ตอนที่ 3 สถานการณ์ของซู่เฮาเที่ยน
ผู้หญิงคนนี้ชื่อว่าซู่หนิงซื่อ เธอเป็นหนึ่งในเด็กที่มีระดับสูงที่สุดในหมู่เด็กๆของตระกูลซู่
มีอีกคนหนึ่งที่อายุไล่เลี่ยกับซู่ซงมีร่างกายที่ใหญ่โตแข็งแรงและกำยำผิดปกติ
เด็กหนุ่มกล้ามแน่นคนนั้นชื่อซู่ขลุ่ย
เขากำลังหัวเราะอย่างเฮฮาและพูดคุยกับเพื่อนร่วมตระกูลกำลังอย่างสนุกสนาน ดูเหมือนว่าเขาจะเข้ากับพวกเขาได้เป็นอย่างดี แม้ว่าระดับของเขาจะต่ำกว่าซู่ซง แต่ก็อยู่ในขั้นที่แปดของระดับผู้เชี่ยวชาญพลังจิตวิญญาณซึ่งไม่ควรประมาท
และผู้คนจากตระกูลซู่ต่างก็กำลังยืนอยู่ด้านนอกอย่างหนาแน่นเช่นกัน
มีการพูดคุยกันมากมายในช่วงเวลานี้ทำให้บรรยากาศนั้นดูมีชีวิตชีวามาก
และที่ด้านบนสุดของหอประชุมมีเก้าอี้ขนาดใหญ่ที่เคลือบทองคำเอาไว้ แต่ละด้านของเก้าอี้เคลือบทองนั้นมีเก้าอี้ไม้จันทน์สีแดงขนาดเล็กกว่าตั้งอยู่อีกสองตัว
ในเวลานี้ผู้อาวุโสทั้งสี่ของตระกูลซู่ได้นั่งบนเก้าอี้ไม้จันทน์สีแดงด้วยรอยยิ้มและพูดคุยอย่างเงียบๆ
ผู้อาวุโสทั้งสี่ของตระกูลเหล่านี้อยู่ในระดับที่แข็งแกร่งเพราะพวกเขาล้วนไปถึงระดับผู้ใช้พลังจิตวิญญาณปฐพีแล้ว
“เฮ้ยๆดูนั่นสิ ซู่เฮาเที่ยนขี้ขโมยนั่นยังมีหน้ากล้ามาทดสอบอีกด้วยว่ะ”
เสียงที่พูดขึ้นนั้นดังเข้ามาในหูของซู่เฮาเที่ยนซึ่งที่เพิ่งเดินเข้ามาในหอประชุม
"ซู่เฮาเที่ยน? นายน้อยคนที่สามงั้นเหรอ? น่าเสียดายที่เขาทำตัวเป็นขโมยแบบนั้น น่าขายหน้าสิ้นดี!"
“ใช่ ในฐานะที่เป็นลูกของผู้อาวุโสของตระกูล ทำไมเขาถึงได้ทำตัวแบบนี้กันนะ”
ผู้คนเหล่านั้นต่างพากันพูดถึงเขาด้วยความสมเพช เหยียดหยาม และดูถูกไปที่ซู่เฮาเที่ยน
เมื่อเป็นแบบนี้มันจึงทำให้ซู่เรียนรุยนั้นยืนกัลวงอยู่หน้าหอประชุม
แม้ว่าเธอและซู่เฮาเที่ยนจะเป็นพี่น้องกัน แต่พวกเขาก็มีความสัมพันธ์ที่ดีตั้งแต่ยังเด็กและเป็นความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นมาก
ตอนนี้นายน้อยลำดับสามของเธอกำลังถูกใส่ร้ายทำให้ซู่เรียนรุยรู้สึกขุ่นเคืองอย่างมาก แต่เธอไม่สามารถทำอะไรได้
แม้ว่าตอนนี้เธอจะมีพลังเหนือกว่าคนพวกนั้น แต่เป็นซู่ซงที่เป็นนายน้อยคนที่สี่ของตระกูลซู่ ผู้อยู่ในจุดสูงสุดของระดับผู้เชี่ยวชาญพลังจิตวิญญาณ และซู่ซงเองก็เป็นคนเริ่มตะโกนด่าซู่เฮาเที่ยนด้วย
“พี่สาม เจ้าต้องอดทนไว้นะ!”
ซู่เรียนรุยได้แต่ภาวนาในใจอย่างเงียบๆ
"เฮ้ เจ้าช่วยเปลี่ยนนามสกุลของเจ้าทีได้ไหม เพราะข้าไม่อยากให้มีพวกสวะอยู่ในตระกูลของข้าน่ะ"
ซู่เฮาเที่ยนเพิกเฉยต่อสายตาที่เหยียดหยามมาที่เขาจากทุกคนและไม่พูดอะไร แต่การยั่วยุของซู่เจ๋อทำให้เขาต้องพูดตอบโต้กลับไป
ใครจะรู้ว่าตอนนี้ซู่เฮาเที่ยนคนนี้ไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไป เขามีศักดิ์ศรีในตัวเองและจะไม่ยอมให้ใครก็ตามกล้ามาดูถูกเขาแบบนี้ได้อีก
“ว่าอะไรนะ ขยะอย่างเจ้ากล้าด่าว่าข้างั้นรึ นี่เจ้าอยากโดนขับออกจากตระกูลมากขนาดเลยงั้นรึ?”
ชายร่างผอมสูงที่ยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชนพร้อมที่จะปล่อยหมัดใส่ซู่เฮาเที่ยนอย่างโหดเหี้ยม
"เฮอะๆๆ ซู่เจ๋อ ข้ารู้ว่าเจ้าไม่กล้าทำอะไรข้าหรอก หรือถ้าเจ้าคิดว่าเจ้ากล้าทำอะไรข้า ก็ลองทำดูได้เลย!"
ซู่เฮาเที่ยนที่คับแค้นใจนั้นพูดออกมาและชี้นิ้วไปที่อีกฝ่าย
ตามกฎของตระกูลซู่นั้น สมาชิกในตระกูลจะไม่ได้รับอนุญาตให้ทำร้ายร่างกายกันเป็นการส่วนตัว และพวกเขาจะถูกริบระดับพลังของเขาและถูกขับไล่ออกจากตระกูลซู่ โดยเฉพาะคนที่มีศักดิ์น้อยกว่าจะถูกทำโทษหนักกว่า ดังนั้นซู่เฮาเที่ยนจึงรู้ว่าซู่เจ๋อนั้นจะไม่กล้าทำร้ายเขา
ทันทีที่คำพูดของซู่เฮาเที่ยนออกมา แม้แต่ผู้อาวุโสของตระกูลสองสามคนที่นั่งอยู่ก็ยังมองมาที่เขา
"เจ้าขยะ แล้วเจ้าจะต้อง...!"
“ท่านผู้นำมาแล้ว!”
ขณะที่ซู่เจ๋อกำลังจะพูดตอบกลับไปนั้น เสียงๆหนึ่งก็ดังเข้ามาในหูของทุกคน ซู่เจ๋อที่กำลังตกตะลึงถึงกับหยุดการกระทำของเขาทันที
“นี่น่ะหรือพ่อของเจ้าของร่างนี้ของฉัน!”
ความสนใจของซู่เฮาเที่ยนมุ่งเน้นไปที่ชายร่างสูงที่เดินมาจากด้านในของหอประชุม