ตอนที่ 4 รางวัล: เสือโคร่งขาวเบงกอล
ทะลุมิติมาสร้างสวนสัตว์ในฝัน ตอนที่ 4 รางวัล: เสือโคร่งขาวเบงกอล
สําหรับเจียวเจียวแล้ว เธอเคยชินกับการถูกขังอยู่ในกรงเหล็กนี้แล้ว
เธอสัมผัสกับคนข้างนอกไม่ได้ คนข้างนอกก็สัมผัสกับเธอไม่ได้เช่นกัน
แต่ตอนนี้ กรงที่เคยขวางกั้นคนข้างนอกได้หายไป คนข้างนอกกำลังเข้ามาใกล้ เจียวเจียวจึงทําตัวไม่ถูก จึงรู้สึกกังวล
แม้คนคนนั้นจะไม่ใช่คนแปลกหน้าก็ตามที
เธอส่งเสียงคํารามต่ําๆ เพื่อเป็นการเตือน
ความจริงแล้วทั้งสองฝ่ายต่างกลัวกันและกัน เพียงแต่ฟางเย่ก็ยังยิ้มสู้ แล้วก้าวถอยออกไปครึ่งก้าวอย่างนุ่มนวล
หลังจากนั้นซักพัก เจียวเจียวรู้สึกว่าไม่มีอะไรผิดปกติ จึงค่อยๆ ล้มตัวลงนอนพลางจ้องไปยังฟางเย่
“ผู้อํานวยการสุดยอดไปเลย!”
หลานลี่ที่อยู่ข้างนอก ถอนหายใจอย่างโล่งอก เมื่อกี้เธอรู้สึกราวกับว่าหัวใจกําลังจะเด้งออกจากหน้าอก
ฟางเย่ แม้จะรู้สึกกลัวอยู่บ้าง แต่ความตื่นเต้นกลับมีมากกว่า เพราะตอนนี้เขาได้ผ่านขั้นแรกมาได้แล้ว
[อารมณ์: สงสัย/คาดหวัง]
ปกติแล้ว เจียวเจียวมักจะอยู่ตัวคนเดียวภายในกรงนี้ นั่นทําให้เธอเหงามาก
เมื่อใดก็ตามที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางมา เธอก็ไม่ได้รู้สึกรังเกียจอะไร เพราะการมองคนพวกนั้นเป็นเพียงความบรรเทิงไม่กี่อย่างของเธอ
แม้บางครั้ง นักท่องเที่ยวบางคนจะส่งเสียงดังน่ารําคาญไปบ้าง แต่เธอก็ใช้ชีวิตอย่างสงบสุข
เวลาที่เธอมองพวกผู้ดูแลเข้ามาทําความสะอาด และให้อาหารก็นับเป็นหนึ่งในช่วงเวลาที่สงบสุขของเธอเช่นกัน
เพียงแต่วันนี้เจ้าผู้ดูแลคนนี้กลับเดินเข้ามาหาเธอหลังจากที่ให้อาหารเสร็จแล้ว
“เด็กดี...”
ฟางเย่มองเจียวเจียวที่กำลังมองมายังเขาอย่างสงสัย แล้วค่อยๆ ย่อตัวลงข้างเธอพลางพูดอย่างนุ่มนวล “เด็กดี...”
มือของเขาวางลงบนขาหน้าที่ปกคลุมด้วยขนสีน้ำตาลอย่างนุ่มนวล
วินาทีที่มือของฟางเย่สัมผัสกับขาหน้าของเจียวเจียว เสือโคร่งตัวใหญ่ก็เด้งตัวขึ้นจากพื้น ดวงตาของเธอเบิกกว้างอย่างตกใจ
ก่อนจะปล่อยเสียงคํารามของเสือโคร่ง ทําเอาแก้วหูของฟางเย่สั่นไหว ความรู้สึกลมหายใจอุ่นๆ ของเจียวเจียวกระทบกับใบหน้าของเขา ซึ่งภาพตรงหน้าทําเอาหลานลี่ที่อยู่ข้างนอกเรียกฟางเย่อย่างตื่นตระหนก
“ไม่เป็นไร! ไม่ต้องกังวล!”
ฟางเย่เกร็งใบหน้าไม่ให้ผิดปกติ สบตากับเจียวเจียว แล้วพูดเสียงเบาที่สุดเท่าที่จะทำได้ “เด็กดี ไม่ต้องกลัว”
นิ่งเข้าไว้!
ในเวลานี้ ยิ่งเขากังวลมากเท่าไหร่ก็ยิ่งอันตรายมากเท่านั้น เพราะฉะนั้น ต้องนิ่งเข้าไว้!!
ถ้าเขาทําอะไรผิดพลาดแม้เพียงนิดเดียว อาจทําให้เจียวเจียวเข้าใจผิด แล้วสถานการณ์ตรงหน้าอาจควบคุมไม่ได้
[อารมณ์: กังวล/ร้อนใจ]
หลังจากนั้นซักพัก อารมณ์กังวลของเจียวเจียวก็หายไป เหลือเพียงความร้อนใจเท่านั้น
เธอมองฟางเย่ แล้วค่อยๆ ยื่นหัวของเธอมาลูบกับแก้มของฟางเย่เบาๆ ซึ่งทําเอาหลานลี่ที่อยู่ข้างนอกต้องยกมือขึ้นป้องปากด้วยความประหลาดใจ
ดวงตาของฟางเย่โตขึ้นเล็กน้อย จากนั้นเขาก็ค่อยๆ ยกมือขึ้นโอบคอของเจียวเจียวและหัวเราะอย่างอ่อนแรง
ขณะเดียวกัน หยดน้ําตาเม็ดเล็กๆ ก็ไหลออกมา
จริงๆ แล้ว เขาอยากหัวเราะให้ดังกว่านี้ แต่ร่างกายของเขามันอ่อนแรงไปหมดแล้ว
“เด็กดี เด็กดี...”
เจียวเจียวเป็นฝ่ายยื่นหัวเข้ามาหาฟางเย่เพื่อแสดงความเป็นมิตร ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาไม่คาดคิดมาก่อน!
ในตอนแรก เขาวางแผนที่จะถอนตัวออกไปก่อนเพื่อรอให้อารมณ์ของเจียวเจียวคงที่ แล้วค่อยๆ สร้างความคุ้นเคยกับเธอใหม่ แต่ไม่คาดคิดว่าพฤติกรรมของเจียวเจียวหลังจากที่คํารามใส่เขาแล้วจะเข้ามาออดอ้อน และขอโทษกับพฤติกรรมที่ไม่ดีของตัวเอง
“เสียวชะมัดยาด อย่างกับมีมีดมาจ่อคอเลย” ฟางเย่เอื้อมมือที่สั่นเทิ้มลูบหลังของเจียวเจียวอย่างช้าๆ
แม้การกระทําของเขาจะดูเหมือนผ่านการวิเคราะห์มาอย่างดีแล้ว แต่ชีวิตจริงกับทฤษฎีนั้นแตกต่างกัน!
เสือ สิ่งมีชีวิตที่อยู่บนจุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหาร มันเป็นสิ่งมีชีวิตที่ดุร้าย ที่แม้กระทั่งการถูกเลี้ยงในสวนสัตว์ก็ไม่สามารถเปลี่ยนธรรมชาติความเป็นราชาแห่งป่าของมันได้
โชคดีที่เขาสามารถรับแรงกดดันและสร้างมิตรภาพกับเจียวเจียวได้
“ว้าว ได้เลี้ยงแมวตัวใหญ่นี่มันเยี่ยมไปเลย” เขายิ้มแล้วลูบหลังของเจียวเจียวต่อด้วยแก้มของเธออย่างกล้าหาญ
ขนสีน้ําตาลเหลืองของเสือนั้นทั้งหนาและแข็ง ราวกับผ้าห่มที่หยาบกระด้าง ส่วนขนสีขาวที่แก้มและท้องกลับนุ่มและลื่น ราวกับผ้าพันคอที่อ่อนนุ่ม
ในตอนแรก เจียวเจียวยังรู้สึกไม่สบายใจอยู่บ้าง ทําให้เธอแยกเขี้ยว แล้วสะบัดหัวพลางส่งเสียงคํารามเบาๆ ราวกับคนกําลังจาม
แต่พอฟางเย่ลูบเธอไปซักพัก เธอก็ตกหลุมรักความรู้สึกของการถูกลูบก่อนจะล้มตัวลงบนตักของฟางเย่ด้วยน้ําหนักตัวที่มากกว่า 200 กิโลกรรมและหยีตาอย่างสบายใจ
รู้สึกดีมาก!!
หลานลี่ ผู้ช่วยตัวน้อยที่อยู่ข้างนอก มองมาอย่างตกตะลึง!
จากประสบการณ์ของเธอ เสือเป็นสิ่งมีชีวิตที่ดุร้ายและสง่างาม แต่ตอนนี้กลับมีเสือหนึ่งตัวที่กําลังนอนเอาหัววางไว้บนตักของผู้อํานวยการ และกำลังทําตัวราวกับเป็นแมวเชื่อง!!
นี่ไม่ใช่เสือปลอมใช่ไหมเนี่ย!
ฉากตรงหน้าทําเอาหลานลี่มองตาไม่กระพริบ จนถึงขั้นลืมความกลัวเสือ แล้วมีความคิดขึ้นว่า “การที่ได้ลูบเสือมันจะรู้สึกยังไงกันนะ?’
ไม่ ช่างเถอะ ความคิดนี้มันน่ากลัวเกินไป
ดวงตาของหลานลี่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น “ฉากสวยๆ อย่างนี้ต้องถ่ายรูปเก็บไว้!”
เธอหยิบโทรศัพท์ถ่ายรูปเก็บไว้อย่างรวดเร็ว
ข้างในกรง ฟางเย่กําลังเล่นกับเจ้าแมวยักษ์อย่างมีความสุข จนถึงขั้นลืมว่าเวลาผ่านไปเท่าไหร่แล้ว และลืมถึงขั้นที่ว่าเขายอมเข้ามาเล่นกับเสือเพราะอะไร!
และเมื่อนาทีที่สิบผ่านไปก็มีเสียงแจ้งเตือนดังขึ้น
ติ้ง! (ภารกิจสําเร็จ! อารมณ์ของเสือ: มีความสุขมาก!]
[ประเมินความสําเร็จ: สมบูรณ์แบบ!]
[รางวัล: ลูกเสือโคร่งขาวเบงกอล!]
ฟางเย่ที่ได้ยินเสียงแจ้งเตือนก็รู้สึกตัว จากนั้นมองไปที่รางวัลอย่างตกตะลึง
ชิบ! เสือโคร่งขาวเบงกอล!!
เสือโคร่งขาวเบงกอลเป็นหนึ่งในเสือโคร่งเบงกอล เพียงแต่การกลายพันธ์ของยีน ส่งผลให้ขนสีส้มเหลืองพาดดํากลายเป็นสีขาวพาดดํา
ด้วยการกลายพันธ์ของสี ทําให้พวกมันเอาชีวิตรอดในธรรมชาติได้อย่างยากลําบาก เพราะสีขนที่โดดเด่นของมัน พวกมันจึงสูญพันธุ์หายไปจากป่าและมีชีวิตได้เพียงแค่ในสวนสัตว์เท่านั้น
ทั่วทั้งโลกมีไม่ถึง 200 ตัวด้วยซ้ํา!
เพราะความหายากและสง่างามทําให้พวกมันถูกบันทึกให้เป็นหนึ่งในสัตว์เทพตามตํานาน และหากมันอยู่ในสวนสัตว์
มันก็จะกลายเป็นดาวเด่นของสวนสัตว์!!
โฮก?
เมื่อรู้สึกว่าไม่มีมือมาช่วยเกา เจียวเจียวจึงลืมตาขึ้น แล้วจ้องมาที่ฟางเย่ด้วยดวงตาสีเหลืองราวอัญมณีพลางคํารามอย่างไม่พอใจ และยื่นหัวขึ้นมา
ฟางเย่ลูบหัวของเจียวเจียว แล้วยิ้มอย่างมีความสุข
“เดี๋ยวเธอจะมีเพื่อนแล้วน่ะ!!”