ตอนที่ 426 กระดานจัดอันดับแห่งความตาย
ตอนที่ 426 กระดานจัดอันดับแห่งความตาย
ณ ห้องบัญชาการของยานแวมไพร์
หลังจากที่เซี่ยเฟยได้รับลูกแก้วไออุ่นมาแล้ว เขาก็นำลูกแก้วลูกนั้นมาติดตั้งเอาไว้ตรงกลางของห้องบัญชาการแห่งนี้
กลิ่นหอมที่ฟุ้งกระจายในอากาศเป็นกลิ่นหอมอ่อน ๆ ที่ไม่รู้สึกฉุนมากเกินไป และไม่เพียงแต่จะช่วยให้ร่างกายรู้สึกกระปรี้กระเปร่าเท่านั้น แต่มันยังช่วยให้สมองรู้สึกผ่อนคลายจากความเหนื่อยล้าอีกด้วย
จอมตะกละประจำยานอย่างขนอุยย่อมหมายปองจะกลืนกินลูกแก้วไออุ่นเข้าไปตามนิสัย แต่มันก็ถูกเซี่ยเฟยขู่เอาไว้มันจึงหยุดความคิดที่จะกินลูกแก้วไออุ่นไว้เพียงเท่านั้น อย่างไรก็ตามมันก็ย้ายที่นอนประจำจากโซฟาไปยังแท่นที่อยู่ติดกับลูกแก้วไออุ่น แล้วดูเหมือนกับว่าขนอุยจะรู้สึกชอบกลิ่นหอมจาง ๆ ที่ลอยออกมาจากลูกแก้วลูกนี้มาก
หลังจากเซี่ยเฟยออกมาจากดาวแม่น้ำเส้นโลหิต ทีมของทูดี้ก็เดินทางไปยังดาวเคราะห์ดวงนี้ ซึ่งแต่เดิมยังไม่มีใครรับรู้ถึงข่าวการเสียชีวิตของฮาซี่เนื่องมาจากนักรบคนนี้ไม่ค่อยชอบที่จะสุงสิงกับผู้คน แต่สิ่งที่ทำให้ทูดี้รู้ว่าฮาซี่เสียชีวิตแล้วนั่นก็เพราะข้อความที่เซี่ยเฟยโพสต์ลงบนเครือข่ายของเซิร์ก
ข่าวการเสียชีวิตของฮาซี่สร้างความตกตะลึงให้กับชาวเซิร์กเป็นอย่างมาก แล้วเซี่ยเฟยยังเคลื่อนไหวอย่างอุกอาจโดยการเสียบหัวฮาซี่เอาไว้ยังภูเขาที่สูงที่สุดในดาวและถ่ายรูปโพสต์ลงไปยังอินเตอร์เน็ต
การกระทำนี้ทำให้ประชาชนเซิร์กทั้งรู้สึกตกใจและรู้สึกเดือดดาลไปในเวลาเดียวกัน
ย้อนกลับไปในตอนที่ฮาซี่ยังมีชีวิตอยู่ มันก็ไม่ค่อยมีใครรู้สึกชอบนิสัยของนักรบคนนี้มากเท่าไหร่นัก แต่การเสียชีวิตของเขาส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของเซิร์กอย่างมาก แล้วมันก็ไม่มีใครเชื่อว่านักรบผู้เปรียบเสมือนกับเป็นสัญลักษณ์ของนักรบศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงคนนี้จะเสียชีวิตภายใต้เงื้อมมือของมนุษย์
ในความเป็นจริงการเสียชีวิตของฮาซี่คงจะไม่ได้ทำให้พวกเขารู้สึกเสียหน้ามากขนาดนี้ ถ้าหากว่าผู้สังหารเขาคือนักรบชาวเซิร์กด้วยกันเอง แต่นี่เขาได้เสียชีวิตภายใต้เงื้อมมือของมนุษย์แล้วมันก็ไม่เพียงแต่จะทำให้นักรบศักดิ์สิทธิ์สูญเสียชื่อเสียงอย่างรุนแรงเท่านั้น แต่มันยังทำให้ทั้งเผ่าพันธุ์รู้สึกอับอายขายขี้หน้าจากความตายของเขาด้วย
ทูดี้ถอดหัวฮาซี่ออกจากเสาพร้อมกับขมวดคิ้ว เพราะท้ายที่สุดถ้าหากว่าแม้แต่ฮาซี่ก็ยังไม่สามารถหยุดยั้งเซี่ยเฟยเอาไว้ได้ เขาก็คิดว่าภายในเผ่าคงจะไม่มีใครสามารถหยุดยั้งเซี่ยเฟยได้อีกแล้ว
สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกสับสนมากยิ่งกว่าคือเซี่ยเฟยสามารถเอาชนะฮาซี่ได้ยังไง เพราะมันเคยมีเรื่องเล่าพูดต่อ ๆ กันมาว่าเมื่อผู้มีพลังสายความเร็วต้องเผชิญหน้ากับผู้มีพลังพิเศษกลืนกินพลังงาน ไม่ว่าผู้มีพลังสายความเร็วจะแข็งแกร่งมากแค่ไหน แต่เขาก็ไม่มีวันเอาชนะผู้มีพลังกลืนกินพลังงานได้ ด้วยเหตุนี้อย่างแย่ที่สุดฮาซี่ก็ไม่ควรจะพ่ายแพ้ให้กับเซี่ยเฟยง่าย ๆ แบบนี้
ในบรรดาสมาชิกภายในทีมทั้งหมดมันก็มีเพียงแต่ยำมี่และหมิงจี้ที่ไม่ได้รู้สึกสนใจเกี่ยวกับการเสียชีวิตของฮาซี่ เพราะหมิงจี้คือลูกศิษย์ของเลยูตี้มันจึงเป็นเรื่องปกติที่เธอจะรู้สึกเมินเฉยต่อเรื่องต่าง ๆ ส่วนยำมี่ก็มีนิสัยไม่ค่อยจะสนใจอะไรเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ดังนั้นถ้าหากว่ามันไม่ใช่เรื่องที่เขาคนนี้รู้สึกสนใจจริง ๆ แม้แต่การล่มสลายของจักรวาลก็คงจะไม่สามารถดึงดูดความสนใจของนักรบคนนี้ไปได้
หมิงจี้หลับตาลงพร้อมกับเริ่มรวบรวมเศษเสี้ยววิญญาณอีกครั้ง ซึ่งหลังจากที่เวลาได้ผ่านพ้นไปไม่นาน เธอก็ลืมตาขึ้นมาด้วยความตื่นเต้นก่อนที่จะรีบเขียนข้อความบนกระดานอิเล็กทรอนิกส์อย่างรวดเร็ว
“การต่อสู้อยู่บนพื้นที่ฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ของแม่น้ำ ฉันสัมผัสถึงพลังงานตกค้างจากฝ่ายตรงข้ามได้อย่างชัดเจน ครั้งนี้ฉันน่าจะรวบรวมเศษเสี้ยววิญญาณได้มากพอที่จะสร้างแบบจำลองของศัตรูได้”
“นี่คุณพูดจริง ๆ ใช่ไหม?” ทูดี้อุทานพร้อมกับชะงักไปเล็กน้อย
หมิงจี้พยักหน้ารับอย่างหนักแน่น
“รีบไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้เดี๋ยวนี้!” ทูดี้สั่งการพร้อมกับชี้มือไปยังแม่น้ำทางทิศตะวันตกเฉียงใต้
หลังจากเวลาได้ผ่านพ้นไปไม่นานยานรบของพวกเขาก็ลงจอดบนสนามรบที่เซี่ยเฟยกับฮาซี่ได้ต่อสู้กัน และทันทีที่ยานลงจอดหมิงจี้ก็เริ่มเก็บสะสมเศษเสี้ยววิญญาณที่เซี่ยเฟยได้ทิ้งเอาไว้
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับฮาซี่ เซี่ยเฟยก็จำเป็นจะต้องปลดปล่อยพลังออกมาอย่างเต็มที่ และมันก็ทำให้มีพลังงานปริมาณมหาศาลหลุดรอดออกมาจากร่างของเขาโดยไม่ได้ตั้งใจ
แม้ว่าขนอุยจะดูดซับพลังงานส่วนใหญ่ทั้งหมดในพื้นที่บริเวณนี้เข้าไปจนเกือบทั้งหมดแล้ว แต่มันก็ยังมีอณูพลังงานเป็นจำนวนมากกระจัดกระจายอยู่ทั่วทั้งพื้นที่ หมิงจี้จึงค่อย ๆ แยกแยะพลังงานของเซี่ยเฟยอย่างใจเย็นและค่อย ๆ สร้างแบบจำลองของชายหนุ่มขึ้นมา
ในระหว่างที่หมิงจี้กำลังรวบรวมข้อมูลร่างกายเล็ก ๆ ของเธอก็สั่นอย่างควบคุมไม่ได้ แต่พวกทูดี้คุ้นชินกับภาพเหตุการณ์แบบนี้แล้ว พวกเขาจึงละความสนใจจากเด็กสาวชาวมนุษย์ไปให้ความสนใจยังซากศพของอสูรเกล็ดเงินที่นอนแห้งอยู่ไม่ไกล
“นี่มันงูงั้นเหรอ?”
“งูที่ไหนมีปากแยกออกเป็น 6 กลีบ?”
“ถ้ามันไม่ใช่งูแล้วมันคือตัวอะไร?”
“ไม่ว่ามันจะเป็นตัวอะไรแต่มันต้องเป็นสัตว์อสูรที่ถูกฮาซี่ดูดกลืนพลังงานเข้าไปอย่างแน่นอน น่าเสียดายจริง ๆ ที่นักสู้ที่แข็งแกร่งอย่างฮาซี่จะต้องมาเสียชีวิตภายใต้น้ำมือของมนุษย์”
เมื่อมีคนพูดถึงการเสียชีวิตของฮาซี่ขึ้นมา มันก็ทำให้พวกเขาเกือบทุกคนถอนหายใจออกมาด้วยความเสียดาย
“พวกนายรู้ไหมว่าความตายของฮาซี่มันหมายถึงอะไร?” ยำมี่กล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงอันเย้ยหยัน
“มันก็หมายความว่าเซิร์กได้สูญเสียนักรบศักดิ์สิทธิ์ที่ทรงพลังไปน่ะสิ” ทูดี้กล่าวขึ้นมาด้วยความหงุดหงิด แล้วเขาก็ไม่ชอบน้ำเสียงที่ยำมี่เลือกใช้มากนัก
“ผิด”
“หมายความว่าอันดับที่ 16 ในรายการจัดอันดับของนักรบศักดิ์สิทธิ์จะว่างลง?” ลารี่กล่าว
“ก็ยังไม่ใช่อีกเหมือนกัน”
คำตอบนี้ต่างก็ทำให้ทุกคนรู้สึกสับสน เพราะพวกเขาไม่เข้าใจว่ายำมี่กำลังจะสื่อถึงอะไรกันแน่
“มันหมายความว่านอกเหนือจากท่านเลยูตี้ มันก็ไม่มีใครสามารถหยุดนักรบมนุษย์คนนี้ได้อีกต่อไปแล้ว”
ทุกคนต่างก็รู้ดีว่าฮาซี่มีความแข็งแกร่งมากแค่ไหน และถึงแม้ว่าเขาจะถูกจัดอันดับความแข็งแกร่งเอาไว้ที่อันดับ 16 แต่ถ้าหากว่าวัดกันในแง่ของพลังการต่อสู้ที่แท้จริงแล้ว ฮาซี่ย่อมมีพลังมากพอที่จะติด 5 อันดับแรกของนักรบศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดอย่างแน่นอน
“นายกำลังจะสื่อถึงอะไรกันแน่?” ทูดี้กล่าวถามอย่างจริงจังหลังจากที่เขาสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างในคำพูดของยำมี่
“ถ้าหากว่ามันยังไม่มีใครมาหยุดเขาเอาไว้ ฉันก็เกรงว่านักรบศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดที่อยู่ในกระดานจัดอันดับจะตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิต” ยำมี่ยังคงกล่าวขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม
ไม่มีใครเคยคิดเกี่ยวกับปัญหาเรื่องนี้มาก่อน แต่เมื่อยำมี่ได้พูดชี้นำขึ้นมาพวกเขาก็ไม่สามารถที่จะนิ่งเฉยได้อีกต่อไป
เซี่ยเฟยเลือกเป้าหมายจากกระดานจัดอันดับอย่างแน่นอน และเมื่อฮาซี่เสียชีวิตนักสู้ศักดิ์สิทธิ์ทุกคนในกระดานจัดอันดับย่อมรู้สึกหวาดกลัวว่าเป้าหมายรายต่อไปจะเป็นพวกเขา
นักสู้ชั้นยอดในกระดานจัดอันดับต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นแบบอย่างให้กับนักรบรุ่นใหม่ แต่ถ้าหากว่านักรบเหล่านี้พยายามวิ่งหนีเอาชีวิตรอด มันก็คงจะทำให้เกียรติยศของนักรบศักดิ์สิทธิ์ตกอยู่ในความโกลาหล
ไม่กี่นาทีต่อมาหมิงจี้ก็รวบรวมข้อมูลทั้งหมดได้จนเสร็จ เธอจึงหยิบผ้าเช็ดหน้าสีขาวขึ้นมาเพื่อเช็ดเหงื่อออกจากหน้าผากของเธอ
“คุณรวบรวมข้อมูลได้เพียงพอที่จะตามล่านักรบมนุษย์คนนั้นได้หรือยัง?” ทูดี้กล่าวถามขึ้นมาอย่างกระวนกระวายใจ
หมิงจี้พยักหน้าเล็กน้อย เพราะเธอสามารถสร้างแบบจำลองของเซี่ยเฟยภายในใจของเธอได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ด้วยเหตุผลอะไรบางอย่างเธอกลับรู้สึกถึงแรงดึงดูดที่อธิบายไม่ได้จากแบบจำลองของเซี่ยเฟย คล้ายกับชายคนนี้เป็นคนในครอบครัวเดียวกันกับเธอ ซึ่งแตกต่างจากตอนที่เธออยู่กับอาจารย์และศิษย์พี่ของเธออย่างสิ้นเชิง
หมิงจี้ก็ไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงมีความรู้สึกแบบนี้ แต่เธอก็ทำได้เพียงแต่เก็บความรู้สึกอันแปลกประหลาดพวกนี้เอาไว้ภายในใจ
—
ณ ลานต่อสู้ของค่ายฝึกนักรบศักดิ์สิทธิ์วินดี้
ชายผู้มีรูปร่างกำยำกำลังเดินตรวจท่าทางของนักเรียนหลายร้อยคน ซึ่งถ้าหากว่ามีนักเรียนคนใดที่เคลื่อนไหวไม่ถูกต้อง เขาก็จะเริ่มลงโทษนักเรียนคนนั้นด้วยการด่าว่าอย่างรุนแรงและบางคนก็ถูกลงโทษถึงขั้นถูกเฆี่ยนตี
การฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ถือได้ว่าเป็นเรื่องใหม่สำหรับชาวเซิร์ก ซึ่งวิชาการต่อสู้พวกนี้ไม่เพียงแต่จะสอนให้กับเหล่าบรรดาขุนนางเท่านั้น แต่พวกเขายังเปิดโอกาสฝึกสอนวิชาการต่อสู้ให้กับคนธรรมดาที่มีความตั้งใจที่ดีอีกด้วย และตราบใดก็ตามที่พวกเขาสามารถผ่านการฝึกอบรมไปได้สำเร็จ พวกเขาก็มีสิทธิ์ที่จะทดสอบความสามารถเพื่อกลายเป็นนักรบศักดิ์สิทธิ์ในอนาคต
ปกติแล้วประชาชนชาวเซิร์กแทบที่จะไม่มีโอกาสพัฒนาจนกลายเป็นนักรบศักดิ์สิทธิ์ได้เลย ดังนั้นทันทีที่วิชาการต่อสู้พวกนี้ได้ถูกเผยแพร่ออกมา ประชาชนคนทั่วไปก็เริ่มทำการฝึกฝนวิชาการต่อสู้ในทันที
เพราะท้ายที่สุดนี่ก็เป็นโอกาสที่พวกเขาจะยกระดับจากสามัญชนขึ้นเป็นชนชั้นสูง และตราบใดก็ตามที่พวกเขาสามารถกลายเป็นนักรบศักดิ์สิทธิ์ได้สำเร็จ พวกเขาก็จะหลุดพ้นจากชะตากรรมของการเป็นพลเรือนเสียที
ทันใดนั้นวัยรุ่นคนหนึ่งก็รีบวิ่งเข้ามาอย่างตื่นเต้นพร้อมกับส่งเสียงตะโกนขึ้นมาจากระยะไกล
“พ่อ! พ่อ! อันดับล่าสุดของนักรบศักดิ์สิทธิ์ประกาศออกมาแล้ว ตอนนี้รายชื่อของพ่ออยู่ในอันดับที่ 99!!”
ชายผู้มีร่างกายใหญ่สะดุ้งไปเล็กน้อยก่อนที่ใบหน้าของเขาจะเริ่มเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงิน
“ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาประกาศรายชื่อนักรบศักดิ์สิทธิ์นี่ แล้วลูกไปเอาข่าวนี้มาจากที่ไหน?” ชายร่างใหญ่กล่าวถามพร้อมกับขมวดคิ้ว
“ตอนนี้มันมีการเปลี่ยนแปลงกฎแล้วครับว่าจะทำการอัปเดตกระดานจัดอันดับสัปดาห์ละครั้ง ดูนี่สินี่คือกระดานจัดอันดับใหม่ที่พวกเขาเพิ่งปล่อยออกมา” หลังจากพูดจบเด็กชายก็รีบเปิดหน้าจอกระดานจัดอันดับขึ้นมาโชว์บิดาอย่างภาคภูมิใจ และรายชื่อของชายร่างใหญ่คนนี้ก็อยู่ในอันดับที่ 99 ของกระดานจัดอันดับจริง ๆ
อย่างไรก็ตามแม้ว่ารายชื่อของเขาจะถูกเลื่อนลำดับขึ้นมาใน 100 อันดับแรกได้สำเร็จ แต่ชายร่างใหญ่ก็ยังคงถอนหายใจราวกับว่าเขาไม่รู้สึกดีใจกับเกียรติยศที่เขาเพิ่งจะได้รับเลยแม้แต่น้อย
เด็กชายไม่เข้าใจว่าทำไมพ่อของเขาถึงอารมณ์ไม่ดีแบบนี้ แต่หลังจากนั้นไม่นานบทสนทนาของนักเรียนที่อยู่ไม่ไกลก็ดังเข้ามาภายในหูของเขา
“อะไรนะ?! อาจารย์ติดอันดับนักรบศักดิ์สิทธิ์ 100 อันดับแรกงั้นเหรอ?”
“มันก็ดีแล้วนี่ นายจะตกใจอะไรขนาดนั้น?”
“ดีบ้านนายสิ! นายไม่รู้หรือยังไงว่าตอนนี้มันมีมนุษย์จ้องจะเล่นนักรบศักดิ์สิทธิ์ 100 อันดับแรกอยู่และแม้แต่ฮาซี่ก็ยังถูกเขาฆ่าไปแล้ว”
“มนุษย์คนนั้นโหดเหี้ยมมากและไม่เคยปราณีใครเลยแม้แต่น้อย ฉันได้ยินมาว่าแม้แต่สาวงามในคฤหาสน์ของท่านฮามี่ก็ยังถูกเขาสังหารจนหมดไม่เหลือรอดชีวิตกลับมาแม้แต่คนเดียว”
“แม้กระทั่งผู้หญิงเขาก็ไม่ปล่อยไปงั้นเหรอ?”
“แบบนี้ถ้าเขาเดินทางมาที่นี่เพื่อฆ่าอาจารย์ พวกเราก็คงจะต้องเดือดร้อนไปพร้อมกับอาจารย์ด้วยสินะ”
“พรุ่งนี้ฉันไม่มาเรียนแล้ว มันไม่มีอะไรสำคัญไปมากกว่าชีวิตของตัวฉันเอง”
“ฉันก็จะไม่มาเหมือนกัน”
ในระหว่างที่นักเรียนกำลังส่งเสียงกระซิบ ชายร่างใหญ่ก็ทำได้เพียงแต่ถอนหายใจออกมา
“ลูกกลับไปบ้านก่อนแล้วบอกแม่ให้เตรียมตัวกลับไปอยู่ที่บ้านเกิดสัก 2-3 วัน”
เด็กชายไม่เคยคิดเลยว่าฮีโร่ในอุดมคติอย่างพ่อของเขาจะขี้ขลาดมากขนาดนี้ เขาจึงก้มหน้าลงอย่างอัปยศและไม่เหลือร่องรอยของความตื่นเต้นแบบเมื่อกี้อีกต่อไป
“พ่อกลัวนักรบมนุษย์คนนั้นจะมาหางั้นเหรอ?” เด็กหนุ่มถาม
“กลัวเหรอ? ชีวิตพ่อไม่เคยกลัวใครแต่ที่พ่อตัดสินใจแบบนี้นั่นก็เพราะครอบครัวของเรา ตอนนี้ลูกควรจะรู้เอาไว้ว่ากระดานจัดอันดับมันไม่ใช่กระดานแห่งเกียรติยศอีกต่อไป แต่มันเป็นตารางจัดอันดับรายชื่อแห่งความตายไปแล้ว” ชายร่างใหญ่กล่าวตอบพร้อมกับหางคิ้วที่กระตุก 2-3 ครั้ง
ภาพที่คล้าย ๆ กันนี้เกิดขึ้นทั่วทั้งเผ่าพันธุ์เซิร์กพร้อม ๆ กัน และมันก็ทำให้กระดานจัดอันดับที่เคยเป็นสัญลักษณ์แห่งความรุ่งโรจน์กลายเป็นกระดานจัดอันดับที่ทำให้ผู้คนรู้สึกกังวลใจว่า จู่ ๆ เซี่ยเฟยจะปรากฏตัวขึ้นมาเพื่อเด็ดหัวของพวกเขาไปเสียบประจานลงอินเตอร์เน็ตหรือเปล่า
ผู้ที่ไม่ได้มีรายชื่อติดกระดานจัดอันดับจะวิงวอนต่อเทพเจ้าทุกวันไม่ให้ชื่อของพวกเขาปรากฏในกระดานจัดอันดับนักรบศักดิ์สิทธิ์ แล้วมันก็มีนักรบศักดิ์สิทธิ์เป็นจำนวนมากพยายามยื่นเงินเป็นจำนวนมากเพื่อขอให้บริษัทจัดอันดับปลดรายชื่อของพวกเขาออกจากนักรบศักดิ์สิทธิ์ 100 อันดับแรก
สำหรับเซี่ยเฟยผู้เปลี่ยนแปลงรายชื่อแห่งเกียรติยศให้กลายเป็นรายชื่อแห่งหายนะก็ยิ่งมีชื่อเสียงเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม เพราะเขาได้กลายเป็นตัวตนที่ประชาชนชาวเซิร์กต่างก็รู้สึกหวาดกลัว และความหวาดระแวงนี้ก็ได้แพร่กระจายไปทั่วทั้งดินแดนเซิร์กอย่างรวดเร็ว
***************
ขนอุยเชื่อถือได้แค่ไหน? ย้ายที่นอนไปซะใกล้ขนาดนั้น อดระแวงไม่ได้จริงๆ 5555