรนะ!
ทันใดนั้น ด้วยเสียงประกาศของซู่เฉิงเฟิง ทั้งหอประชุมขนาดใหญ่ก็เงียบสนิทลงทันที....
ทุกคนไม่กล้าเยาะเย้ยหรือพูดอะไรอีกต่อไป มันเปลี่ยนเป็นใบหน้าที่แสดงความน่าเหลือเชื่อออกมาแทน
"ติ๊ง! นายท่านทำภารกิจได้สำเร็จอย่างสมบูรณ์แบบ"
"ติ๊ง! ขอแสดงความยินดีท่านที่ได้รับแต้มการเติบโต 10 แต้ม"
"ติ๊ง! ท่านต้องการใช้แต้มการเติบโตตอนนี้เลยหรือไม่"
เสียงของระบบดังขึ้นติดต่อกัน ซึ่งทำให้ซู่เฮาเที่ยนแสดงความพึงพอใจออกมา
"ผู้คนในตอนนี้มองฉันเปลี่ยนไปแล้วและตอนนี้ฉันกำลังได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก ในที่สุดพระเจ้าก็อยู่เคียงข้างฉันแล้ว!"
“ใช้สิ ใช้อยู่แล้ว ใช้เดี๋ยวนี้เลยได้ยิ่งดี”
"ติ๊ง! ขอแสดงความยินดีกับท่านที่ได้รับการเลื่อนขั้นเป็นระดับผู้ฝึกหัดพลังจิตวิญญาณขั้นที่สาม แต้มการเติบโตของท่านได้ถูกใช้หมดแล้ว"
"หือ? แต้มการเติบโตสามารถเพิ่มระดับได้งั้นด้วยงั้นเหรอ?! สุดยอดไปเลย โชคดีจริงๆที่มีระบบอยู่ในร่างนี้ ฉันโคตรแกเลยว่ะไอ้เจ้าระบบ"
ซู่เฮาเที่ยนเกือบจะเก็บอาการไม่อยู่เมื่อรู้ว่าความสามารถของแต้มการเติบโตคือการเพิ่มระดับได้
"ระบบนี้ช่างยอดเยี่ยมอะไรแบบนี้ การมีอยู่ของแกมันทำให้ฉันอยู่เหนือผู้อื่นในอนาคตได้ไม่ยากเลย!"
"ซู่เฮาเที่ยนจากความคิดและแผนการของเจ้าเมื่อครู่นี้ ในฐานะผู้อาวุโสของตระกูลข้าประกาศว่าเจ้าจะได้รับค่าคุณสมบัติของเจ้าคืนในฐานะผู้สืบทอดและยาฟื้นฟูพลังจิตวิญญาณเพื่อช่วยฟื้นฟูระดับของเจ้า"
“จากนี้ไปทั้งข้าจะดำเนินชีวิตตามความคาดหวังของตระกูล และข้าจะพยายามทำให้ดีที่สุดเพื่อความเจริญรุ่งเรืองของตระกูล จนกว่าข้าจะตาย”
ความซื่อสัตย์เป็นทักษะเฉพาะของ ซู่เฮาเที่ยนเรียกได้ว่ามาถึงจุดที่เปิดแล้วหยิกง่าย
"คนที่ทำดีอยู่แล้วก็สมควรที่จะทำดีไปจนกว่าตัวจะตาย! คู่ควรกับการได้เป็นลูกชายที่ดีของตระกูลซู่ของข้า เที่ยนเอ๋อ ต่อจากนี้ไปเจ้าสามารถเข้ามามีส่วนร่วมในการประชุมเพื่อตัดสินใจในเหตุการณ์สำคัญของตระกูลในฐานะผู้สังเกตุการณ์ได้ ท่านผู้อาวุโสสูงสุด ท่านคิดอย่างไรกับการตัดสินใจของข้า "
"ท่านผู้นำนั้นฉลาดจริงๆ ผู้อาวุโสและคนอื่นๆเองก็มีความตั้งใจเดียวกัน เที่ยนเอ๋อนั้นมีจิตใจที่มั่นคงและชัดเจน วิสัยทัษน์โดยรวมของเขานั้นกว้างกว่าพวกเรามาก ข้าเชื่อว่าด้วยแผนของเที่ยนเอ๋อนั้นจะต้องนำพาตระกูลซู่ของข้าไปอีกระดับได้อย่างแน่นอน "
ซู่เฉิงเฟิงผู้อาวุโสสูงสุดของตระกูลพูดออกมาด้วยความพอใจ
"ติ๊ง! ท่านได้รับรางวัลแบบสุ่ม ท่านได้รับกับดักแห่งเวลาขีดจำกัดอยู่ที่ห้านาที"
“ได้รับรางวัลแบบสุ่มงั้นเหรอ สวรรค์เข้าข้างฉันจริงๆด้วยสินะ!”
“ขอบคุณท่านมากที่ให้ความกรุณา ข้าจะทำตามความคาดหวังของพวกท่านอย่างแน่นอนเพื่อความเจริญรุ่งเรืองของตระกูล ข้าจะยอมตายอย่างเต็มใจ”
"เพราะฉะนั้นได้โปดให้อภัยข้าด้วยเถิด!"
ซู่เฮาเที่ยนคุกเข่าลงกับพื้นพร้อบกับสีหน้าที่เศร้าหมอง
“เที่ยนเอ๋อ เจ้ากำลังทำอะไรอยู่ รีบลุกขึ้นเดี๋ยวนี้แล้วเจ้ากำลังทำผิดเรื่องอะไรอยู่งั้นรึ?”
“เอ่อ...! นายน้อยที่สี่...นายน้อยที่สี่ถึงเจ้าจะเป็นน้องชายของข้า แต่เจ้าก็ไม่ควรไปเข้าร่วมกับตระกูลเป๋ยเพื่อใส่ร้ายพันธมิตรของพวกเราแบบนนั้น! ท่านพ่อ ท่านผู้อาวุโสและท่านผู้นำตระกูล ข้ารู้สึกผิดมากและข้าไม่สามารถควรปกปิดความผิดของนายน้อยที่สี่ได้อีกต่อไปแล้ว!”
"โอหังนักซู่เฮาเที่ยน ข้าไม่ได้สมรู้ร่วมคิดอะไรกับใครทั้งนั้น เจ้าอย่ามาพูดอะไรไร้สาระกับข้า... "
ทันทีที่ซู่เฮาเที่ยนพูดออกมานั้น ทุกคนก็เปลี่ยนท่าทีไปทันที
โดยเฉพาะอย่างยิ่งซู่ซงที่หน้าแดงและบวมกำลังรู้สึกตกใจและรีบลุกขึ้นจากพื้นก่อนจะจ้องมองไปที่ซู่เฮาเที่ยนด้วยความหวาดกลัว
ซู่เฮาเที่ยนกำลังร้องไห้อย่างขมขื่นพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาพร้อมกับน้ำด้วยท่าทีที่ดูเป็นทุกข์อย่างหนัก
“เจ้ามีหลักฐานไหม?”
แววตาของซู่หยุนเต็มไปด้วยความเย็นชาในขณะที่เขาถาม
“ซุนชางจิน เจ้าจะรออะไรของเจ้ากัน รีบหยุดผู้อาวุโสเอาไว้เร็วเข้า!!”
ในขณะที่ซู่เฮาเที่ยกำลังร้องให้คร่ำครวญอย่างหนักนั้น ร่างๆหนึ่งได้พุ่งเข้าใส่คนในตระกูลที่อยู่ด้านนอกห้องโถงด้วยความเร็วที่รวดเร็วมาก และในพริบตาเขาก็กดชายวัยกลางคนในเสื้อคลุมสีเทาลงกับพื้น
"เดี๋ยวนะ นั่นซุนชางจินนี่เป็นปู่ของนายน้อยที่สี่ไม่ใช่หรือ?"
“เฮ้ๆ เป็นความจริงงั้นหรือที่นายน้อยที่สี่จะรู้จักกับตระกูลศัตรูน่ะ?”
"ซุนชางจินผู้นี้เคยอยู่ในตระกูลเป๋ยมาก่อน!"
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นทำให้ทุกคนต่างพากันชี้ไปที่ซุนชางจินในขณะที่คนที่กำลังกดร่างของซุนชางจินเอาไว้นั้นชื่อว่าซู่เชิง
“นายท่าน ข้าทำอะไรให้ท่านคุ่นเคืองใจงั้นหรือท่านถึงได้ทำกับข้าแบบนี้ ข้าไม่ยอมรับการกระทำแบบนี้จากท่าน!”
"หือ เจ้ากำลังจะทำลายหลักฐานไม่ใช่รึ แต่ดูเหมือนว่าข้าคงไม่ต้องรอให้เทียนเอ๋อพูดจนหมดแล้ว เพราะเจ้าได้สารภาพออกมาแล้ว
ซู่เชิงเพิกเฉยต่อคำพูดของคนๆนี้ก่อนจะยื่นมือไปหยิบจดหมายเคลือบสีเหลืองจากมือของเขา แล้วโยนมันให้กับผู้อาวุโสสูงสุด ซู่เฉิงเฟิง