ตอนที่ 5 กรองความคิด
วิ้งงง!
ซู่เฮาเที่ยนรู้สึกว่าจิตใจของเขากำลังจมดิ่งลงสู่ความว่างเปล่าอย่างรวดเร็ว ในขณะเดียวกัน ข้อมูลจำนวนมหาศาลได้พุ่งเข้ามาในความคิดของเขาราวกับสายน้ำที่ไหลอย่างไร้สิ้นสุด
ทันทีที่เสียงของซู่เฉิงเฟิงเงียบลง ทุกคนที่เข้ามารับการทดสอบในหอประชุมก็ตกอยู่ในสภาวะการครุ่นคิดทันที
เพราะเนื่องจากไม่มีคำตอบที่ถูกต้อง มันจึงขึ้นอยู่กับประสบการณ์ ความรู้ และระดับของแต่ละคน แม้ว่าคำตอบอาจจะออกมาแปลกๆ แต่มันจะช่วยให้เป็นประโยชน์ต่อการนำไปใช้ของตระกูลซู่
ซู่เฮาเที่ยนเองก็กำลังคิดเกี่ยวกับปัญหานี้ด้วยเช่นกัน เพราะเขาอยากจะเป็นที่หนึ่งเพื่อกอบกู้ชื่อเสียงของเขาขึ้นมา
“ถ้าอย่างนั้นข้าตอบก่อนก็แล้วกัน”
ซู่เจ๋อพูดขึ้นและพร้อมที่ตอบคำถามนี้
ทันทีที่เสียงของเขาดังออกมา มันได้ดึงดูดความสนใจของทุกคนในหอประชุมและสมาชิกของตระกูลที่อยู่ด้านนอกทันที
ผู้อาวุโสของตระกูลเองต่างก็มองไปที่ซู่เจ๋อด้วยแววตาที่ว่างเปล่าเช่นกัน
เมื่อเห็นว่าเขากำลังถูกจับตามองจากผู้คนอยู่เป็นจำนวนมาก ซู่เจ๋อก็เชิดหน้าขึ้นและยกศีรษะขึ้นสูงพร้อมกับรูปลักษณ์แห่งความภาคภูมิใจ เขารู้สึกว่าตอนนี้เขาอยู่เหนือกว่าซู่ซงในเวลานี้
"ในความคิดของข้านั้น ตระกูลฉินอยู่ในอันดับสุดท้ายอาณาจักรเที่ยนซวนเท่านั้น และไม่คู่ควรกับการได้เป็นมิตรภาพเลยแม้แต่น้อย ข้าคิดว่าตระกูลซู่ของพวกเราสามารถเพิกเฉยได้ และปล่อยให้พวกเขารับชะตากรรมของพวกเขาไป"
ก่อนที่เขาจะพูดจบ เสียงหัวเราะก็ดังออกมาจากรอบด้าน หลายๆคนต่างพากันส่ายหัวออกมา
"อันดับต่ำจนไม่คู่ควรงั้นรึ? จะบอกอะไรให้นะ ตระกูลซู่ตั้งอยู่ได้เพราะว่ามีตระกูลฉิน นอกจากพวกเขาจะเป็นพันธมิตรที่ดีแล้วพวกเขายังเป็นเสมือนป้อมปราการเพื่อป้องกันไม่ให้ตระกูลอื่นเข้ามาโจมตีตระกูลซู่ได้ซึ่งถือว่าเป็นประโยชน์แก่ตระกูลซู่มาก ดังนั้นจึงไม่ควรที่จะเพิกเฉยต่อพวกเขาแบบนี้ และอีกอย่างผู้อาวุโสของตระกูลเหล่านั้นล้วนเป็นเพียงผู้ที่อ่อนแอกว่า ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลใดๆที่จะปล่อยให้พวกเขาต้องรับชะตากรรมของพวกเขาเพียงลำพัง”
ซู่เฮาเที่ยนที่กำลังยืนอยู่ถึงกับแสดงความดูถูกเหยียดหยามใส่ซู่เจ๋อทันที
"เฮอะไร้สาระสิ้นดี โชคดีที่มันเป็นแค่เรื่องสมมุติเท่านั้น"
ทันทีที่เสียงของซู่เจ๋อเงียบลง ซู่เฉิงเฟิงก็ตะโกนออกมาด้วยใบหน้าที่ไม่พอใจ
“เอาล่ะ ยังมีใครอยากจะตอบเพิ่มอีกไหม?”
ซู่เจ๋อถึงกับหน้าแดง เขาลูบจมูกของเขาและยืนด้วยความมึนไปชั่วครู่
"ผู้อาวุโสของตระกูล ข้าคิดว่าด้วยความแข็งแกร่งของตระกูลซู่ของเรานั้น พวกเราสามารถร่วมกับตระกูลฉินทั้งภายในและภายนอกได้และไม่ใช่เรื่องยากที่จะเอาชนะตระกูลเป๋ยได้"
"ผู้อาวุโสของตระกูล ข้าคิดว่าพวกเราสามารถร่วมมือกับตระกูลอื่นๆเพื่อช่วยเหลือตระกูลฉินได้ ซึ่งมันจะเป็นวิธีที่ปลอดภัยกว่ามาก"
ซู่ขลุ่ยยิ้มและพูดด้วยเสียงดังราวกับเสียงระฆังกังวาน
"แม้ว่าความคิดนี้จะพอใช้ได้ แต่มันก็แสดงให้เห็นว่าพลังของพวกเรานั้นไม่มากพอและไม่ได้อยู่ในความคิดของตระกูลซู่"
แม้ว่าในตอนนี้เขาจะมีกลศึกของซุนวูอยู่ แต่ซู่เฮาเทียนยังคงยืนอยู่อย่างสงบ
เขาจ้องมองไปที่กลศึกของซุนวูพร้อมกับเฝ้าดูสถานการณ์ในตอนนี้ด้วยสายตาที่เย็นชา
"ผู้อาวุโสของตระกูล ถ้าเราส่งคนของพวกเราเพื่อไปเจรจาอย่างสันติภาพ ด้วยวิธีนี้นอกจากจะตระกูลฉินจะไม่ถูกโจมตีแล้ว แต่ตระกูลเป๋ยเองก็จะไม่คิดร้ายต่อตระกูลซู่ของพวกเราด้วย"
“ผู้อาวุโสของตระกูล ข้าคิดว่าเรื่องนี้ก็รวมถึงความปลอดภัยของอาณาจักรเที่ยนซวนด้วย คงจะเป็นการดีกว่าที่จะส่งตัวแทนมาทั้งสามฝ่ายและปรึกษาหารือกันเพื่อสร้างความสงบสุด”
ในตอนนี้ซู่หนิงซื่อซึ่งเงียบไปชั่วขณะพูดด้วยสีหน้าของเธอที่ผ่อนคลาย
"ความคิดของเธอนั้นเหมือนกับของซู่ขลุ่ย แม้ว่าจะมีความปลอดภัยมากกว่าเดิมเล็กน้อย แต่ก็ยังไม่เพียงพอ"
ซู่เฮาเที่ยนส่ายหัว แต่มองไปที่ผู้หญิงคนนั้นด้วยความชื่นชม ในฐานะที่เป็นผู้หญิงนั้นมันไม่ง่ายเลยที่เธอจะมีความคิดที่เฉียบแหลมได้มากเช่นนี้
คำตอบและวิธีการต่างๆได้ถูกแสดงออกมาจากปากของเด็กรุ่นใหม่หลายๆคน ด้วยความคิดที่หลากหลาย
ผู้นำของผู้อาวุโสและเหล่าผู้อาวุโสทุกคนยิ้มอย่างเงียบๆโดยไม่ส่ายหัวหรือพยักหน้า โดยเฉพาะผู้นำของผู้อาวุโสอย่างซู่เฉิงเฟิงที่ใบหน้าของเขาบูดบึ้งและเงียบ
"ผู้อาวุโสของตระกูลและทุกท่าน ข้าซู่ซงเชื่อว่าตระกูลซู่ของข้าสามารถใช้ทรัพยากรบางอย่างเพื่อช่วยเหลือตระกูลฉินและจัดหาสถานที่พักฟื้นให้แก่พวกเขาได้ และด้วยสิ่งนี้จะไม่ทำให้เกิดการสูญเสียต่อตระกูลฉินและหลีกเลี่ยงการถูกตระกูลเป๋ยจับได้อีก ซึ่งมันจะเป็นการรักษาความเป็นพันธมิตรของตระกูลฉินไว้ได้ และตระกูลเป๋ยก็ไม่มีเหตุผลที่จะขุ่นเคืองกับตระกูลของเราอีกด้วย"
"โฮ่ๆ วิธีการของนายน้อยที่สี่นี้ดีมากและคุ้มค่าที่จะลองจริงๆ"
"นายน้อยที่สี่สมควรแล้วที่จะเป็นที่หนึ่งในรุ่นของตระกูลซู่ เพราะวิธีนี้ไม่เหมือนใครเลย"
“นายน้อยที่สี่นี่เป็นคนดีมากจริงๆ”
ทันทีที่ความคิดของซู่ซงออกมานั้น เขาก็ได้รับการชื่นชมจากทุกคนในทันที แม้แต่ผู้อาวุโสของตระกูลที่นั่งอยู่ข้างบนต่างก็กระซิบกระซาบกัน รวมถึงซู่หยุนที่พยักหน้าอย่างครุ่นคิด