[ตอนฟรี] ตอนที่ 53 : ป่าไท่ฮวง
หลังจากกินนอนในที่โล่งมาหลายวัน ในที่สุดเซียวเฉินก็มาถึงเมืองหนานเทียน
ทันทีที่เขาเข้าสู่เมืองหนานเทียน เขาก็ได้ยินข่าวเกี่ยวกับจวินเซียวเหยา
เมื่อเซียวเฉินได้ยินข่าว ราวกับฟ้าผ่าคำรามในความคิดของเซียวเฉินและใบหน้าของเขาซีดลง
“จวินเซียวเหยาแข็งแกร่งกว่าแต่ก่อนอีกแล้ว” เซียวเฉินกำหมัดและขบฟันแน่น
ด้วยเหตุผลบางอย่าง เมื่อเผชิญหน้ากับจวินเซียวเหยา เขาจะรู้สึกถึงความไร้พลังในใจตลอด เหมือนกับแมลงที่พยายามเขย่าต้นไม้
“เซียวเฉินเอ๋ย จงสุขุมเข้าไว้ พลังของเจ้าในตอนนี้ไม่ได้อ่อนแอเลย หากเจ้าสามารถชิงกระดูกมังกรโบราณในคลังสมบัติลับจ้าวเทวะมาได้ มันก็เป็นไปได้ที่จะก้าวข้ามจวินเซียวเหยาผู้นั้น”
ในความคิดของเซียวเฉิน เสียงของปรมาจารย์ชิงหลงได้ดังขึ้น
เซียวเฉินสูดลมหายใจลึกและกล่าว “สิ่งที่ท่านปรมาจารย์ตักเตือนคือความสับสนที่เกิดขึ้นในใจของเด็กน้อยคนนี้ และข้าจะต้องคว้าโอกาสนี้เอาไว้ให้ได้”
อารมณ์ของเซียวเฉินยังคงซื่อตรง และเขามีใจที่กล้าหาญไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ ซึ่งเป็นเหตุผลที่เขายังยืนหยัดมาได้จนถึงตอนนี้เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม เซียวเฉินยังไม่รู้ตัว
ไกลออกไประยะหนึ่งด้านหลัง หญิงสาวที่ปกคลุมด้วยผ้าคลุมหน้ากำลังแอบตามเขามาอย่างห่างๆ
ใบหน้าของนางปกปิดด้วยชั้นบางของผ้าโปร่งขาว เผยให้เห็นเพียงดวงตาคู่งามราวกับน้ำใสในฤดูใบไม้ร่วง
นางคืออู่หมิงเยว่ องค์หญิงใหญ่แห่งราชวงศ์เทพผานหวู่ที่แอบหนีออกมา
“เซียวเฉินดูไม่เหมือนคนที่ตกอยู่ในอันตรายอะไรตั้งแต่แรกนะ” อู่หมิงเยว่พึมพำในใจ
จากนั้น นางก็ได้นึกถึงจวินเซียวเหยาที่ถูกเอ่ยถึงตลอดเวลาในช่วงนี้
“ลือกันว่าบุตรพระเจ้าแห่งตระกูลจวินทรงพลังอย่างยิ่ง แม้แต่ลำดับห้าแห่งตระกูลจวินยังถูกจัดการอย่างไม่ยากเย็น”
อู่หมิงเยว่ลอบถอนหายใจ
นางคือองค์หญิงใหญ่แห่งราชวงศ์เทพผานหวู่ที่มีสถานะที่สูงมาก
แต่ถึงอย่างนั้นนางยังมีความรู้สึกที่ต้องแหงนหน้ามองเมื่อต้องเผชิญกับบุตรพระเจ้าแห่งตระกูลจวิน
สถานะอันสูงส่งของจวินเซียวเหยา กระทั่งนางที่เป็นถึงองค์หญิงใหญ่แห่งราชวงศ์เทพยังห่างไกลที่จะเอื้อมถึง
“และยังลือกันอีกว่าบุตรพระเจ้าแห่งตระกูลจวินมีรูปลักษณ์เหมือนเทพตกสวรรค์ลงสู่ดิน แต่ข้าอยากเห็นจริงๆ ว่าเขาจะหน้าตาดีขนาดไหน” อู่หมิงเยว่อดไม่ได้ที่จะสงสัย
นางไม่ใช่คนประเภทที่ใส่ใจแค่หน้าตาภายนอก ไม่อย่างงั้นนางคงไม่ชอบเซียวเฉินไปนานแล้ว
มันเพียงแค่ข่าวลือของจวินเซียวเหยานั้นน่าทึ่ง และความอยากรู้อยากเห็นมันก็กวนใจนาง
...
ในเมืองหนานเทียน ภายในเขตศาลาที่ตระกูลจวินพักผ่อน
จวินเซียวเหยานั่งขัดขาและปรับลมหายใจ รอคอยการเปิดออกของคลังสมบัติลับจ้าวเทวะหยวนเทียน
หลังจากผ่านไปนาน จวินจ้านเทียนและผู้อาวุโสคนอื่นๆ ก็กลับมา
พวกเขารู้เรื่องของจวินเซียวเหยาและจวินว่านจี๋แล้ว
“เซียวเหยา หลานทำสิ่งที่ถูกต้องแล้วล่ะ บางครั้งหลานก็ต้องใช้วิธีการที่มันเด็ดขาดจริงๆ ถึงจะทำให้ตำแหน่งลำดับศูนย์ของหลานมั่นคง”
ไม่เพียงจวินจ้านเทียนจะไม่มีความตั้งใจที่จะตำหนิแม้แต่น้อย แต่เขากลับสนับสนุนอีกด้วย
“ผู้อาวุโสคนอื่นจะตำหนิหรือเปล่าขอรับ?” จวินเซียวเหยาถาม
“ตำหนิรึ? ใครจะกล้า หลานคือบุตรพระเจ้าและลำดับศูนย์ที่ท่านบรรพชนที่18เลือกเองกับมือ รวมกับพรสวรรค์อันไร้เทียมทานแล้ว อย่าว่าแต่ทำให้จวินว่านจี๋เป็นทาสเลย แม้หลานจะฆ่าเขาจริงๆ ก็ไม่มีใครกล้าทำอะไรหลานหรอก” จวินจ้านเทียนกล่าว
จวินเซียวเหยาพยักหน้าเล็กน้อย มันเป็นสิ่งที่เขาคาดการณ์ไว้อยู่แล้ว
“เกี่ยวกับคลังสมบัติลับจ้าวเทวะหยวนเทียน พวกเขาได้สนทนากับขุมกำลังอมตะหลายแห่งแล้ว คาดการณ์ว่าหลังจากนี้ไม่กี่วัน คลังสมบัติลับน่าจะเปิดออก”
“ในเวลานั้น พวกเราขุมกำลังหลักจะผนึกเขตแดนและอนุญาตแค่เหล่ารุ่นเยาว์เข้าไป คลังสมบัติลับจ้าวเทวะนี้จะเป็นเวทีของพวกเจ้า”
เมื่อจวินเซียวเหยาได้ยิน เขาพยักหน้าเบาๆ และกล่าว “ไม่ต้องห่วงนะท่านปู่ เซียวเหยาจะไม่มีวันทำให้เกียรติยศของตระกูลจวินตกต่ำ!”
“ฮ่าฮ่า ปู่เชื่อในตัวหลานอยู่แล้ว” จวินจ้านเทียนหัวเราะอย่างมีความสุข
เขามั่นใจอย่างยิ่งในตัวหลานชาย
...
หลังจากนั้นไม่กี่วัน
ห่างออกไปนับพันลี้จากเมืองหนานเทียน ในป่าไท่ฮวง (มหาไพรรกร้าง) จู่ๆ ก็มีแรงสั่นสะเทือนเกิดขึ้น
แรงกดดันของจ้าวเทวะได้แผ่กระจายออกมา และในเวลาเดียวกัน กลุ่มหมอกควันแปลกประหลาดสีดำเทาก็เริ่มแผ่ออกในส่วนที่ลึกที่สุดของป่าไท่ฮวง
ไม่ว่าหมอกเทาเคลื่อนผ่านไปที่ใด เหล่าสัตว์อสูร พืชโบราณและสิ่งมีชีวิตเลือดบริสุทธิ์ ทั้งหมดล้วนตาแดงก่ำและเริ่มคำรามเห่าหอน ราวกับพวกมันกำลังบ้าคลั่ง
“หืม? คลังสมบัติลับจ้าวเทวะหยวนเทียนครั้งนี้ดูไม่ค่อยจะปกติ...”
ในความว่างเปล่า ร่างหลายคนปรากฏและหายไปครั้งแล้วครั้งเล่า
คนที่กล่าวออกมาคือนักบวชเฒ่าแห่งนิกายเต๋าสวรรค์สมบูรณ์
หนานหยวนเต้าโจวเป็นถิ่นฐานของนิกายเต๋าสวรรค์สมบูรณ์ ในฐานะที่เป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในนิกายเต๋าสวรรค์สมบูรณ์ นักบวชเฒ่าย่อมมีบทบาทในการตัดสินใจภาพรวมทั้งหมด
และในตอนนี้เอง เขามองหมอกเทาที่กำลังแผ่กระจายมาจากส่วนลึกที่สุดของป่าไท่ฮวงพร้อมกับขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ทำไมข้าถึงมีความรู้สึกว่าหมอกเทาเหล่านี้คล้ายคลึงกับสสารมืดจากต่างแดน?”
ชายชราในชุดจีนกล่าวอย่างลังเล
เขาคือผู้อาวุโสแห่งตระกูลจีนามว่า จีปังยิ่น ซึ่งเป็นผู้พิทักษ์ของจีเสวียนในครั้งนี้
ตัวตนอันยิ่งใหญ่ทั้งหมดถึงกับตัวสั่นเมื่อได้ยินคำกล่าวจากปากของเขา
“มันมีบางอย่างคล้ายคลึง แต่ยังห่างไกลจากสสารมือของจริง”
ท่ามกลางตัวตนที่สำคัญหลายคน จวินจ้านเทียนก็เป็นหนึ่งในนั้น หลังจากคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ครู่หนึ่ง เขาก็ส่ายหัวเบาๆ
สสารมืดจากต่างแดนคือการมีอยู่ของบางสิ่งที่วิปริตและน่ากลัวอย่างสุดขีด
หากปนเปื้อนมันแม้เศษเสี้ยวเดียว มันจะส่งผลให้สิ่งมีชีวิตนั้นตกอยู่ในความบ้าคลั่งและกลายพันธุ์ หรือตกตายโดยตรง
และหมอกเทานี้ แม้ว่ามันจะแปลกประหลาด แต่ไม่สามารถเทียบได้เลยกับสสารมืดของจริง
“ฮิฮิ ถ้าตระกูลจวินของเจ้ากลัวมากนัก เจ้าจะคนขี้ขลาดก็ได้นะ”
ชายชราสวมใส่ชุดคลุมน้ำเงินและมีเขามังกรสีครามบนหัวเย้ยหยันอย่างเย็นชา
เขาคือผู้อาวุโสจากเชื้อสายชางหลงแห่งรังจู่หลง และครั้งนี้เขามาเพื่อปกป้องหลงปี้ชรือ
จวินจ้านเทียนแค่นเสียงเย็นชาและกล่าว “อะไรฮึ เจ้าหนอนตัวเขียว เจ้าอยากตามรอยหนอนตัวดำนั่นรึไง?”
ได้ยินคำพูดของจวินจ้านเทียน ผู้อาวุโสเชื้อสายชางหลงหน้าบึ้งและแค่นเสียงหนัก แต่ไม่ได้พูดอะไรอีก
บรรพชนที่18แห่งตระกูลจวินสังหารผู้สูงส่งยูหลงด้วยสามดาบ นั่นทำให้รังจู่หลงตกตะลึงอย่างมาก
มันเป็นไปไม่ได้สำหรับพวกเขาที่จะรบกับตระกูลจวินในขอบเขตขนาดใหญ่ อย่างน้อยก็ต้องรอจนกว่ารังจู่หลงจะพร้อม
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ การฝึกฝนของรุ่นเยาว์จะดำเนินการต่อหรือเปล่า?”
อีกด้านหนึ่ง ชายชราผอมสูงผู้หนึ่งที่มีรูปลักษณ์เกลี้ยงเกลาถาม
เขาคือผู้อาวุโสแห่งตระกูลโบราณ ตระกูลเจียง และครั้งนี้เขาก็ได้นำอัจฉริยะตระกูลเจียงมาด้วยเช่นกัน
และเป็นใครอื่นไม่ได้นอกจาก เจียงเซิ่งยี เทพธิดาแห่งตระกูลเจียง
แม้ว่าเจียงเซิ่งยีจะมีศักดิ์เป็นน้าของจวินเซียวเหยา แต่นางเพิ่งจะอายุ 24 ปีเท่านั้น และนางก็เป็นหนึ่งในความภาคภูมิใจของรุ่นเยาว์อีกด้วย
“แน่นอนว่าเราจะดำเนินการต่อ หากเราประสบกับปัญหาใดๆ เราก็ค่อยถอยกลับ ไม่เช่นนั้นหลังจากนี้ที่วิถีแห่งจักรพรรดิเปิดออก อัจฉริยะเหล่านี้อาจจะไม่ได้เข้าร่วม” จีปังยิ่นแสร้งทำเป็นกล่าว
แต่ในความเป็นจริง จุดประสงค์ที่แท้จริงของเขาคือการทำให้จีเสวียนของตระกูลจีโด่งดัง
หลังจากการเจรจา ผู้นำจากหลายขุมกำลังอมตะทั้งหมดจึงยืนยันที่จะดำเนินต่อ
และในเมืองหนานเทียน
จวินเซียวเหยาและคนอื่นๆ ก็สัมผัสได้ถึงความเคลื่อนไหวในป่าไท่ฮวงเช่นกัน
“ในที่สุดก็เริ่มแล้วหรือ?” จวินเซียวเหยาลุกขึ้นและเดินออกมา
เขาสวมใส่ชุดยาวสีขาว แม้จะมองจากระยะไกลก็ดูไร้เทียมทาน
ภายในศาลาอีกแห่งหนึ่งในเมืองหนานเทียน นักบุญน้อยจีเสวียนก็ลุกขึ้นเช่นกัน ด้วยแขนขวาที่ผสานเข้ากับกระดูกมือราชานักบุญกำลังไพล่หลัง เขามีท่าทางอันมั่นใจและสุขุม
ท้ายที่สุดแล้ว เขาก็เป็นคนหนึ่งที่นำหน้า ไม่เพียงครอบครองเหรียญตราจ้าวเทวะหยวนเทียน แต่ยังรวมไปถึงเครื่องรางโบราณ และความลับบางอย่างที่เขารู้ในคลังสมบัติลับ
จีเสวียนได้นำหน้าทุกคนไปหนึ่งก้าวแล้ว
“เกียรติยศของอัจฉริยะแห่งตระกูลจีของข้า ข้าจะเริ่มต้นมันที่คลังสมบัติลับจ้าวเทวะหยวนเทียน” จีเสวียนยิ้มด้วยความมั่นใจ
ภายในภัตตาคารในเมืองหนานเทียน เซียวเฉินที่อิ่มท้องและเตรียมตัวอย่างดีก็ออกตัวเช่นกัน
“ข้า เซียวเฉิน จะต้องคว้าเอากระดูกมังกรโบราณในคลังสมบัติลับจ้าวเทวะมาให้ได้!”
(หากมีคำแนะนำหรือข้อติเตียน สามารถคอมเมนท์เพื่อบอกกล่าวได้นะครับ ^ ^ ขอบพระคุณมากครับที่สละเวลาอ่านจนจบ)